ชาญชัย เดชะเสฏฐดี

เพ็ญโสภา ลักขณาจับหัวใจ         น้องเจ้ามีนามใด บ้านอยู่หนใด                 โปรดได้เผยวจี        นวลผิวพรรณ                 เหมือนดั่งจันทร์แจ่มโสภี    หรือเจ้าเป็นเทวีเกิดจากธรณี         พาพี่คลั่งไคล้ ยามสบเนตรน้อง             ใจพี่ต้องสยบรักให้ ใจภักดิ์ยอมควักดวงฤทัย        ไว้ใต้เบื้องบาทนาง เพ็ญโสภา ลักขณาทั่วสรรพางค์        ถึงชีพจะวายวาง  ให้ได้เห็นนาง                ก็ทำให้สู่สวรรค์                  “เพ็ญโสภา” โดย พยงค์ มุกดา

 

1. บทนำ

ในบทความชุดนี้ตอนที่ 2 ผู้เขียนได้เสนอโครงสร้างเพ็ญศุกร์ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญในการชี้บอกความงามของสตรี โครงสร้างดังกล่าวผู้เขียนเห็นว่าน่าสนใจมากเพราะทั้งโหราศาสตร์ตะวันออกและตะวันตก (โหราศาสตร์ยูเรเนี่ยน) มีความเห็นในภาพรวม (ต่างกันในรายละเอียดบ้าง รายละเอียดในตอนที่ 2)ตรงกันว่าเป็นโครงสร้างที่ชี้บอกความงามของสตรี นอกจากนี้โครงสร้างดังกล่าวยังสามารถนำมาใช้งานได้สะดวกเพราะอัตราการโคจรของอาทิตย์และศุกร์ประมาณวันละ 1 องศา ถึงจะไม่รู้เวลาเกิดรู้เพียงวันเดือนปีเกิดก็สามารถวิเคราะห์หาโครงสร้างนี้ได้ ซึ่งผู้เขียนได้ทดลองนำโครงสร้างเพ็ญศุกร์ไปใช้กับข้อมูลดารานางเอกของไทยเราที่หาได้จากอินเทอน็ท ซึ่งเป็นข้อมูลวันเกิดเท่านั้น ปรากฏว่าผลการวิเคราะห์มีนัยยะสำคัญทางสถิติ และสามารถสรุปได้ว่าโครงเพ็ญศุกร์เป็นโครงสร้างทางโหราศาสตร์ที่ใช้ชี้บอกความงามของสตรีได้

รูปที่ 1 ลินดา ค้าธัญเจริญ ดารานางแบบที่โด่งดังที่สุดในยุคปี 2530 – 2540
เกิดวันที่ 5 เมษายน 2499
ตรวจดวงชะตาพบเพ็ญศุกร์ แบบอสุรสนธยา อาทิตย์ทำมุม 45 องศา กับศุกร์

ดังที่ได้กล่าวแล้วในตอนที่สองว่า ตำรับตำราในโหราศาสตร์ตะวันตกนั้นเกือบไม่มีการพูดถึงโครงสร้างชี้บอกความงามของสตรีเลย นอกจากในโหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนที่มีอยู่สองโครงสร้างคือโครงสร้างการถึงกันโดยตรงระหว่างอาทิตย์กับศุกร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างเพ็ญศุกร์ในโหราศาสตร์ตะวันออก และภาพดาวพระเคราะห์สนธิที่บอกตรงๆว่า เจ้าชะตามีเรือนร่างสวยงาม ซึ่งได้กล่าวถึงในตอนที่สองไปแล้วทั้งสองโครงสร้าง นอกเหนือจากนี้ที่เคยอ่านพบก็มีในหนังสือของลินดา กู๊ดแมนที่มีกล่าวถึงอยู่บ้างว่าผู้หญิงที่มีอาทิตย์สถิตในราศีตุล ถ้าปัจจัยอื่นไม่แสดงผลลบมากนัก เจ้าชะตามักมีร่างกายสวยงาม

รูปที่ 2 อาภัสรา หงสกุล นางสาวไทย และนางงามจักรวาลคนแรกของไทย
เกิดวันที่ 16 มกราคม 2490
ตรวจดวงชะตาพบ เพ็ญศุกร์ แบบเทวะสนธยา อาทิตย์ทำมุม 45 องศา กับศุกร์

ส่วนในโหราศาสตร์ตะวันออกโดยเฉพาะของไทยเรานั้น ผู้เขียนได้กล่าวไว้ในตอนที่สองแล้วว่ามีพอสมควรในตำราและบทความของท่านอาจารย์ ประจวบ วัชรปาณ, ท่านอาจารย์ ปรเมศวร์ วัชรปาณ และท่านอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ซึ่งก่อนหน้าจะเขียนบทความตอนที่ 3 นี้ผู้เขียนได้พบบทความเรื่อง “ลักษมีโยค โยคสำคัญในดวงชะตา” ของท่านอาจารย์ปรเมศวร์ วัชรปาณ ซึ่งท่านได้เขียนลงไว้ในนิตยสาร “โหรา-ภารตะ” ผู้เขียนพบว่าเนื้อหาในบทความนี้กล่าวถึงโครงสร้างต่างๆในระบบนิรายนะ (ระบบโหรคงที่, โหราศาสตร์ตะวันออก) ที่ใช้ในการชี้บอกความงามของสตรีไว้อย่างครอบคลุม โดยท่านผู้เขียนบอกว่าโครงสร้างดังกล่าวนั้นส่วนใหญ่จะกระจัดกระจายกันอยู่ในคัมภีร์อินเดียโบราณฉบับต่างๆ และท่านได้รวบรวมนำมาลงไว้ในบทความดังกล่าว

ผู้เขียนจึงได้ใช้เนื้อหาจากบทความดังกล่าวเป็นเนื้อหาหลัก นำมารวบรวมและเรียบเรียงประกอบกับเนื้อหาจากตำราอื่นๆที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้อง รวมทั้งความเห็นของผู้เขียนด้วยประกอบกันขึ้นเป็นเนื้อหาในบทความในตอนที่ 3 ปัญหาใหญ่ที่พบในการเขียนเนื้อหาในตอนนี้คือการหาดวงชะตาจริงของผู้หญิงสวยมาประกอบการพิจารณาด้วยหลักเกณฑ์ต่างที่นำเสนอ โดยต้องทราบเวลาเกิดด้วย เพราะหลักเกณฑ์ในตอนที่ 3 นี้ ส่วนใหญ่ต้องทราบตำแหน่งของลัคนาและจันทร์เป็นสำคัญ เนื่องจากผู้เขียนมิได้อยู่ในวงการดังกล่าวจึงหาดวงชะตาดารานางเอกทีได้ชื่อว่า “สวยมาก” เพียงสองคนคือ ลินดา ค้าธัญเจริญ และ อรัญญา นามวงศ์ แต่ก็ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในบทความนี้ได้ตามที่ต้องการ เพราะวัตถุประสงค์ของผู้เขียนคือ ต้องการพิสูจน์ว่าโครงสร้างชี้บอกความงามของสตรีในระบบนิรายะนะใช้ได้ผล นั่นหมายความว่าในดวงชะตาตัวอย่างจะต้องไม่มีโครงสร้างเพ็ญศุกร์และโครงสร้างอื่นๆตามที่กล่าวถึงในตอนที่ 2 (หรือมีแต่โครงสร้างดังกล่าวมีกำลังน้อย) แต่มีโครงสร้างสำคัญๆต่างๆในระบบนิรายะนะปรากฏอยู่ ปรากฏว่าดวงชะตาของทั้งสองนางเอกล้วนมี โครงสร้างที่กล่าวถึงในตอนที่สองแล้วทั้งสองคน คือ ในดวงลินดา พบโครงสร้างเพ็ญศุกร์อสุรสนธยา ศุกร์ห่างจากอาทิตย์ 45 องศา ส่วน อรัญญานั้น ศุกร์ ถึง อาทิตย์ ด้วยการกุมกัน จากนั้นผู้เขียนพยายามหาดวงอาภัสรา หงสกุล นางงามจักรวาลคนแรกของไทย แต่หาได้เพียงวันเกิด และก็พบอีกเช่นกันว่ามีโครงสร้างเพ็ญศุกร์แบบเทวะสนธยา

เพื่อแก้ปัญหาว่าจะหาดวงชะตาจริงของผู้หญิงสวยมาได้อย่างไร ผู้เขียนจึงได้ทดลองหาดวงชะตาของดารานางเอกของฝรั่ง ปรากฏว่าซอฟท์แวร์ผูกดวงหลายๆยี่ห้อจะให้ดวงชะตาดารานักแสดงคนดังในอดีตไว้ค่อนข้างมาก และการหาจากอินเตอร์เนทก็มีโอกาสได้ข้อมูลเวลาเกิด และสถานที่เกิด มากกว่าการหาข้อมูลดังกล่าวของดารานางเอกไทยเป็นอันมาก (ผู้เขียนยังไม่เคยพบเว็บไซ้ท์ไหนที่บอกเวลาเกิดพร้อมวันเดือนปีเกิดของดารานางเอกไทย) ผู้เขียนจึงได้ใช้ดวงชะตาของดารานางเอกภาพยนตร์ของต่างประเทศมาเป็นดวงตัวอย่างในบทความนี้

2.    โครงสร้างต่างๆในระบบนิรายะนะที่ใช้ในการชี้บอกความงามของสตรี

2.1    การพิจารณาความงามโดยแยกส่วน

โครงสร้างเพ็ญศุกร์ที่กล่าวถึงในตอนที่ 2 และที่จะกล่าวถึงอีกหลายโครงสร้างในบทความตอนนี้ เป็นโครงสร้างที่ชี้บอกในภาพรวมว่า เจ้าชะตาสวย แต่ว่าจะสวยมากน้อยที่ไหนอย่างไร เช่น ผมงาม ตางาม จมูกงาม ปากงาม แบนงาม เล็บงาม ฯลฯ นั้น โครงสร้างในภาพรวมดังกล่าวไม่ได้บอก ดังตัวอย่างหนึ่งที่กล่าวถึงในตอนที่สอง เจ้าชะตาแม้จะมีโครงสร้างเพ็ญศุกร์แบบอสุรสนธยา อาทิตย์ทำมุม 45 องศากับศุกร์  แต่โครงสร้าง ทุรมุขโยค ที่ทำให้ใบหน้าไม่งดงาม ก็สามารถลดทอนความงามของเจ้าชะตาลงได้เป็นอันมาก ในการพิจารณาแยกส่วนนั้น ก็คงต้องพิจารณาจากดาวเคราะห์และเรือนชะตาที่เกี่ยวข้อง โดยในส่วนของดาวพระเคราะห์นั้น ในระบบนิรายนะท่านรวบรวมไว้สรุปได้ดังนี้

อาทิตย์        ทำให้งามสง่า ตาคม จมูกงาม หูงาม ใบหน้างาม เอวเล็กเอวบาง สมส่วน
จันทร์        ผิวงาม    ทวารทั้งสิบงดงาม
อังคาร        งามสง่าแบบนักกีฬา    แขนงาม ขางาม อกผายไหล่ผึ่ง
พุธ        คองาม ปากงาม เสียงเพราะ
พฤหัสบดี    นุ่มนวล อ่อนโยน ละมุนละมัย มืองาม เท้างาม หน้าผากงาม
ศุกร์    ร่างงามสะดุดตา ส่วนมากเกี่ยวกับอวัยวะต่างๆที่เจริญเติบโตขึ้นภายหลังการเป็นสาวเต็มที่ เช่น นมงาม สะโพกงาม และมีเสน่ห์ในตัวด้วยประการต่างๆ
เสาร์        ผมงาม ฟันงาม เล็บงาม และคิ้วงาม

ในการพิจารณานั้นพิจารณาจากความเข้มแข็งของดาวเคราะห์ต่างๆที่กล่าวถึงในดวงชะตา ซึ่งเป็นการพิจารณาตามหลักเกณฑ์โหราศาสตร์ตะวันออก เช่นการเป็น เกษตร อุจ การสถิตในเรื่อนเกนทระ เป็นต้น

ส่วนการพิจารณาแยกส่วนจากภพนั้น ที่ชัดเจนก็คือ โครงสร้างดาวเคราะห์ที่เรียกว่า ศุมุขโยค และทุรมุขโยค ซึ่งพิจารณาจากเรือนที่ 2 ว่าเจ้าชะตาจะมีหน้าตาดีหรือไม่อย่างไร ส่วนโครงสร้างแยกส่วนในภพอื่นยังไม่เคยพบว่ามีคัมภีร์ใดกล่าวถึง

ศุมุขโยค:   

ก) เจ้าเรือนที่ 2 อยู่ในเรือนจตุรเกณฑ์ ได้โยคของศุภเคราะห์ หรือศุภเคราะห์อยู่ในเรือนที่ 2
ข) เจ้าเรือนที่ 2 อยู่ในเรือนจตุรเกณฑ์ ซึ่งเป็นเรือนอุจจ์ เกษตร หรือเป็นเรือนมิตร ของเจ้าเรือนที่ 2 และเจ้าเรือนที่ 2 นั้นต้องเสวยโคปุรางศ (ศุมุขะ- หน้างาม)

ทุรมุขโยค:   

ก) บาปเคราะห์อยู่ในเรือนที่ 2 เจ้าเรือนที่ 2 สัมพันธ์กับดาวร้าย หรือเจ้าเรือนที่ 2 เป็นนิจ
ข) เจ้าเรือนที่ 2 เป็นบาปเคราะห์สัมพันธ์กับคุลิกา หรือเสวยนวางค์ราศีศัตรู และ นวางค์ราศีนิจ, ร่วมกับบาปเคราะห์ (ทุรมุขะ-หน้าทราม)

ในการพิจารณาแยกส่วนนั้น คงต้องพิจารณาหลังจากพิจารณาโครงสร้างอื่นๆที่ชี้บอกความงามของสตรีในภาพรวมก่อน แล้วจึงค่อยมาพิจารณาความงามในแต่ละภาคส่วนว่ามีส่วนใดเด่นหรือด้อยอย่างไร เพราะถ้าในภาพรวมไม่มีโครงสร้างชี้บอกแล้ว แม้จะมีดาวเคราะห์ที่เข้มแข็งชี้บอกความงามในภาคส่วนใด กีคงไม่อาจทำให้เกิดความงามในภาพรวมขึ้นในดวงชะตานั้นได้ ในขณะเดียวกันแม้ในภาพรวมจะมีโครงสร้างชี้บอกความงามไว้ แต่ถ้าในแต่ละแต่ละภาคส่วนกลับไม่มีดาวเคราะห์เข้มแข็งหรือถูกเบียนบ่อนด้วยบาปเคราะห์อีกด้วย ภาพรวมของความงามย่อมต้องถูกบั่นทอนลงไปเป็นอันมาก

2.2. การพิจารณาความงามจากราศีจักรทั้ง 12 ราศี

จ้กราศีทั้งสิบสองราศีนั้นมีการแบ่งออกเป็นราศีเพศชายและราศีเพศหญิง ซึ่งสามารถนำมาใช้ประกอบในการพิจาณาความงามของสตรีได้ ราศีที่เป็นราศีเพศชายได้แก่ ราศีเมษ, มิถุ่น, สิงห์, ตุล,ธนู, กุมภ์ ราศีเพศหญิงได้แก่ พฤษภ, กรกฎ, กันย์, พิจิก, มังกร, มีน หลักเกณฑ์ในการนำมาใช้มีดังนี้
    ก)    ในดวงชะตาใดถ้า ลัคนาและจันทร์ สถิตในราศีเพศหญิงทั้งคู่ เจ้าชะตาจะมีความงามอย่างสตรีเพศที่แท้จริง (ไม่ได้บอกว่างามมากงามน้อย แต่ความงามเท่าที่มีจะมีลักษณะอย่างสตรีเพศที่แท้จริง-ผู้เขียน)
    ข)    ราศีที่ให้ความงามแก่เจ้าชะตา ได้แก่ เมษ, เมถุน, สิงห์, ตุลย์, มังกร, และ กุมภ์

จากข้อ ก) เนื้อหาชัดเจนว่า ถ้าหญิงใด มีลัคนา และจันทร์ สถิตในราศีเพศหญิงทั้งสองปัจจัย เจ้าชะตาจะมีความงาม (มาก/น้อยไม่ได้บอก) อย่างสตรีเพศที่แท้จริง

จากข้อ ข) น่าสังเกตว่าเนื้อหาบอกชัดเจนว่า เป็นราศีที่ให้ความงามแก่เจ้าชะตา ซึ่ง “งาม” ในที่นี้น่าจะหมายถึง “สวย” โดยตรง ดังนั้น หญิงใด ถ้ามี ทั้งจันทร์และลัคนาสถิตในราศีทั้ง 6 นี้ ตำราบอกว่าเจ้าชะตาเป็นผู้หญิงสวย

จากข้อ ข) มีข้อสังเกตคือ ราศีที่นำความงามมาให้นี้ล้วนเป็นราศีเพศชายทั้งสิ้นยกเว้น ราศีมังกร ราศีเดียวที่เป็นราศีเพศหญิง ดังนั้นตำราจึงยกย่องมากว่าถ้าหญิงใดมีจันทร์สถิตในราศีมังกรแล้วละก็จะต้องเป็นสตรีที่งดงามแน่นอน และถ้ายังมีลัคนาสถิตในราศีตามข้อ ข) อีกด้วยก็จะยิ่งงดงามมากยิ่งขึ้นไปอีก

ท่านอาจารย์เทพย์ สาริกบุตรเขียนไว้ใน “ปกิณกะโหราศาสตร์” ว่า “ราศีมังกรมีความหมายไม่น้อยในเรื่องความงามของสตรีเพศ โดยเฉพาะเมื่อดวงจันทร์เข้าไปสถิตอยู่ และจันทร์นั้นมีองศาเกาะศรวณะนักษัตรที่ 22 ภูมิปาโลฤกษ์ ท่านจึงยกย่องจันทร์ในราศีมังกรว่าจะส่งผลคุณให้เท่ากับจันทร์ในราศีเมษ ซึ่งเกล็ดโหรโบราณเขียนยืนยันว่า ผู้หญิง ถ้าจันทร์เป็นมหาจักร (สถิตราศีเมษ) จะเกิดวันใดก็ตาม มักได้ผัวชั้นสูงเสมอ ยิ่งถ้าเกิดวันพุธด้วยย่อมได้ฐานะที่สูงส่งเช่นเป็น คุณหญิง ท่านผู้หญิง ถึงอื่นๆจะเสียก็ไม่ต้องคำนึงถึง ต่อให้หาบของขายมาแต่เดิม”

ผู้เขียนคิดว่าการที่อาจารย์เทพย์ท่านเน้นว่าควรเป็น จันทร์ในราศีมังกรที่เกาะศรวณนักษัตรที่ 22 ภูมิปาโลฤกษ์นั้น ผู้เขียนเห็นว่าเป็นเพราะศรวณนักษัตรที่ 22 เป็นฤกษ์เดียวในราศีมังกรที่เป็นบูรณฤกษ์ และมีจันทร์เป็นเจ้าฤกษ์อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีคัมภีร์อินเดียโบราณบางคัมภีร์กล่าวว่า เจ้าชะตาจะมีความงามเป็นพิเศษถ้าลัคนาสถิตในราศี กรกฎ หรือ พิจิก  และมีความงามพอสมควรถ้าลัคนาสถิตในราศี พฤษภ่, กันย์, และมีน จึงอาจสรุปได้ว่า ถ้าลัคนาสถิตราศีกรกฎหรือพิจิก และจันทร์สถิตในราศีมังกร เจ้าชะตาจะมีความสวยงามยิ่งในลำดับที่หนึ่งแห่งความงามได้

2.3. การพิจารณาความงามจากนักษัตรที่จันทร์สถิต

    ก) ถ้าจันทร์หรือลัคนา อยู่ในนักษัตร์ที่ 22 เจ้าชะตาจะมีความงามบาดตาบาดใจเป็นที่สุด
    ข) นักษัตร์อื่นๆที่จัดว่าพอจะมีรูปงามได้ เช่น อัศวินี, โรหิณี, มฤคศิระ, ปุษยะ, อุตตรผลคุนี, หัสตะ, จิตรา, อนุราทา, ปูรวาษาทา และเรวตี

ในข้อ ก) ถ้าเป็นลัคนาสถิตใน นักษัตร์ที่ 22 ผู้เขียนคิดว่าไม่น่าจะมีอิทธิพลรุนแรงเท่ากับจันทร์สถิต ในนักษัตรที่ 22 ยกเว้นว่าเมื่อลัคนาเกาะนักษัตร์ที่ 22 นั้น จันทร์ก็สถิตใน ราศึที่ให้ความงามแก่เจ้าชะตา ( เมษ, เมถุน, สิงห์, ตุลย์, มังกร, และ กุมภ์) ด้วย

2.4. การพิจารณาความงามจากดาวเคราะห์ที่สถิตในภพต่างๆ

เจ้าชะตาจะมีรูปงามถ้า
อาทิตย์สถิตในภพที่ 3 หรือ ภพที่ 6
จันทร์สถิตในภพที่ 1-5-7 หรือ 11
อังคาร ไม่มีการกล่าวถึง
พุธสถิตในภพที่ 1-2-7 หรือ 10
ศุกร์สถิตในภพที่ 2 หรือภพที่ 10
เสาร์สถิตในภพที่ 11

โครงสร้างเหล่านี้เกิดขึ้นไม่ยาก ผู้เขียนไม่คิดว่าโครงสร้างตามข้อนี้จะให้ผลรุนแรงแต่อย่างใด น่าจะเป็นเรื่องของ “การดูดี” ในบางมุมมองตามคุณลักษณะของดาวและภพนั้นๆ

2.5. การพิจารณาความงามจากตรึมศังศะ

    ก) ในทุกราศี ถ้าลัคนาหรือจันทร์ เกาะตรึมศังศะของพฤหัส เจ้าชะตาจะมีรูปงาม
    ข) สำหรับราศีที่ครองด้วยพุธ คือราศีมิถุนและกันย์ เพิ่มตรึมศังศะของพุธด้วย

การจัดแบ่งดาวเคราะห์เข้าครองตรึมศังศะนั้นท่านกำหนดไว้ดังนี้

กรณีราศีเพศชาย เมษ เมถุน สิงห์ ตุลย์ ธนู และ กุมภ์

          อังคาร ครองตั้งแต่ 0 องศา 0 ลิปดา ถึง   5 องศา 0 ลิปดา

          เสาร์ ครองตั้งแต่   มากกว่า 5 องศา 0 ลิปดา  ถึง  10 องศา 0 ลิปดา

          พฤหัส ครองตั้งแต่ มากกว่า 10 องศา 0 ลิปดา ถึง 18 องศา 0 ลิปดา

          พุธ ครองตั้งแต่ มากกว่า 18 องศา 0 ลิปดา ถึง 25 องศา 0 ลิปดา

          ศุกร์ ครองตั้งแต่ มากกว่า 25 องศา 0 ลิปดา ถึง 30 องศา  0 ลิปดา

 

ส่วนราศีเพศหญิง คือ พฤษภ กรกฎ กันย์ พิจิก มังกร และมีน การเข้าครองของดาวเคราะห์จะสลับกันคือ

          ศุกร์ ครองตั้งแต่ 0 องศา 0 ลิปดา ถึง      5 องศา 0 ลิปดา

          พฤหัส ครองตั้งแต่   มากกว่า 5 องศา 0 ลิปดา  ถึง    12 องศา 0 ลิปดา

          พฤหัส ครองตั้งแต่ มากกว่า 12 องศา 0 ลิปดา ถึง 20 องศา 0 ลิปดา

          เสาร์ ครองตั้งแต่ มากกว่า 20 องศา 0 ลิปดา ถึง 25 องศา 0 ลิปดา

          อังคาร ครองตั้งแต่ มากกว่า 25 องศา 0 ลิปดา ถึง 30 องศา  0 ลิปดา

2.6. การพิจารณาความงามจากตรียางค์และนวางค์

ในจรราศี คือ ราศีเมษ กรกฎ ตุล และมังกร    ตรียางค์ที่ 1 ทำให้มีรูปงาม
ในสถิรราศี คือ ราศี พฤษภ สิงห์ พิจิก และกุมภ์    ตรียางค์ที่ 2 ทำให้มีรูปงาม
ในอุภยราศี คือ ราศี มิถุน กันย์ ธนู และมีน     ตรียางค์ที่ 3 ทำให้มีรูปงาม

การพิจารณาความงามของสตรีจากนวางค์ ดูเหมือนจะเป็นหลักสำคัญมากอันหนึ่ง คัมภีร์อินเดียโบราณส่วนใหญ่กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ และให้ความเห็นตรงกันเป็นส่วนใหญ่ด้วย คือ “ถ้าตำแหน่งของลัคนาและจันทร์ ในดวงชะตาใด ไม่ว่าจะสถิตในราศีใดก็ตาม อยู่ในวรโคตมนวางค์ของราศีนั้นๆ เจ้าชะตาต้องงดงามอย่างแน่นอน (วรโคตมนวางค์ คือนวางค์ในราศีใดๆซึ่งมีดาวเคราะห์เข้าครองซ้ำกันกับราศีนั้นๆ)

โอกาสที่ทั้งลัคนา และจันทร์จะเกาะวรโคตมนวางค์ ทั้งสองปัจจัยนั้นเกิดได้ยากมาก วรโคตมนวางค์เป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในจักราศีทั้ง 12 ราศี ดังนั้นถ้าทั้งสองปัจจัยเกาะวรโคตมนวางค์ทั้งสองปัจจัย เจ้าชะตาต้องสวยงามแน่นอน

2.7. การพิจาณาความงามจากองศาของพระจันทร์ในราศีต่างๆ

คัมภีร์ปาริชาติชาดก กล่าวไว้ว่า ถ้าองศาของพระจันทร์ในดวงชะตาตรงกับตำแหน่งที่เรียกว่า “ปุษกรจันทร์” ในราศีใดๆ ตำแหน่งจันทร์นี้จะให้คุณวิเศษยิ่ง และในกรณีของสตรีเพศ จะทำให้งดงามและมีเสน่ห์ในตัวรุนแรงที่สุด
องศาของจันทร์ที่เรียกว่า”ปุษกรจันทร์” นั้น คือการกำหนดให้จันทร์ในดวงชะตากำเนิดตั้งแต่ราศีเมษเป็นต้นไปจนถึงราศีมีน มีองศาเป็นลำดับกัน ดังนี้ 21-14-18-8-19-9-24-11-23-14-19 และ 9 ระยะวังกะที่ใช้ในการพิจารณาตำแหน่ง “ปุษกรจันทร์” นี้ ท่านอาจารย์พันเอก นายแพทย์ประจวบ วัชรปาณ เขียนไว้ในคัมภีร์ปาริชาติชาดก ฉบับที่ท่านแปลเป็นภาษาไทยว่า .ใช้ระยะวังกะเท่ากับจำนวนองศา ลิปดา ที่จันทร์โคจรไปได้ในระยะเวลา 2 ฆะฏิกะ หรือ 2 มหานาที ซึ่งเท่ากับ 48 นาทีในปัจจุบัน ดังนั้นหากใช้ค่าเฉลี่ยพระจันทร์โคจรราศีละสองวันครึ่ง 48 นาทีจันทร์จะโคจรไปได้ 24 ลิปดา ตัวอย่างเช่น ค่าปุษกรจันทร์ในราศีมีนที่กำหนดไว้ 9 องศานั้น สมผุสจันทร์ที่ถือว่ายังเป็นตำแหน่งปุษกรจันทร์คือระหว่าง 8 องศา 36 ลิปดา ถึง 9 องศา 24 ลิปดา  (เนื่องจากจันทร์โคจรในอัตราไม่เท่ากันทุกวัน ถ้าจะคิดให้ละเอียดก็อาจต้องใช้อัตราการโคจรของจันทร์ในวันนั้นๆ - .อย่างไรก็ตามผู้เขียนคิดว่าการใช้ค่าอัตราโคจรเฉลี่ยของจันทร์ด้งกล่าวโดยเผื่อระยะวังกะให้มากขึ้นไว้ในใจน่าจะเป็นวิธีการที่เหมาะสม)

2.8. การพิจารณาความงามจากโครงสร้างดาวพระเคราะห์ในดวงชะตา (ที่เรียกว่า “โยค” ชนิดต่างๆ)

โครงสร้างดาวเคราะห์ในดวงชะตาที่ทำให้เจ้าชะตามีรูปร่างงดงามมีอยู่หลายโครงสร้างด้วยกัน โดยโครงสร้างสำคัญๆที่พบเห็นบ่อยๆมีดังนี้

(1) ปัญจะมหาบุรุษโยค        ถ้าดวงชะตาใดได้ปัญจะมหาบุรุษโยค และตำแหน่งของลัคนาหรือจันทร์อยู่ในนวางค์ที่ครองด้วยดาวศุภเคราะห์ เจ้าชะตาจะมีความงดงาม
(2) ภาสกรโยค        ในดวงชะตามีดาวพุธอยูในภพที่ 2 จากอาทิตย์ จันทร์อยู่ในภพที่ 11 จากพุธ พฤหัสเป็นตรีโกณกับจันทร์ และลัคนาอยู่ในนวางค์ของศุภเคราะห์ด้วย เจ้าชะตาจะมีรูปงาม
(3) อินทระโยค        ในดวงชะตามีอังคารอยู่ในภพที่ 3 จากจันทร์ เสาร์อยู่ในภพที่ 7 จากอังคาร ศุกร์อยู่ในภพที่ 7 จากเสาร พฤหัสอยู่ในภพที่ 7 จากศุกร์ เจ้าชะตาจะมีรูปงาม
(4) ทุรทุระโยค        ในดวงชะตาถ้ามีพระเคราะห์ใดๆกระหนาบหน้าหลังภพที่จันทร์สถิตโดยไม่นับอาทิตย์เรียกว่าได้ ทุราทุระโยค ถ้ามีจันทร์ในชะตาถูกกระหนาบหน้าหลังด้วย อังคาร-ศุกร์, พุธ-ศุกร์, หรือ พฤหัส-เสาร์ ท่านว่าเจ้าชะตามีรูปร่างงาม
(5) ศุภกรรตริโยค    หรือเสามัยกรรตริโยค ในดวงชะตาถ้ามีศุภเคราะห์ที่เข้มแข็งกระหนาบหน้าหลังลัคนา ท่านว่าได้ศุภกรรตริโยค ทำให้เจ้าชะตามีรูปร่างงาม
(6) มาลิกาโยค        ถ้าดาวพระเคราะห์ทั้ง 7 ดวง คือตั้งแต่อาทิตย์ถึงเสาร์ อยู่เรียงกันทุกๆราศีติดต่อกันทั้ง 7 ราศี ไม่ว่าดาวใดจะอยู่หน้าหรือหลังดาวใด ท่านว่าเจ้าชะตาได้มาลิกาโยค และถ้ามาลิกาโยคนี้ตั้งต้นจากภพที่ 11 จากลัคนาด้วย เจ้าชะตาจะมีความและเต็มไปด้วยเสน่ห์ในตัว
(7) มัตสยะโยค         คิดจากตำแหน่งลัคนาในดวงชะตา ถ้ามีบาปเคราะห์อยู่ในภพที่ 9  มีทั้งบาปเคราะห์และศุภเคราะห์ในภพที่ 5 และมีบาปเคราะห์ในภพที่ 4 หรือภพที่ 8 ท่านว่าเจ้าชะตาได้มัตสยะโยค เจ้าชะตาจะมีรูปร่างงาม
(8) วัชระโยค         ในดวงชะตาศุภเคราะห์ส่วนมากอยู่ในภพที่ 1 และบาปเคราะห์ส่วนมากอยู่ในภพที่ 7 จากลัคนา ท่านว่าเจ้าชะตาได้วัชรโยค จะมีรูปร่างงดงามน่ารักมาก ในกรณีนี้ไม่นำอาทิตย์มาพิจารณาด้วย เพราะในทางดาราศาสตร์ พุธ กับ ศุกร์ จะเล็งกับอาทิตย์ไม่ได้
(9) กฏเกณฑ์เกี่ยวกับนวางค์    การพิจารณาเกี่ยวกับความงามในบางมติ ถือเอานวางค์ของลัคนาและนวางค์ของจันทร์เป็นใหญ่ เพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้เวลาที่แน่นอนแล้ว จะไม่สามารถพิจารณาได้ กฎเกณฑ์ที่น่าสนใจบางประการเช่น
    ก)    จันทร์สถิตในนวางค์มิถุน  และอาตมการกอยู่ในนวางค์มิถุนหรือตุลย์ เจ้าชะตาจะมีความงามและมีเสน่ห์อย่างรุนแรง (อาตมการกคือดาวเคราะห์ที่มีองศาสูงสุด ไม่นับรวม ราหูและเกตุ)
    ข)    อังคารเล็งลัคนาหรือเล็งจันทร์ และอังคารอยู่ในนวางค์ที่ครองด้วยศุกร์ หากมีศุภเคราะห์ใดให้แสงถึงศุกร์อีกด้วย  ท่านว่าเจ้าชะตานอกจากจะมีความงามเป็นที่สะดุดตาแล้ว ยังมีเสน่ห์ในตัวที่รุนแรงอีกด้วย
    ค)    ลัคนาอยู่ในเรือนของอังคาร อยู่ในนวางค์ศุกร์ มีศุภเคราะห์ จันทร์ พุธ และศุกร์ ร่วมลัคนา เจ้าชะตาจะมีเสน่ห์ในตัวรุนแรงมาก
    ง)    เจ้านวางค์ที่ 1 ของภพที่ 7  จาก่ลัคนาหรือจันทร์ แล้วแต่กรณีว่ใครจะเข้มแข็งกว่ากัน ถ้าเจ้านวางค์นี้เป็นศุภเคราะห์และเข้มแข็งในดวงชะตาด้วย เจ้าชะตาจะมีเส่น่ห์ในมุ้งรุนแรงที่สุด (นวางค์นี้ได้แก่ นวางค์ที่ 55จากนวางค์ของลัคนาหรือจันทร์นั่นเอง)

โครงสร้างจากข้อ 1 ถึง 5 , 7 และ 8 น่าจะให้ผลธรรมดาเพียงระดับของ “การดูดี” เท่านั้น ส่วนโครงสร้างที่ 6 และ 9 นั้นตำราบอกว่า มีผลทำให้เจ้าชะตาสวยงามมากแล้วยังมีเสน่ห์ในตัวรุนแรงอีกด้วย

2.9. ลักษมีโยค

ลักษมีโยคเป็นโครงสร้างดาวเคราะห์ที่สำคัญโครงสร้างหนึ่งในโหราศาสตร์พระเวท (ภารตะ, อินเดียโบราณ) และโดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความงามของสตรีถือว่าเป็นโครงสร้างที่มีความสำคัญยิ่ง จึงได้แยกออกมาเป็นหัวข้อเดียวต่างหากจากหัวข้อที่ 2.8

รูปที่ 3 พระลักษมีเทวี ชายาของพระนารายณ์ เทพีแห่ง ทรัพย์สินและความเจริญไพบูลย์
พระลักษมีเทวีเป็นนางฟ้าที่สวยที่สุดบนสวรรค์ และเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในสามโลก

ในทัศนะของโหราศาสตร์ภารตะนั้น เชื่อว่าในบรรดาโครงสร้างดาวเคราะห์ที่เกี่ยวข้องกับความงามของสตรีแล้ว ไม่มีโครงสร้างใดที่จะให้ความงามพร้อมทั้งทรัพย์สินและความเจริญไพบูลย์ในชีวิตให้กับผู้หญิงได้เท่ากับ ลักษมีโยค  อาจมีบางโครงสร้างที่ให้ความงามและเสน่หานุภาพเหนือกว่าลักษมีโยคได้ แต่ก็มักเป็นโครงสร้างดาวศุกร์ที่มีอานุภาพรุนแรงและมีพิษภัยที่นำความวิบัติมาสู่เจ้าชะตาด้วย ดังที่เรามักได้ยินได้ฟังบ่อยๆว่า “ผู้หญิงสวย มักต้องซวย” อะไรทำนองนี้ โดยเฉพาะในกรณีของความงามและเสน่หานุภาพระดับ “มหัทธกรรมโกลา – ความงามที่พลิกแผ่นดิน” เช่นในกรณีของผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ของทั้งจีนและฝรั่ง 7 คน จาก 8 คน ล้วนมีชีวิตที่อาภัพ ขมขื่น และจบลงด้วยความเศร้าสลดทุกคน ตัวอย่างเช่น    หวังเจาจินจบชีวิตด้วยการกระโดดน้ำตาย บางบันทึกว่าเตียวเสี้ยนถูกฟันคอขาด บ้างก็ว่าฆ่าตัวตาย คลีโอพัตราฆ่าตัวตายด้วยงูพิษ และ เฮเลน แห่ง ทรอย บางบันทึกสันนิษฐานว่าถูกประชาชนรุมขว้างด้วยหินจนตาย! ส่วน ไซซี ที่ไม่อยู่ในข่ายจบไม่ดีเหมือนคนอื่น ก็เพราะนางหายสาบสูญไป เลยสันนิษฐานกันว่านางน่าจะจากไปดีด้วยการหนีไปอยู่ป่ากับคนรักและไม่เคยกลับมาเปิดเผยตัวกับสังคมอีกเลย ในความเป็นจริงไซซีก็อาจจบชีวิตอย่างเศร้าสลดเช่นเดียวกับผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์คนอื่นๆอีก 7 คนก็ได้ เพราะไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่!

เพียงชื่อ “ลักษมี” ก็เป็นมงคลแล้วสำหรับโครงสร้างนี้เพราะหมายถึง ลักษมีเทวี ชายาของพระนาราย์ หนึ่งในสามเทพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนสวรรค์ พระนางเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดบนสวรรค์และสวยที่สุดในสามโลก (อาจจะแพ้ก็เพียงนางสีดาคนเดียว ... ตามมหากาพย์รามายณะกล่าวไว้ว่า นางสีดาสวยกว่า พระลักษมีเทวี และต่อให้รวมความงามของพระแม่เจ้าทั้ง 3 แห่งสวรรค์ คือ พระลักษมีเทวี ชายาของพระนารายณ์ พระอุมาเทวี ชายาของพระศิวะ และพระสุรัสวดี ชายาของพระพรหม เข้าด้วยกัน ก็ยังสวยสู้นางสีดาไม่ได้) นอกจากนี้พระลักษมีเทวียังเป็นสัญลักษณ์ของ ทรัพย์สิน และความเจริญไพบูลย์อีกด้วย

คัมภีร์อินเดียโบราณหลายคัมภีร์กล่าวถึงลักษมีโยคไว้ แต่เนื้อหาโครงสร้างของดาวเคราะห์ที่ทำให้เกิดลักษมีโยคไม่ค่อยตรงกัน ดังตัวอย่างคัมภีร์สำคัญๆ 4 คัมภีร์ดังต่อไปนี้

คัมภีร์ปาริชาติชาดก กล่าวไว้ว่า “ในดวงชะตาใด ถ้าเจ้าเรือนภพที่ 9 จากลัคนา ได้ตำแหน่งมูละตรีโกณ และสถิตในภพเกนทระจากลัคนา ในขณะที่เจ้าเรือนลัคนาเป็นอุจและอยู่ในสภาพที่เข้มแข็ง เจ้าชะตาได้ลักษมีโยค

คุมภีร์เทศมรรคชาดก กล่าวไว้ว่า “ในดวงชะตาใด ถ้าดาวเจ้าเรือนภพที่ 9 จากลัคนาได้ตำแหน่งปรมอุจ และอยู่ในภพเกนทระจากลัคนาด้วย พร้อมทั้งได้รับแสงจากศุภเคราะห์ นอกจากนี้เจ้าเรือนลัคนาเข้มแข็งในดวงชะตาด้วย เจ้าชะตาได้ลักษมีโยค” ในคัมภีร์นี้ยังกล่าวถึงลักษมีโยคในอีกลักษณะหนึ่งด้วยคือ “ในดวงชะตาใดถ้าศุกร์อยู่ในวรโคตมนวางค์ และอยู่ในภพที่ 9 จากลัคนาด้วย และมีดาวศุภเคราห์อื่นๆสถิตร่วมกับดาวศุกร์ พร้อมทั้งมีดาวเคราะห์ที่ได้ตำแหน่งอุจอยู่ในภพที่ 3 จากลัคนา เจ้าชะตาได้ลักษมีโยค”

คัมภีร์ผลทีปิกา    กล่าวว่า “ในดวงชะตาใด ถ้าเจ้าเรือนของภพที่ 9 และดาวศุกร์เป็นอุ่จหรือเกษตร และต่างก็อยู่เป็นเกนทระหรือตรีโกณกับลัคนาด้วย เจ้าชะตาได้ลักษมีโยค ในกรณีนี้ถ้าจันทร์ได้รับแสงจากพฤหัสด้วย ท่านว่าเจ้าชะตาได้เคารีโยค

ตำราไตรศตโชคมัญชริ ของดร.บีวี รามัน โหรเอกของอินเดียในโลกยุคใหม่ ให้โครงสร้างของลักษมีโยคไว้ 4 ประการ 3 ประการใกล้เคียงกับที่ยกตัวอย่างมาก่อนหน้านี้ อีกโครงสร้างหนึ่งเกิดจากการกุมกันระหว่างเจ้าเรือนลัคนากับเจ้าเรือนที่ 9 ซึ่งโครงสร้างนี้ผู้เขียนเห็นว่าเกิดได้ไม่ยาก และท่านดร.บีวี รามัน ได้เขียนอธิบายไว้ว่า ลักษมีโยคที่เกิดจากการร่วมกันหรือการเป็นโยค(ให้แสงถึงกันและกัน) แก่กันและกันระหว่างเจ้าเรือนที่ 1 และ 9 นั้น ต้องไม่เกิดขึ้นในเรือนที่ 3, 6 และ 8 และลักษมีโยคที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงลักษมีโยคสามัญที่ไม่เข้มแข็ง

ลักษมีโยคตามโครงสร้างในคัมภีร์ผลทีปิกาและเทศมรรคชาดก (โครงสร้างที่ 2) เน้นการมีกำลังของทั้งดาวเจ้าเรือนภพที่ 9 และดาวศุกร์ด้วย ในขณะที่โครงสร้างอื่นๆในอีกสองคัมภีร์เทน้ำหนักไปที่ความเข้มแข็งของดาวเจ้าเรือนภพที่ 9 เป็นสำคัญ    ดังนั้นลักษมีโยคตามคัมภีร์ผลทีปิกาและเทศมรรคชาดก (โครงสร้างที่ 2) จึงน่าจะให้ความงามมากกว่าลักษมีโยคตามคัมภีร์อื่นๆ และในบรรดาลักษมีโยคที่เกิดขึ้นตามเงื่อนไขในคัมภีร์ผลทีปิกา นั้น โครงสร้างที่เกิดจากดาวศุกร์เป็นอุจในราศีมีน และลัคนากุมพฤหัสซึ่งเป็นอุจในราศีกรกฎด้วย น่าจะเป็นลักษมีโยคที่ให้ความงามมากที่สุดในบรรดาลักษมีโยคจากโครงสร้างต่างๆทั้งหมด ซึ่งถ้าเผอิญมีจันทร์ที่เป็นเกษตรเข้าไปกุมลัคนาในราศีกรกฎอีก ก็จะได้เคารีโยคเพิ่มขึ้นคงจะยิ่งสวยขึ้นไปอีกจนไม่รู้ว่าจะเขียนบรรยายได้อย่างไร

ข้อดีของลักษมีโยคที่เหนือกว่าโยคเกณฑ์ที่ชี้บอกความงามของสตรีอื่นๆก็คือ ลักษมีโยคให้ความงามพร้อมทั้งทรัพย์สินและความเจริญไพบูลย์ในชีวิตแก่เจ้าชะตา ซึ่งในกรณีของลักษมีโยคที่มีกำลังในภาพรวม โดยมีดาวศุกร์ที่เข้มแข็งประกอบอยู่ในโครงสร้างนั้นด้วยแล้ว ความงามที่เกิดขึ้นจะไม่ด้อยกว่าความงามในระดับสูงสุด “มหัทธกรรมโกลา- ความงามที่พลิกแผ่นดิน” เช่นในกรณีของ เฮเลน   แห่ง ทรอย, คลีโอพัตรา หรือ ไซซี ฯลฯ เลย

2.10. ดาวจันทร์และดาวศุกร์ กับความงามของสตรี

ก) ดาวจันทร์และดาวศุกร์ กับความงามของสตรี

จันทร์กับศุกร์หมายถึง ผู้หญิง และความงามด้วยกันทั้งคู่ แต่ก็แตกต่างกันมากในรายละเอียด จันทร์นั้นหมายถึงความงามของผู้หญิงที่เป็นความงามสากลในธรรมชาติ เช่นท้องฟ้า ทิวทัศน์ หรือนก ปลาที่สวยงาม ดังนั้นผู้หญิงที่สวยด้วยความเข้มแข็งของจันทร์ในดวงชะตานั้น แม้มนุษย์ต่างดาวมาพบก็ยังคงต้องบอกว่าสวย ส่วนความสวยของหญิงที่เกิดจากความเข้มแข็งของศุกร์ในดวงชะตานั้น เป็นความสวยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศโดยตรง กล่าวคือเฉพาะมนุษย์ผู้ชายเท่านั้นที่มองว่าสวย มนุษย์ต่างดาวจะไม่เห็นเช่นนั้น และความงามของหญิงที่เกิดจากดาวศุกร์จะหมดไปเมื่อถึงวัยหมดประจำเดือนแล้ว ในขณะที่ความงามที่เกิดจากความเข้มแข็งของจันทร์เป็นความงามที่มีอยู่ตั้งแต่เกิดไปจนวันตาย และในขณะที่จันทร์หมายถึงผู้หญิงในฐานะภรรยา และแม่ของลูกนั้น ศุกร์ก็หมายถึงผู้หญิงที่กำลังมีความรัก

รูปที่ 4  สวย (ด้วยอิทธิพลของจันทร์) V.S. สวย (ด้วยอิทธิพลของศุกร์)

ข) สัมพันธภาพระหว่างจันทร์และศุกร์ กับความงามของสตรี

เปรียบเทียบโดยอุปมาอุปไมยกับหลักการในวิชาโหราศาสตร์ ถ้าจันทร์เป็นหญิงงาม เสน่หานุภาพหรือศรกามเทพของนางก็คือดาวศุกร์ เพราะจันทร์เข้มแข็งที่สุดในราศีพฤษภซึ่งเป็นราศีอุจของจันทร์ ในขณะที่ราศีพฤษภครองด้วยดาวศุกร์ซึ่งเป็นดาวเกษตรประจำราศี จึงกล่าวได้ว่า

ข.1    ดวงชะตาหญิงใดที่มีจันทร์เป็นอุจในราศีพฤษภ แปลความหมายได้ว่านางเป็นสตรีที่มีศรกามเทพติดตัว

รูปที่ 5  ความงามที่พลิกแผ่นดิน: คลีโอพัตรา (นางพญาแห่งลุ่มแม่น้ำไนล์) v.s. ไซซี (มัจฉาจมวารี)

ข.2    ในกรณีที่จันทร์ในดวงชะตาสตรีใดสถิตอยู่ในราศีพฤษภดังกล่าว แล้วมีดาวศุกร์เข้าร่วมอยู่ด้วย นางก็จะมีศรเสน่หาที่มีอำนาจรุนแรงยิ่งขึ้นอีก

ข.3    และถ้าการกุมกันของจันทร์กับศุกร์ดังกล่าวอยู่ในสภาพใกล้ชิดกันมาก โดยมีมุมปัดเหนือ/ใต้ เท่ากัน ที่เรียกว่าการบังกัน (Occultation) หรือที่ไทยเราเรียกกันว่าดาวฮิมเดือน (ดาวเข้าวงพระจันทร์) แล้วละก็ เสน่หานุภาพของนางเทียบได้กับ “กระสุนเจาะเกราะ” เลยทีเดียว ยากยิ่งนักที่ชายใดจะรอดพ้นจากศรเสน่หาของนางได้

ข.4    และถ้าบังเอิญในขณะนั้นดาวศุกร์อยู๋ในสภาพ เพ็ญศุกร์ แบบอสรุสนธยาอยู่ด้วย เจ้าชะตาก็จะยิ่งสวยงามและมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นไปอีก

ข.5    และถ้าเกิดบังเอิญยิ่งขึ้นไปอีกว่า วิถีโคจรในจักรราศีของดาวศุกร์ที่กำลังเพ็ญแบบอสุรสนธยาอยู่นั้น กำลังอยู่ในสภาพหยุดนิ่งพอดี (วิกลคติ, Stationary) ซึ่งเรียกว่าตำแหน่ง “อสุรสนธยาวิกลคติ” แล้วละก็ จะเกิด “มหัทธกรรมโกลา” ความงามที่เกิดขึ้นเป็นความงามในระดับสูงสุด ถึงขั้น“ความงามที่พลิกแผ่นดิน” เช่นในกรณีของ คลีโอพัตรา, ไซซี, และเฮเลน แห่ง ทรอย ฯลฯ

 ในกรณีตามวรรคก่อนหน้านี้ ท่านอาจารย์พันเอก  นายแพทย์ประจวบ วัชรปาณมีความเห็นหนึ่งว่า เพียงโครงสร้าง ศุกร์ร่วมกับจันทร์ในลักษณะดาวฮิมเดือน และศุกร์ขณะนั้นเป็นเพ็ญศุกร์แบบอสุรสนธยา ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เกิด “มหัทธกรรมโกลา - ความงามที่พลิกแผ่นดิน” ขึ้นได้โดยไม่ต้องพิจารณาตำแหน่งที่สถิตว่าอยู่ในราศีใด และไม่จำเป็นที่ดาวศุกร์จะต้องอยู่ในสถานะการโคจรที่เป็นวิกลคติอีกด้วย กล่าวคือในดวงชะตาใด ถ้าจันทร์กุมศุกร์ ในราศีใดก็ได้ พร้อมทั้งมีปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่ดาวศุกร์เข้าวงประจันทร์เกิดขึ้น โดยศุกร์ในขณะนั้นกำลังเพ็ญแบบอสุรสนธยา เมื่อเงื่อนไขเหล่านี้ถึงพร้อม ก็จะเกิด “มหัทธกรรมโกลา – ความงามที่พลิกแผ่นดิน” ขึ้น

ผลของโครงสร้างระหว่างจันทร์กับศุกร์ในข้อนี้ ขัดแย้งกับสูตรพระเคราะห์สนธิในโหราศาสตร์ยูเรเนี่ยน โดยโครงสร้าง จันทร์ = ศุกร์ ในโหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนนั้นผู้เขียนเคยคุยกับผู้ที่เริ่มศึกษาโหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนหลายคน ส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า โครงสร้างนี้น่าจะเป็นโครงสร้างที่ชี้บอกความงามของสตรีโดยตรง เพราะจันทร์หมายถึงผู้หญิง และศุกร์หมายถึงความงาม แต่สูตรพระเคราะห์สนธิให้ความหมายไว้ดังนี้ “ความรูสึก ความรัก สตรีที่กำลังมีความรัก ชั่วโมงแห่งความรัก ความเป็นแม่ การมีครรภ์” ซึ่งก็เป็นการผสมความหมายโดยตรงเช่นกัน แต่ตีความหมายศุกร์ว่าหมายถึงความรัก แทนที่จะเป็นความงาม ซึ่งเมื่อพิจารณาจะเห็นได้ว่าเป็นการให้ความหมายที่มีเหตุผลหนักแน่น เนื่องจากจันทร์เป็นจุดเจ้าชะตาที่แสดงในรูปของจิตใจ อารมณ์ มากกว่าในรูปของกายสังขาร ดาวศุกร์จึงแสดงผลต่อจันทร์ในรูปของอารมณ์ จิตใจ เป็น “ความรัก” ไม่อาจแสดงออกเป็น “ความงาม” ได้ เพราะจันทร์ไม่ได้เป็น “กายสังขาร” เหมือนอาทิตย์ที่จะรับอิทธิพลของศุกร์ในรูปของความงามได้ คำแปลจึงออกมาเป็น “สตรีที่กำลังมีความรัก” ส่วนความหมายของ “ความเป็นแม่”, “การตั้งครรภ์” นั้นก็คือ “สตรีที่กำลังมีความรักนั่นเอง” เพราะ ผู้หญิงที่เป็นแม่ และ/หรือรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งท้องนั้น สำหรับคนปกติทั่วไป สัญชาติญาณความรักของแม่ที่มีต่อลูกจะสูงมาก ซึ่งก็คือการเป็นสตรีที่กำลังมีความรักอย่างยิ่งใหญ่นั่นเอง

อย่างไรก็ตามในโครงสร้าง อาทิตย์/ศุกร์ = จันทร์ นั้น สูตรพระเคราะห์สนธิให้ความหมายว่า สตรีผู้มีร่างกายสวยงาม ผู้เขียนเห็นว่าเป็นเพราะอาทิตย์ผสมความหมายกับศุกร์ด้านซ้ายมือของสมการนั้น หมายถึงร่างกายที่สวยงามอยู่แล้ว ส่วนจันทร์ก็ยังคงตีความเป็นผู้หญิงตามเดิม การตีความในสองสูตรพระเคราะห์สนธินี้จึงสอดคล้องกัน

จากประสบการณ์ผู้เขียนเคยเห็นดวงที่ จันทร์ให้แสงถึงศุกร์ (แต่ไม่ใช่การกุมกัน) ผ่านตามาหลายดวง ก็ไม่เคยพบว่าเจ้าชะตาจะมีความงดงามโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษแต่ประการใด

ปัญหาก็คือถ้าเช่นนั้นการตีความในระบบนิรายะในข้อ 2.11 นี้ที่ไปไกลถึงขนาดว่า ถ้าเงื่อนไขประกอบเหมาะสม จันทร์ผสมอิทธิพลกับศุกร์ ให้ผลเป็นความงามของสตรีถึงระดับสูงสุด ที่เรียกว่า “มหัทธกรรมโกลา-ความงามทึ่พลิกแผ่นดิน” จะใช่หรือ?

เนื้อหาในระบบนิรายนะนั้นพูดถึงการกุมกันระหว่างจันทร์กับศุกร์เท่านั้น (ไม่พิจารณาการให้แสงถึงในกรณีอื่น) และพิจารณาในขั้นเริ่มต้นจากจันทร์ที่สถิตในราศีพฤศภด้วย และเมื่อพิจารณาถึงขั้นโครงสร้างที่จะเกิด มหัทธกรรมโกลา นั้น เงื่อนไขจำเป็นคืออย่างน้อยศุกร์ต้องอยู่ในสถานะเพ็ญแบบอสุรสนธยา ซึ่งเพียงแต่นี้ก็พออยู่แล้วที่จะส่งผลให้เจ้าชะตางดงามและมีเสน่ห์ จึงเป็นไปได้ว่าเมื่อจ้นทร์เข้ามากุมแบบดาวฮิมเดือนเข้าอีก จึงเป็นเงื่อนไขพิเศษที่ทำให้โครงสร้างนี้แสดงผลไปในเรื่องของการส่งเสริมความงามและเสน่หานุภาพได้ แทนที่จะไปออกในเรื่องของอารมณ์จิตใจที่เป็นความรัก

คงต้องเก็บสถิติจากดวงชะตาจริงเพื่อศึกษาในประเด็นนี้กันต่อไป

2.11 ความเข้มแข็งของดาวศุกร์และตำแหน่งที่สถิต ตามหลักเกณฑ์อื่นๆในระบบนิรายะนะกับความงามของสตรี

นอกเหนือจากโครงสร้างที่กล่าวมาทั้งหมดตั้งแต่ข้อ 2.1 ถึง ข้อ 2.10 แล้ว โครงสร้างใดๆที่เกิดจากดาวศุกร์ที่เข้มแข็ง สถิตในตำแหน่งที่เหมาะสมย่อมเป็นโครงสร้างที่ชี้บอกความงามของสตรีได้ ในบทความตอนนี้จึงขอนำเนื้อหาในคัมภีร์โหราสาร และคัมภีร์ปาริชาติชาดก ที่กำหนดสถานะที่เข้มแข็งของดาวศุกร์ไว้สำหรับใช้เป็นหลักเกณฑ์อ้างอิง โดยเนื้อหาในคัมภีร์โบราณต่างๆในเรื่องสถานะที่เข้มแข็งของดาวศุกร์นั้นกล่าวไว้ใกล้เคียงกันเป็นส่วนใหญ่

คัมภีร์โหราสาร กำหนดความเข้มแข็งของดาวศุกร์ไว้ 12 ประการ ดังนี้

    (1)    ศุกร์เข้มแข็งในภพที่ 3 – 6 – 11 จากลัคนา
    (2)    ศุกร์เข้มแข็งในขณะกำลังโคจรพักตร์หรือวิกลคติ
    (3)    ศุกร์เข้มแข็งเมื่ออยู่หน้าอาทิตย์ เป็นอสุรสนธยา
    (4)    ศุกร์เข้มแข็งในตอนเย็น
    (5)    ศุกร์เข้มแข็งเมื่อเป็นเกษตร
    (6)    ศุกร์เข้มแข็งเมื่อเป็นอุจ
    (7)    ศุกร์เข้มแข็งในขณะโคจรปัดเหนือ
    (8)    ศุกร์ไม่มีกำลังเมื่ออยู่ในตรียางค์ที่ 1
    (9)    ศุกร์จะมีกำลังมากที่สุดเมื่ออยู่ในตรียางค์ที่ 2
    (10)    ศุกร์มีกำลังปานกลางเมื่ออยู่ในตรียางค์ที่ 3
    (11)    ศุกร์เข้มแข็งมากเมื่ออยู่ร่วมกับจันทร์
    (12)    ศุกร์เมื่ออยู่รวมกับดาวอื่นๆ และมีแสงมากกว่าดาวอื่น ศุกร์จะเข้มแข็งมาก

คัมภีร์ปาริชาติชาดก กำหนดความเข้มแข็งของศุกร์ไว้ 9 ประการ ดังนี้

    (1)     ศุกร์เข้มแข็งเมื่อเป็นอุจ
    (2)    ศุกร์เข้มแข็งเมื่อเป็นเกษตร
    (3)    ศุกร์เข้มแข็งในวันศุกร์
    (4)    ศุกร์เข้มแข็งในตรียางค์ที่ 2
    (5)    ศุกร์เข้มแข็งในภพที่ 3-4-6-12 จากลัคนา
    (6)    ศุกร์เข้มแข็งในเวลาเย็น หรืออสุรสนธยา และมองเห็นได้ชัด
    (7)    ศุกร์เข้มแข็งในเวลาร่วมกับจันทร์
    (8)    ศุกร์เข้มแข็งในเวลาพักตร์ หรือวิกล
    (9)    ศุกร์เข้มแข็งในเวลาอยู่หน้าดวงอาทิตย์

3. ผู้หญิงสวยมักต้องซวยจริงหรือ?

เรามักได้ยินฟังเสมอว่า “ผู้หญิงสวยมักต้องซวย” อะไรทำนองนี้ ซึ่งก็มีตัวอย่างจริงๆให้เห็นอยู่มากที่สนับสนุนคำกล่าวนี้ ผู้เขียนมีความเห็นว่า ผู้หญิงสวยแล้วไม่ซวยก็มีเยอะแยะ เพียงแต่ว่าผู้หญิงสวยมักเป็นจุดเด่นเป็นเป้าสายตาอยู่แล้ว เวลาซวยจึงมักได้รับการกล่าวขวัญถึง อย่างไรก็ตามคำกล่าวนี้มีประเด็นทางโหราศาสตร์อยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะในกรณีของผู้หญิงที่สวยมากๆเนื่องจากโครงสร้างดาวศุกร์ที่มีกำลังแรงมากๆหลายโครงสร้างเป็นโครงสร้างที่มีพิษภัยและนำความวิบัติมาสู่เจ้าชะตา ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ทั้งของฝรั่งและจีนทั้ง 8 คน มี 7 คนที่มีบันทึกบอกว่าพวกนางล้วนมีชิวิตที่อาภัพ ขมขื่นและผิดหวัง อีกทั้งยังจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้าสลดอีกด้วย ตัวอย่างเช่น คลีโอพัตรา ฟาโรห์องค์สุดท้ายของอียิปต์ ที่ต้องต่อสู้ตั้งแต่เกิดจนวันตาย สู้ทั้งศึกสายเลือดภายในราชวงศ์ที่มีแต่การแก่งแย่งช่วงชิงราชบัลลังก์ระหว่างกัน และต้องต่อสู้ในทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเอกราชอธิปไตยของชาติบ้านเมืองให้พ้นจากการยึดครองของอภิมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกยุคนั้น แต่ในท้ายที่สุด ความหวังทั้งหมดของนางก็พังทลายอย่างไม่เป็นท่า ไม่สามารถรักษาชาติบ้านเมืองและราชบัลลังก์ไว้ได้ อียิปต์ต้องกลายเป็นเขตยึดครองของพวกโรมัน บุตรชายของนาง พโทเลมี่ ซีซาเรี่ยน ที่เกิดกับจูเลียส ซีซ่าร์ ถูกฆ่าตาย และนางเองก็ต้องจบชีวิตลงด้วยการฆ่าตัวตายโดยให้งูพิษกัด เตียวเสี้ยนอุตส่าห์พลีกายเพื่อให้ตั๋งโต๊ะแตกคอกับลิโป้ เปิดโอกาสให้พวกขุนนางตงฉินสามารถสังหารตั๋งโต๊ะได้ แต่ความเสียสละของนางก็ไม่ได้ช่วยกอบกู้ราชวงศ์ฮั่นกลับมาได้ อำนาจกลับเปลี่ยนไปอยู่ในมือของโจโฉ ซึ่งก็ไม่ได้เลวร้ายน้อยกว่าตั๋งโต๊ะเลย บันทึกบางฉบับบอกว่าเตียวเสี้ยนฆ่าตัวตายหลังจากที่ลิโป้ถูกโจโฉฆ่า บางฉบับก็ว่านางถูกกวนอูฟันคอขาดหลังจากที่ลิโป้ตายแล้ว!

ในประเด็นที่ว่า “ผู้หญิงสวยมักต้องซวย”นี้ สมัยที่ผู้เขียนไปฟังการบรรยายของท่านอาจารย์เทพย์ สาริกบุตรที่สมาคมโหรแห่งประเทศไทยนั้น อาจารย์เทพย์ท่านเคยพูดถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าผู้เขียนไม่ได้จดบันทึกคำบรรยายไว้ จำได้เพียงว่าประเด็นหนึ่งที่ท่านพูดถึงคือกรณีที่ดาวศุกร์เป็นอุจในราศีมีน แต่ก็จำรายละเอียดไม่ได้ดังนั้นเนื้อหาที่เขียนในเรื่องนี้ต่อไปจึงเป็นความเห็นของผู้เขียนเอง

ก)    กรณีดาวศุกร์เป็นอุจในราศีมีนและกุมลัคนา

กรณีดาวศุกร์เป็นอุจในราศีมีนนี้น่าสนใจมาก ในทางโหราศาสตร์นั้นดาวเคราะห์ในตำแหน่งอุจถือว่าเป็นตำแหน่งที่ดาวเคราะห์เข้มแข็งที่สุด ราศีมีนเป็นราศีเดียวที่วรโคตมนวางค์ (นวางค์ที่ดีที่สุดและเข้มแข็งที่สุดในราศี ปัจจัยใดเข้าไปสถิตในวรโคตมนวางค์ปัจจัยนั้นจะเข้มแข็งและให้คุณที่สุด) เป็นตำแหน่งเดียวกันกับนวางค์ขาด (นวางค์ที่เลวร้ายทีสุดในจักราศี ปัจจัยใดเข้าไปเกาะนวางค์ขาด ไม่ว่าจะเข้มแข็งหรือให้คุณเพียงใด จะกลายเป็นปัจจัยที่เลวร้ายและให้โทษแก่เจ้าชะตาอย่างที่สุด) และในราศีมีนนี้ตำแหน่งดังกล่าวคือนวางค์ลูกสุดท้ายในราศีมีน ระหว่าง 26 องศา 40 ลิปดา ถึง 30 องศา ราศีมีน และก็พอดีตำแหน่งปรมอุจของศุกร์อยู่ที่ 27 องศา ตำแหน่งที่เข้มแข็งที่สุดของศุกร์ในจักราศี ดังนั้นตำแหน่งที่ศุกร์มีกำลังมากที่สุดในจักราศีคือที่ราศีมีน 27 องศา ซึ่งเป็นทั้งวรโคตมนวางค์และนวางค์ขาดด้วย ดังนั้นศุกร์ในตำแหน่งนี้จะนำความงามและสเน่หานุภาพที่รุนแรงมากมาให้เจ้าชะตาพร้อมกับนำความวิบัติมาให้ด้วย!

ผู้เขียนจำได้ว่าอาจารย์เทพย์ท่านพูดถึงกรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริง คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นการที่ผู้หญิงสวยมากและเป็นที่รู้จักในสังคม ถูกสังหารเสียชีวิตจากสาเหตุเรื่องชู้สาว ปรากฏว่าในดวงชะตาดังกล่าว ดาวศุกร์ได้ตำแหน่งปรมอุจกุมลัคนาในราศีมีน ดังที่กล่าวในวรรคก่อนดาวศุกร์ตำแหน่งนี้เป็นดาวศุกร์ที่เข้มแข็งที่สุดและก็เป็นตำแหน่งที่มีพิษและให้โทษมหันต์ด้วย ยิ่งลัคนากุมศุกร์ด้วยทำให้เจ้าชะตาสวยและมีเสน่ห์รุนแรงมากแน่นอน แต่ทุกข์โทษก็ยิ่งมากเพราะสำหรับลัคนาราศีมีนนั้น ศุกร์เป็นดาว     “โยคมาระกะ (ดาวทีให้โทษอย่างยิ่ง)” สำหรับลัคนาราศีมีน เจ้าชะตาจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงชะตากรรมในชีวิตที่พบแต่ความไม่สมหวังในความรัก มีแต่ปัญหาอุปสรรค และในที่สุดก็จบชีวิตลงด้วยสาเหตุจากความรักอย่างน่าเศร้าสลดที่สุด นอกจากนี้ดูเหมือนว่าอาจารย์เทพย์ท่านยังตั้งข้อสังเกตอีกว่าดวงที่ลัคนากุมอุจในราศีมีนนี้มักตายด้วยสาเหตุจากเรื่องชู้สาว และการตายนั้นก็มักเป็นข่าวอื้อฉาวในวงสังคมอีกด้วย

ข)    กรณีตามข้อ ก. จึงเป็นกรณีตัวอย่างอันหนึ่งสำหรับความเชื่อที่ว่า “ผู้หญิงสวยมักต้องซวย” เนื่องด้วยดาวศุกร์นั้นสามารถจะมีกำลังเข้มแข็งได้ด้วยปัจจัยหลายสถานะด้วยกัน เช่น การเป็นอุจ เกาะวรโคตมนวางค์ สถิต ณ จุดปรมอุจพอดี โคจรพักตร์  เพ็ญทั้งแบบเทวะสนธยา และอสุรสนธยา สถิตอยู่บนรวิมรรคพอดี ฯลฯ ในขณะเดียวกันดาวศุกร์ก็สามารถมีสภาพเป็นดาวที่จะนำทุกข์โทษและความวิบัติมาสู่เจ้าชะตาได้ด้วยหลายสถานะเช่นกัน เช่นการเกาะนวางค์ขาด, การมีสถานะเป็นดาวมารกะ หรือ โยคมารกะ ตามตำแหน่งที่สถิตของลัคนา หรือจันทร์ และการสถิตเกาะจุดมรณะองศาของด่าวศุกร์ในแต่ละราศี (มฤตยูภาคา) ฯลฯ ดังนั้นในดวงชะตาใดถ้ามีองค์ประกอบที่ศุกร์มีกำลังแรงและขณะเดียวกันมีสภาพเป็นดาวให้โทษแก่ดวงชะตาแล้ว โอกาสที่จะเกิดเหตุ “ผู้หญิงสวยมักต้องซวย” จึงมีสูงมาก

4. กรณีตัวอย่างการนำโครงสร้างที่ชี้บอกความงามของสตรีมาใช้กับตวงชะตาจริง

ในตอนแรกนั้น ผู้เขียนรู้สึกหนักใจในการหาข้อมูลดวงชะตาจริงมาใช้เป็นตัวอย่างในบทความตอนนี้ เนื่องจากการนำดวงชะตาตัวอย่างมาใช้นั้นมีวัตถุประสงค์หลักคือ ต้องการพิสูจน์ว่าหลักการในระบบนิรายะนะใช้ได้ ทั้งนี้หลักการส่วนใหญ่ในระบบนิรายะนะจำเป็นต้องทราบตำแหน่งลัคนาและจันทร์ ซึ่งต้องทราบเวลาเกิดด้วย และด้วยเหตุที่ผู้เขียนไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงจึงหาดวงชะตาของดารานางเอกได้ยากมาก หามาได้สองดวงก็ปรากฏว่ามีโครงสร้างเพ็ญศุกร์ทั้งสองดวง จึงไม่สามารถนำมาพิสูจน์ความใช้ได้ของระบบนิรายะนะได้ ดวงชะตาตัวอย่างที่เหมาะสมที่สุดควรเป็นดวงที่ไม่มีโครงสร้างใดๆที่กล่าวถึงในตอนที่ 2 เลย เพื่อเป็นการยืนยันว่าความงามของเจ้าชะตานั้นเกิดจากโครงสร้างในระบบนิรายะนะที่ตรวจพบ

ผู้เขียนจึงได้ลองหาวิธีอื่นที่จะได้ดวงชะตาของผู้หญิงสวยมาได้ จึงพบว่าโปรแกรมผูกดวงของฝรั่งหลายโปรแกรม ให้ดวงชะตาดารานางเอกในอดีตไว้หลายคน และการหาดวงชะตาของดาราต่างประเทศจากเว็บไซ้ทก็หาได้ง่ายกว่าของไทยเรามาก (เว็บไซท์ของไทยยังไม่เคยพบเว็บใดเลยที่ให้เวลาเกิดพร้อมทั้งวันเดือนปีเกิดของดารานางเอก) ผู้เขียนจึงได้ใช้ข้อมูลดวงชะตาดารานักแสดงต่างประเทศที่น่าสนใจมาใช้เป็นตัวอย่างในการพิจารณาในบทความตอนนี้ แต่ก็ยังคงประสบปัญหาอย่างเดิมประการหนึ่งคือ ดารายอดนิยมที่มีชื่อเสียงว่า “สวยมากๆ” นั้นพอมาผูกดวงปรากฏว่าเกือบทุกคนมีโครงสร้างเพ็ญศุกร์ที่มีกำลังแรงอยู่ในดวงชะตา! ทำให้ไม่สามารถนำมาใช้ในการพิสูจน์ “ความใช้ได้” ของโครงสร้างในระบบนิรายะนะได้ เพราะที่พวกเธอ “สวยมาก” นั้น ถึงไม่มีโครงสร้างใดๆในระบบนิรายะนะเพิ่มขึ้นมาอีก พวกเธอก็สวยมากอยู่แล้ว!

1.    เจน ฟอนด้า (December 21, 1937   9.14 AM standard time Manhattan New York Latitude 40.46 N, Longitude 73 W 59 Time zone 5 hours West  Day Light time  0)

รูปที่ 6  เจน ฟอนด้า    นางเอกภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด เจ้าของรางวัลออสก้าร์ สอง รางวัล

จากการตรวจดวงชะตาด้วยระบบยูเรเนี่ยน ไม่พบโครงสร้างเพ็ญศุกร์ หรือ โครงสร้างอาทิตย์ถึงศุกร์ใดๆในดวงชะตา แต่พบโครงสร้าง อาทิตย์/ศุกร์ = -จันทร์ ซึ่งแปลว่า สตรีผู้มีเรือนร่างสวยงาม และพบตำแหน่งสัมพันธ์ขนาน อาทิตย์ ขนาน ศุกร์ ที่ระยะวังกะ 47 และยังขนาน พุธ อีกด้วย ลิปดาที่น่าสังเกตคือ เจ้าชะตายังเป็นนักเขียน นักจัดรายการ และเป็นนักกิจกรรมสังคม ที่มีชื่อเสียงอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นผู้นำคนสำคัญมากคนหนึ่งใน กระบวนการต่อต้านสงคราม ตัวอย่างเช่นการต่อต้านสงครามเวียตนาม ซึ่งมีผลทำให้สหรัฐถอนตัวออกจากสงครามในที่สุดด้วย และยังเป็นผู้นำในการต่อต้านสงครามอิรักในเวลาต่อมา ซึ่งการที่อาทิตย์ขนานพุธ มีส่วนทำให้เธอมีความสามารถในการพูด การเขียนและการเจรจาแสดงออกดังกล่าว

ดังนั้นโครงสร้างในโหราศาสตร์ตะวันตก บอกชัดเจนแล้วว่าเจ้าชะตา “สวย” แน่นอน จึงไม่วิเคราะห์ต่อด้วยระบบนิรายะนะ

2.    ราเคอ เวลช์    (September 5, 1940 02:40:00 pm  Chicago Illinois Longitude 41.50 N Latitude 87.39 W Time zone 6 hours West Day light time   Yes)

รูปที่ 7 Raque Welch  ดารานางเอกที่ถือกันว่า เป็น sex symbol  ของฮอลลีวู้ดในช่วงปี 1960 – 1970)

Raque Welch เป็นนางเอกฮอลลีวู้ดที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในระหว่างปี 1960 -1970 ได้รับการขนานนามว่า เป็น sex symbol ของฮอลลีวู้ดในช่วงเวลาดังกล่าว และได้รับการขนานนามจากนิตยสารเพลย์บอยว่า เป็น “The Most Desired Woman of the 1970s. (ผู้หญิงที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในปี 1970)” จากการตรวจดวงชะตาพบโครงสร้างเพ็ญศุกร์ เทวะสนธยา อาทิตย์ ถึง ศุกร์ ด้วยมุม 45 องศา ระยะวังกะ 53 ลิปดา จึงไม่วิเคราะห์ต่อด้วยระบบนิรายะนะ

3.    วิเวียน ลีห์ (Vivien Leigh:    November 5, 1913    4:23:00 pm    Darjeeling India Longitude 27.02 N   Latitude 88.16 E  Time zone 5 hours 53 minutes  Day light time 0)

รูปที่ 8  Vivien Leigh: นางเอกยอดนิยมจากบทบาทของ Scarlett O'Hara .
ในภาพยนตร์อมตะเรื่อง วิมานลอย (Gone with the Wind (1939)) เจ้าของรางวัลออสก้าร์ 2 รางวัล

จากการวิเคราะห์ดวงชะตาพบว่า ไม่มีโครงสร้างใดๆที่กล่าวถึงในตอนที่ 2 ที่เป็นเครื่องชี้บอกความงามของสตรีเลย  ดาวศุกร์ห่างจากอาทิตย์เพียง 24 องศาเท่านั้น แม้แต่องศาเพ็ญขั้นต่ำตั้งแต่ 30 องศาขึ้นไปก็ยังไม่ถึง มุมขนานระหว่างอาทิตย์กับศุกร์ก็ไม่มี สรุปได้ว่าด้วยหลักการทางโหราศาสตร์ทั้งตะวันตกและตะวันออก เท่าที่มีกล่าวถึงในตอนที่ 2 ที่ชี้บอกความงามของสตรีนั้นไม่ปรากฏในดวงชะตานี้เลย

จากการวิเคราะห์ด้วยระบบนิรายะนะพบโครงสร้างที่น่าสนใจดังนี้

    (1)    หลักการตามข้อ 2.2.    “ทั้งลัคนาและจันทร์สถิตในราศีทั้ง 6 ได้แก่ เมษ, เมถุน, สิงห์, ตุลย์, มังกร, และ กุมภ์ เจ้าชะตา “สวย” ในระดับหนึ่ง ถ้าจันทร์สถิตในราศีมังกรระดับความสวยจะมากขึ้น และถ้าจันทร์นั้นสถิตเกาะศรวณะนักษัตรที่ 22 ภูมิปาโลฤกษ์ (10 องศา – 23 องศา 20 ลิบดา ราศีมังกร) เจ้าชะตา จะมีความสวยงามยิ่งในลำดับที่หนึ่งแห่งความงามได้”   ในดวงชะตาของวิเวียน ลีห์ ลัคนาสถิตราศีเมษ จันทร์ ราศีมังกร 16 องศา 23 ลิปดา  เกาะศรวณะนักษัตรที่ 22ภูมิปาโลฤกษ์ ด้วย ดังนั้นเจ้าชะตาจึงมีความสวยงามยิ่งในลำดับที่หนึ่งแห่งความงาม ตามหลักการในข้อนี้
    (2)    หลักการข้อ “2.5.    การพิจารณาความงามจากตรึมศังศะ
    ก) ในทุกราศี ถ้าลัคนาหรือจันทร์ เกาะตรึมศังศะของพฤหัส เจ้าชะตาจะมีรูปงาม
    ข) สำหรับราศีที่ครองด้วยพุธ คือราศีมิถุนและกันย์ เพิ่มตรึมศังศะของพุธด้วย”
ในราศีมังกร ตฤมศังศะพฤหัส อยู่ระหว่าง 10 องศา 1 ลิปดา ถึง 18 องศา 00 ลิปดา จันทร์ของวิเวียน ลีห์ สถิตราศีมังกร 16 องศา 23 ลิปดา จึงอยู่ในตฤมศังศะของพฤหัส
    (3)    จากตำรา “ไตรศตโยคมัญชริ” ของ ดร.บีวี รามัน  “ลัคนาธิปติมีกำลังดี, เจ้าเรือนที่ 9 เป็นเกษตร์หรือเป็นอุจจ์ ในเรือนจตุรเกณฑ์, หรือในเรือนตรีโกณ เจ้าชะตาได้ “ลักษมีโยค” ในดวงชะตาของวิเวียน ลีห์ เจ้าเรือนภพที่ 9 คือ พฤหัส สถิตในเรือนที่9 ซึ่งเป็นเรือนเกษตรของพฤหัส เจ้าเรือนลัคนา อังคาร สถิตราศีมิถุน เกาะวรโคตรมนวางค์ ทำให้ดาวอังคารเข้มแข็งมาก ดวงชะตานี้จึงได้ “ล้กษมีโยค”

ดวงชะตานี้เป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นชัดเจน ว่าโครงสร้างในระบบนิรายะนะสามารถชี้บอกความงามของสตรีได้ และแม้ดาวศุกร์ซึ่งโดยทั่วไปถือว่าเป็นเจ้าการของความงามในดวงชะตาสตรีไม่มีกำลัง โครงสร้างอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับความแรงของดาวศุกร์ ก็สามารถให้ความงามของสตรีได้เช่นกัน ดวงชะตานี้ไม่มีโครงสร้างที่ชี้บอกว่าดาวศุกร์มีกำลังเลย ทั้งในระบบนิรายะนะ (ตะวันออก) และระบบสายะนะ (ตะวันตก) แต่มีโครงสร้างชั้นยอดในระบบนิรายะนะถึง 2 โครงสร้างคือ ลัคนาสถิตในราศีเมษซึ่งเป็นราศีที่ให้ความงาม และจันทร์สถิต ราศีมังกร เกาะศรวณะนักษัตรที่ 22 ภูมิปาโลฤกษ์ ซึ่งตำราบอกว่าโครงสร้างในลักษณะนี้ให้ความงามระดับชั้นที่ 1 ได้ (จันทร์ยังเกาะตรึมศังศะพฤหัส ซึ่งให้ความงามแก่สตรีอีกด้วย)  และโครงสร้างที่สองคือ “ลักษมีโยค”    ซึ่งเป็นโครงสร้างชั้นหนึ่งในโหราศาสตร์ภารตะที่นำความงามมาให้สตรีพร้อมกับความเจริญไพบูลย์

ถ้าใครเคยชมภาพยนตร์เรื่อง “วิมานลอย” มาแล้ว จะเห็นว่าความงามของวิเวียน ลีห์ นี้เป็นความงามที่ไม่เกี่ยวข้องกับแรงดึงดูดทางเพศ (ศุกร์) ในสมัยผู้เขียนยังเป็นเด็กนักเรียนอยู่เคยได้ยินผู้ใหญ่หลายคนพูดถึงวิเวียน ลีห์ ว่าเป็น “นางเอกกุ้งแห้ง” อะไรทำนองนี้ ซึ่งก็สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ทางโหราศาสตร์ที่กล่าวมาแล้ว เนื่องจากศุกร์ไม่มีกำลังในดวงชะตานี้เลย ความงามของเจ้าชะตามาจากโครงสร้างของจันทร์ กับ ลัคนา และลักษมีโยค เป็นสำคัญ ในขณะที่ลักษมีโยคที่เกิดขึ้นในดวงชะตาก็เป็นลักษมีโยคที่ไม่มีดาวศุกร์ที่เข้มแข็งเป็นส่วนประกอบอยู่ในโครงสร้าง

4.     โอลิเวียร์ ฮัซซี่ (Olivia Hussey: April 17, 1951  6.40 AM Buenos  Aires   Argentina   Longitude 58.27 W   Latitude  34.36 S  Time zone 4 hours West Day light time Yes

รูปที่ 9  Olivia Hussey: Juliet ในภาพยนตร์โรแมนติค “Romeo and Juliet” เวอร์ชั่นปี 1968
ซึ่งถือกันว่า เป็นเวอร์ชั่นอมตะที่ดีที่สุดของบทละครที่แต่งโดยเชคสปียร์เรื่องนี้
และว่ากันว่า Juliet ในเวอร์ชั่นนี้เหมาะสมกับ จูเลียตในบทละครมากที่สุด
และเป็นจูเลียตที่สวยที่สุดในทุกๆเวอร์ชั่นอีกด้วย

จากการตรวจดวงชะตาพบโครงสร้าง    อาทิตย์ ถึง ลัคนา ถึง สะท้อน ศุกร์  มุม 90 องศา  ระยะวังกะ 59 ลิปดา เป็นหนึ่งในโครงสร้างที่กล่าวถึงในตอนที่ 2 คือเป็นโครงสร้างที่อาทิตย์ถึงสะท้อนศุกร์ แปลว่า ร่างกายที่สวยสงามมีเสน่ห์เป็นแม่เหล็กเช่นเดียวกัน ในดวงชะตานั้น ศุกร์เริ่มเข้าสู่สภาพเพ็ญแล้วโดยเป็นการเพ็ญแบบอสุรสนธยา อยู่ห่างจากอาทิตย์ 36 องศา (ศุกร์อยู่ห่างจากอาทิตย์ตั้งแต่ 30 หรือ 35 องศาขึ้นไปถือว่าเริ่มเพ็ญ)   จึงไม่วิเคราะห์ต่อด้วยระบบนิรายนะ

5.    เอลิซาเบธ เทย์เล่อร์    (Elizabeth Taylor:  Febuary 27, 1932  2:15:00 am   London, England,   Longitude 51.30 N  Latitude  00.10 W Time zone 0 hour   Day light time No)

รูปที่ 10 Elizabeth Taylor:    นางเอกเจ้าของรางวัล ออสก้าร์ 2 รางวัล
และเป็นนางเอกคนแรกในโลกที่ได้ค่าตัวสูงถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการรับบทเป็น”คลีโอพัตรา”  .
ในภาพยนตร์เรื่อง “คลีโอพัตรา” เวอร์ชั่นปี 1963 ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ลงทุนสร้างสูงที่สุดในโลก
และในช่วงเวลานั้น เอลิซาเบ็ธ เทย์เล่อร์เอง ก็ได้รับเลือกจากโพลสำนักต่างๆทั่วโลกว่าเป็น“ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก”
เทียบได้กับ “คลีโอพัตรา – ผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์” ที่เธอสวมบทบาทในภาพยนตร์

ในการตรวจดวงชะตาพบเพ็ญศุกร์แบบอสุรสนธยา ศุกร์ห่างจากอาทิตย์ 40 องศา ซึงถือว่าเพ็ญมากแล้ว (ตามหลักเกณฑ์โหราศาสตร์ภารตะ) แต่ยังไม่ได้เกณฑ์ อาทิตย์ถึงศุกร์ ตามโครงสร้างชี้บอกความงามในยูเรเนี่ยน ด้วยสามัญสำนึก สวยขนาดนี้น่าจะมีโครงสร้างชั้นเยี่ยมอื่นๆมาสนับสนุน จึงวิเคราะห์ต่อด้วยหลักเกณฑ์ในระบบนิรายนะ พบโครงสร้างต่างๆดังนี้
    (1) จากหลักเกณฑ์ในข้อ 2.2  “ราศึที่ให้ความงามแก่เจ้าชะตา ได้แก่ เมษ, เมถุน, สิงห์, ตุลย์, มังกร, และ กุมภ์” และนอกจากนี้ยังมีคัมภีร์อินเดียโบราณบางคัมภีร์กล่าวว่า “เจ้าชะตาจะมีความงามเป็นพิเศษถ้าลัคนาสถิตในราศี กรกฎ หรือ พิจิก”  ดวงชะตานี้ ลัคนาสถิตราศีพิจิก และจันทร์สถิตในราศีตุล         เจ้าชะตาจึงอยู่ในข่าย “มีความงามเป็นพิเศษ”
    (2)    จากหลักเกณฑ์ข้อ 2.5 “ในสถิรราศี คือ ราศี พฤษภ สิงห์ พิจิก และกุมภ์    ตรียางค์ที่ 2 ทำให้มีรูปงาม” ในดวงชะตานี้ลัคนาสถิตราศีพิจิก 17 องศา 28 ลิปดา อยู่ในตรียางค์ที่ 2
    (3)     ดาวศุกร์สถิตราศีมีนซึ่งเป็นราศีอุจของดาวศุกร์ และยังได้รับแสงจากพฤหัสดาวเจ้าราศีมีนซึ่งเป็นอุจในราศีกรกฎอีกด้วย ทำให้ดาวศุกร์เข้มแข็งมาก

จากการวิเคราะห์เพิ่มเติมพบว่า ดาวศุกร์เข้มแข็งมาก เพราะในขณะที่เพ็ญแบบอสุรสนธยา โดยศุกร์นำหน้าอาทิตย์อยู่ 40 องศานั้น ดาวศุกร์ยังสถิตในราศีมีนซึ่งเป็นราศีอุจของดาวศุกร์ และได้รับแสงจากพฤหัสที่เป็นอุจในราศีกรกฎและให้แสงถึงราศีมีนซึ่งเป็นเรือนเกษตรของพฤหัสด้วย (ตามข้อ (3)) ดังนั้นเมื่อดาวศุกร์ที่เข้มแข็งยิ่งดังกล่าว เข้าร่วมอิทธิพลกับโครงสร้าง “เจ้าชะตาอยู่ในข่าย มีความงามเป็นพิเศษ” ในข้อ (1) จึงส่งผลให้ในช่วงระหว่างปี 1960 – 1970 เจ้าชะตาได้รับการจัดอันดับให้เป็น “ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก” เทียบได้กับ “คลีโอพัตรา-ผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์” ซึ่งเป็นบทบาทที่เจ้าชะตาแสดงนำเป็นนางเอกในภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว

กรณีนี้จึงเป็นกรณีตัวอย่างที่ดีอีกกรณีหนึ่งที่ชี้ว่า โครงสร้างชี้บอกความงามของสตรีในระบบนิรายะนั้น “ใช้ได้” เพราะหากใช้เฉพาะโครงสร้างในระบบสายะนะ แล้วเนื่องจากศุกร์ยังห่างจากอาทิตย์ไม่ถึง 44 องศา ระบบยูเรเนี่ยนจึงถือว่า อาทิตย์ยังไม่ถึงศุกร์ (ระยะวังกะ 1 องศา) ดวงชะตานี้จะไม่มีโครงสร้างชี้บอกความงามใดๆเลย ในขณะที่หลักเกณฑ์ในระบบนิรายะนะชี้บอกชัดเจนว่า “เจ้าชะตาสวยและมีเสน่ห์มาก” ซึ่งสมเหตุสมผลกับความงามของเจ้าชะตาที่เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก

6.     ซิกกูนี่ย์ เวเวอร์  (Sigourney Weaver: October 8, 1949  6.15 pm Standard time Manhattan New York Latitude 40.46 N   Longitude  73.59 W   Time zone 5 hours  West  Day light time No

รูปที่ 11  Sigourney Weaver:    นางเอกที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากภาพยนตร์เรื่อง Alien ซึ่งมีทั้งหมด 4 ตอน
และในอีกหลายเรื่องเช่น Ghostbusters และล่าสุดรับบทเป็น Dr.Grace Augustine ในภาพยนตร์เรื่อง Avatar (2009)
เธอได้รับการเสนอชื่อเพื่อชิงรางวัลออสก้าร์มาแล้ว

บทบาทของ Ripley ในเรื่อง Alien ทั้ง 4 ตอนที่สร้างชื่อให้เธอนั้น เป็นบทบู๊ในฐานะนักบินอวกาศที่ไปพบกับ สัตว์ร้ายนอกโลกที่ผู้มีอำนาจบนโลกพยายามจะนำมาเพาะพันธ์ และมีอาจมีผลต่อเนื่องที่ร้ายแรงยิ่งแก่มนุษยชาติ มีคนวิจารณ์กันว่าเธอแสดงได้สมบทบาทมาก ภาพลักษณ์ของเธอดูดีมีสง่า แต่ไม่ใช่สวยเด่น สะดุดตาสะดุดตาสะดุดใจแบบ ดารานางเอกชั้นนำทั่วๆไป ผู้เขียนหาดวงชะตาของเธอมาโดยคาดว่าไม่น่าจะมีโครงสร้างชี้บอกความงามที่โดดเด่นมาก เช่นโครงสร้างที่กล่าวถึงในบทที่สอง แต่พอตรวจดวงชะตากลับพบเพ็ญศุกร์แบบอสุรสนธยา โดยศุกร์ห่างจากอาทิตย์ 43 องศา ซึ่งถึงแม้จะยังไม่ถึงระยะวังกะ 44 องศาที่ยูเรเนี่ยนยอมรับ แต่ในทางโหราศาสตร์ภารตะถือว่าเป็นเพ็ญศุกร์ที่แรงมากแล้ว เพราะเป็นการเพ็ญแบบศุกร์นำหน้าอาทิตย์ที่เรียกว่า อสุรสนธยาอีกด้วย  ในการตรวจด้วยระบบนิรายนะพบโครงสร้างต่างๆดังนี้

    (1)    จากหลักการข้อ 2.2  ข)     “ราศึที่ให้ความงามแก่เจ้าชะตา ได้แก่ เมษ, เมถุน, สิงห์, ตุลย์, มังกร, และ กุมภ์” ในดวงชะตาของเธอ ทั้งลัคนา และจันทร์ สถิต ราศีเมษ จึงบันดาลความงามให้กับเธอ แต่เนื่องจากราศีเมษ เป็นราศีเพศชาย เมื่อทั้งลัคน์ ทั้งจันทร์ สถิตราศีเพศชายทั้งคู่ จึงทำให้บุคลิกของเธอออกเป็นผู้ชาย และเหมาะสมกับบทของ Ripley ในเรื่อง Alien มาก รวมทั้งความงามของเธอก็ขาดความอ่อนหวาน นุ่มนวลแบบผู้หญิงด้วย ทำให้ดูไม่งดงาม ดึงดูดใจเท่าที่ควร ทั้งๆที่มีดาวศุกร์เพ็ญ 43 องศา
    (2)    จากหลักเกณฑ์ข้อ 2.3 ข) “นักษัตร์อื่นๆที่จัดว่าพอจะมีรูปงามได้ เช่น อัศวินี, โรหิณี, มฤคศิระ, ปุษยะ, อุตตรผลคุนี, หัสตะ, จิตรา, อนุราทา, ปูรวาษาทา และเรวตี”  ในดวงนี้ทั้งลัคนา และจันทร์ เกาะนักษัตรอัศวิณี
    (3)    จากหลักเกณฑ์ข้อ 2.4
เจ้าชะตาจะมีรูปงามถ้า
อาทิตย์สถิตในภพที่ 3 หรือ ภพที่ 6
จันทร์สถิตในภพที่ 1-5-7 หรือ 11
อังคาร ไม่มีการกล่าวถึง
พุธสถิตในภพที่ 1-2-7 หรือ 10
ศุกร์สถิตในภพที่ 2 หรือภพที่ 10
เสาร์สถิตในภพที่ 11

ในดวงชะตานี้   อาทิตย์อยู่ในภพที่ 6, จันทร์สถิตภพที่ 1
    (4)    จากหลักการข้อ 2.5
การพิจารณาความงามจากตรึมศังศะ

    ก) ในทุกราศี ถ้าลัคนาหรือจันทร์ เกาะตรึมศังศะของพฤหัส เจ้าชะตาจะมีรูปงาม
    ข) สำหรับราศีที่ครองด้วยพุธ คือราศีมิถุนและกันย์ เพิ่มตรึมศังศะของพุธด้วย
ในดวงชะตานี้ ทั้งลัคนาและจันทร์เกาะตรึมศังสะของพฤหัส
    (5)    จากหลักการในข้อ 2.6
ในจรราศี คือ ราศีเมษ กรกฎ ตุล และมังกร    ตรียางค์ที่ 1 ทำให้มีรูปงาม
ในสถิรราศี คือ ราศี พฤษภ สิงห์ พิจิก และกุมภ์    ตรียางค์ที่ 2 ทำให้มีรูปงาม
ในอุภยราศี คือ ราศี มิถุน กันย์ ธนู และมีน     ตรียางค์ที่ 3 ทำให้มีรูปงาม

ในดวงชะตานี้ทั้งลัคนาและจันทร์เกาะตรียางค์ที่ 1 ในราศีเมษซึ่งเป็นจรราศี

สรุปได้ว่าโครงสร้างที่สนับสนุนความงามในระบบนิรายนะของดวงนี้ แม้จะมีหลายโครงสร้างแต่เป็นโครงสร้างที่ไม่ได้มีกำลังแรง การที่ทั้งลัคนาและจันทร์สถิตในราศีเพศชายส่งผลให้ ความงดงาม อ่อนหวานนุ่มนวล และแรงดึงดูดทางเพศของผู้หญิงที่เกิดจากศุกร์เพ็ญแบบอสุรสนธยา ในดวงชะตาลดน้อยลง

7. บาบาร่า สตรัยเซ่น (Barbra Streisand: April 24, 1942  5:08  AM  Brooklyn, NY (N.Y.C.) Latitude  40.41.43 N   Longtitude   73.59.39 W  Time zone 5 hours  West  Day light time War

รูปที่ 12  Barbra Streisand:    นางเอกเจ้าของฉายา “ลูกเป็ดขี้เหร่” ไม่สวยก็เป็นนางเอกได้
เจ้าของรางวัลออสการ์ทั้งรางวัลนางเอกยอดเยี่ยม และนักร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

ผู้เขียนหาดวงชะตานี้มาโดยคาดว่าจะไม่พบโครงสร้างชี้บอกความงามที่โดดเด่น แต่พอตรวจดวงชะตากลับพบโครงสร้างศุกร์เพ็ญแบบเทวะสนธยา ศุกร์ทำมุม 45 องศากับอาทิตย์ระยะวังกะ 59 ลิปดา? จึงวิเคราะห์ด้วยระบบนิรายนะพบโครงสร้างดังนี้

จากหลักการข้อ 2.1
ทุรมุขโยค:    ก) บาปเคราะห์อยู่ในเรือนที่ 2 เจ้าเรือนที่ 2 สัมพันธ์กับดาวร้าย หรือเจ้าเรือนที่ 2 เป็นนิชค์
ข) เจ้าเรือนที่ 2 เป็นบาปเคราะห์สัมพันธ์กับคุลิกา หรือเสวยนวางค์ราศีศัตรู และนวางค์ราศีนิชค์, ร่วมกับบาปเคราะห์ (ทุรมุขะ-หน้าทราม)

ในดวงชะตานี้ เน็ปจูน สถิตในภพที่ 2 ได้รับแสงจากบาปเคราะห์อังคาร เจ้าเรือนที่ 2 คือ พุธ กุมกับอาทิตย์ (โหราศาสตร์ภารตะถือว่าอาทิตย์เป็นบาปเคราะห์) จึงเป็น ทุรมุขโยค ตามข้อ ก) ทุรมุขโยคนี้มีผลทำให้ใบหน้าไม่งดงาม ในทำนองเดียวกันกับตัวอย่างที่ผู้เขียนกล่าวถึงในตอนที่ 2 จะเห็นได้ว่าหน้าตาของเจ้าชะตาดูตลกๆแบบไม่จริงซึ่งตรงกับลักษณะของเน็ปจูนในเรือนที่สองของเรือนชะตา ซึ่งเธอก็ได้รับรางวัลออสก้าร์สำหรับนางเอกยอดเยี่ยมในปี 1969 จากภาพยนตร์เรื่อง Funny Girl

ผู้เขียนเชื่อว่าถ้าเราได้มีโอกาสพบตัวจริงของเธอ เราจะสามารถรับรู้อิทธิพลของศุกร์เพ็ญในดวงชะตาได้ เช่นเดียวกับในกรณีตัวอย่างในตอนที่ 2 ที่มี ทุรมุขะโยค ปรากฏขึ้นพร้อมกับ เพ็ญศุกร์แบบอสุรสนธยา เพราะเราจะไม่สามารถรับรู้อิทธิพลของศุกร์เพ็ญผ่านทางรูปภาพและจอภาพยนตร์ได้ เนื่องจากมี ทุรมุขะ – หน้าทราม มาปิดกั้น ความงามอื่นๆไว้

สรุปว่าในดวงชะตานี้โครงสร้าง ทุรมุขะโยค – หน้าทราม สามารถอธิบายเหตุผล ที่เจ้าชะตาที่มีโครงสร้างเพ็ญศุกร์ที่มีกำลังแรงในดวงชะตากลับมองดูไม่สวยงามเท่าที่ควรได้ และเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่า โครงสร้างชี้บอกความงามของสตรีในระบบนิรายะนะนั้น “ใช้ได้”

8.    มาลิริน มอนโร         (Marilyn Monroe: June 1,1926    9.30 am   Los Angeles California    Longitude 118.14.34 W   Latitude  34.03.18  N   Time zone 8 hours  West  Daylight time No)

รูปที่ 13  Marilyn Monroe:    นางเอกภาพยนตร์, นักร้อง และนางแบบ ชื่อดังในอดีต
ที่สมาคมภาพยนตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (American Film Institute) มีมติให้เธอเป็น
นางเอกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลลำดับที่ 6 (เอลิซาเบธ  เทย์เลอร์อยู่ในลำดับที่ 7
ส่วนเหนือกว่านั้นอยู่ในรุ่นโบราณมาก ที่คนในยุคปัจจุบันแทบจะไม่เคยได้ยินชื่อ
และ/หรือได้เคยชมผลงานของพวกเธอมาเลย)

ถ้าวิเคราะห์ดวงชะตานางเอกภาพยนตร์ฝรั่งแล้วไม่ได้วิเคราะห์ดวงชะตาของ มาริลิน มอนโร นางเอกอมตะตลอดกาลคนนี้ ต้องถือว่าบทความตอนนี้บกพร่องแน่นอน เธอเป็นทั้งนักร้อง นางเอกหนัง และก็นางแบบที่มีผลงานดีเด่นมากมายในทั้งสามด้าน และได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงสวยที่เซ็กซี่ที่สุดในโลก ที่แม้กระทั่ง ทุกวันนี้กล่าวได้ว่าคนทั้งโลกก็ยังรู้จัก ได้ยินชื่อ และมักได้เห็นภาพของเธอในหนังสือ หรือตามสถานที่ต่างๆอยู่เสมอ

จากการตรวจดวงชะตาพบ ศุกร์เพ็ญ เทวะสนธยา ศุกร์ทำมุม 43 องศากับอาทิตย์ ไม่พบโครงสร้างอื่นที่ชี้บอกความงามของสตรีที่กล่าวถึงในตอนที่ 2 แม้ศุกร์เพ็ญที่ 43 องศา จะถือว่าเป็นเพ็ญศุกร์ที่แรงมากแล้วในทัศนะของโหราศาสตร์ภารตะ แต่ในทำนองเดียวกันกับ เอลิซาเบ็ธ เทย์เล่อร์ โครงสร้างนี้เพียงโครงสร้างเดียวไม่น่าจะเทียบได้กับความงามของเธอที่ชาวโลกได้เห็น จึงวิเคราะห์ดวงชะตาของเธอต่อด้วยโครงสร้างในระบบนิรายะนะ พบโครงสร้างต่างๆดังนี้

    (ก)    จากหลักการในข้อ 2.2 “นอกจากนี้ยังมีคัมภีร์อินเดียโบราณบางคัมภีร์กล่าวว่า เจ้าชะตาจะมีความงามเป็นพิเศษถ้าลัคนาสถิตในราศี กรกฎ หรือ พิจิก  และมีความงามพอสมควรถ้าลัคนาสถิตในราศี พฤษภ่, กันย์, และมีน จึงอาจสรุปได้ว่า ถ้าลัคนาสถิตราศีกรกฎหรือพิจิก และจันทร์สถิตในราศีมังกร เจ้าชะตาจะมีความสวยงามยิ่งในลำดับที่หนึ่งแห่งความงามได้”

ในดวงชะตานี้ลัคนาสถิตราศีกรกฎ จันทร์สถิตราศีมังกร  “เจ้าชะตาจะมีความสวยงามยิ่งในลำดับที่หนึ่งแห่งความงามได้”
    (ข)    จากหลักเกณฑ์ในข้อ 2.4

การพิจารณาความงามจากดาวเคราะห์ที่สถิตในภพต่างๆ

เจ้าชะตาจะมีรูปงามถ้า
อาทิตย์สถิตในภพที่ 3 หรือ ภพที่ 6
จันทร์สถิตในภพที่ 1-5-7 หรือ 11
อังคาร ไม่มีการกล่าวถึง
พุธสถิตในภพที่ 1-2-7 หรือ 10
ศุกร์สถิตในภพที่ 2 หรือภพที่ 10
เสาร์สถิตในภพที่ 11

ในดวงชะตานี้ จันทร์สถิตในภพที่ 7 (และยังเป็นจันทร์ในราศีมังกรอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งสถิตที่เป็นสุดยอดแห่งความงามสำหรับจันทร์ในดวงชะตาสตรี), ศุกร์สถิตในภพที่ 10 (เป็นเพ็ญศุกร์ และยังเป็นเกษตรในนวางค์อีกด้วย)

    (ค)    จากหลักเกณฑ์ข้อ 2.8 ดวงชะตานี้ได้    ปัญจะมหาบุรุษโยคจากดาวเสาร์ (ศะศะโยค),
พบว่ามีหลายโครงสร้างสนับสนุนความงามของเจ้าชะตา ที่สำคัญคือ การที่ลัคนาสถิตราศีกรกฎ และจันทร์สถิตราศีมังกร ซึ่งตำราบอกชัดเจนว่า “เจ้าชะตาจะมีความสวยงามยิ่งในลำดับที่หนึ่งแห่งความงามได้” ด้งนั้นเมื่ออิทธิพลของโครงสร้างดังกล่าวเข้าร่วมกับอานุภาพของเพ็ญศุกร์ที่มีกำลังแรงในดวงชะตา จึงส่งผลให้เธอสวยงามและมีเสน่ห์มาก (ทั้งจันทร์และศุกร์สถิตในภพเกนทระที่ 7 และ 10 จากลัคนา ทำให้ทั้งสองปัจจัยยิ่งมีกำลังมากยิ่งขึ้นไปอีก) และยังคงเป็นที่รู้จักและกล่าวขวัญถึงของคนทั่วไปในโลกปัจจุบัน แม้ว่าจะเธอได้เสียชีวิตไปเกือบ 50 ปีแล้วก็ตาม

9. ไอศวรรยา ราย    (Aishwarya Rai: November 1, 1973  5.20 am   Mangalore Karnataka India   Longitude 12.52 N  Latitude  74.53 E Standard time zone UTC/GMT +5.30 hours Daylight time No

รูปที่ 14  Aishwarya Rai: ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่า “สวยที่สุด” ของอินเดียในปัจจุบัน
อดีตนางงามอินเดีย และนางงามโลก (1994) เจ้าของรางวัลตุ๊กตาทองนางเอกยอดเยี่ยม 3 รางวัล ของ bollywood รางวัล

ตัวอย่างสุดท้ายคงต้องใช้ผู้หญิงสวยของอินเดียมาเป็นกรณีศึกษา เพราะหลักการต่างๆที่นำมาเสนอทั้งหมดนี้ล้วนมีที่มาจากคัมภีร์โบราณของอินเดียแทบทั้งสิ้น ถ้าไม่นำมาใช้กับผู้หญิงสวยของอินเดียแล้วบทความตอนนี้คงจะต้องเหมือนกับขาดอะไรบางอย่างไปแน่ๆ

ไอศวรรยา ราย นอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกสำหรับชาวอินเดียแล้ว ชาวอินเดียและบรรดาสื่อมวลชนอินเดียยังรัก ชื่นชม และภาคภูมิใจในตัวเธอมาก จึงพากันกล่าวขวัญอย่างชื่นชมถึงเธอเสมอว่า “ความงามของแอสวารย่า ไร นั้น เทียบได้กับความงามของอนุสรณ์แห่งความรักในอินเดีย “ทัชมาฮาล” ที่เป็นสิ่งมหัศจรรย์หนึ่งในเจ็ดของโลก”!

รูปที่ 15  ดวงชะตาในระบบนิรายะนะ ของ Aishwarya Rai

จากการตรวจดวงชะตาพบโครงสร้าง เพ็ญศุกร์ อสุรสนธยา ศุกร์ห่างจากดวงอาทิตย์ 46 องศา 39 ลิปดา ถือว่าเป็นเพ็ญศุกร์ที่แรงมาก นอกจากนี้ยังพบโครงสร้าง อาทิตย์/ศุกร์ = คิวปิโด มุม 90 องศาระยะวังกะ 1องศา 14 ลิปดา แม้ระยะวังกะจะเกินหนึ่งองศาไปบ้างแต่ด้วยมุม 90 องศา ถือว่ายังคงมีผลอยู่พอสมควรทีเดียว โครงสร้างนี้น่าสนใจมากเพราะแปลว่า “A beautiful, artfully shaped body, ร่างกายที่สวยงามราวกับรูปปั้นประติมากรรม” การวิเคราะห์ดวงชะตาของนางเอกคนนี้ช่วยให้ผู้เขียนมองเห็นอีกโครงสร้างหนึ่งที่ใช้ชี้บอกความงามของสตรีได้ โดยก่อนหน้านี้ในตอนที่ 2 โครงสร้างในโหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนที่นำมาใช้มีเพียงสามโครงสร้างคือ อาทิตย์ = ศุกร์   , อาทิตย์/ศุกร์ = จันทร์  และ อาทิตย์ ขนาน ศุกร์   นับตั้งแต่นี้ไปจึงต้องเพิ่มโครงสร้างนี้ขึ้นอีก 1 โครงสร้างคือ “อาทิตย์/ศุกร์ = คิวปิโด”

ความจริงการวิเคราะห์ต่อด้วยระบบนิรายะนะ สำหรับดวงชะตานี้ ไม่ได้ช่วยพิสูจน์ว่าโครงสร้างในระบบนิรายะนะใช้ได้  แต่หากจะไม่ใช้โครงสร้างในระบบนิรายะนะที่นำเสนอในตอนนี้ซึ่งมีที่มาจากคัมภีร์อินเดียโบราณแทบทั้งหมด มาวิเคราะห์ดวงชะตาผู้หญิงสวยของอินเดียดูบ้าง คงแปลกๆยังไงๆอยู่ ผลการตรวจดวงชะตานี้ด้วยระบบนิรายนะพบโครงสร้างดังนี้

    (1)    จากหลักเกณฑ์ข้อ 2.3 ข)
การพิจารณาความงามจากนักษัตรที่จันทร์สถิต
    ก) ถ้าจันทร์หรือลัคนา อยู่ในนักษัตรที่ 22 เจ้าชะตาจะมีความงามบาดตาบาดใจเป็นที่สุด
    ข) นักษัตรอื่นๆที่จัดว่าพอจะมีรูปงามได้ เช่น อัศวินี, โรหิณี, มฤคศิระ, ปุษยะ, อุตตรผลคุนี, หัสตะ, จิตรา, อนุราทา, ปูรวาษาทา และเรวตี

ดวงชะตานี้จันทร์สถิตราศีธนู 20.13 องศา เกาะปูรวาษาทา
    (2)    จากหลักเกณฑ์ข้อ 2.5
การพิจารณาความงามจากตรียางค์และนวางค์

ในจรราศี คือ ราศีเมษ กรกฎ ตุล และมังกร    ตรียางค์ที่ 1 ทำให้มีรูปงาม
ในสถิรราศี คือ ราศี พฤษภ สิงห์ พิจิก และกุมภ์    ตรียางค์ที่ 2 ทำให้มีรูปงาม
ในอุภยราศี คือ ราศี มิถุน กันย์ ธนู และมีน     ตรียางค์ที่ 3 ทำให้มีรูปงาม
ในดวงชะตานี้ ลัคนา สถิตราศีกันย์ 28 องศา 42 ลิปดา  จันทร์สถิต 20 องศา 12 ลิปดา ธนู เป็นตรียางค์ที่ 3 ทั้งคู่

ดวงชะตานี้พบว่า ไม่มีโครงสร้างชี้บอกความงามของสตรีที่เข้มแข็งน่าสนใจมาสนับสนุนเพิ่มเติมแต่อย่างใด แต่ด้วยโครงสร้างที่กล่าวถึงในตอนที่ 2 และโครงสร้างใหม่ที่มีอยู่แล้วในคัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิของยูเรเนี่ยน (อาทิตย์/ศุกร์ = คิวปิโด) ก็ชี้บอกได้อยู่แล้วว่าเจ้าชะตา .”สวยและมีเสน่ห์มาก” ข้อน่าสังเกตคือ ดวงนี้ศุกร์เพ็ญแบบอสุรสนธยา ศุกร์ห่างจากอาทิตย์ 46 องศา 39 ลิปดา ถ้าใช้ตามระบบยูเรเนียนโดยเคร่งครัด ศุกร์ไม่ถึงอาทิตย์ (ระยะวังกะ 1 ลิปดา) เพราะระยะวังกะ 1 องศา 39 ลิปดา จะไม่มีโครงสร้างที่ชี้บอกความงามเกิดขึ้น ในขณะที่โหราศาสตร์ภารตะถือว่า ศุกร์ยิ่งเพ็ญมากยิ่งมีกำลังมาก และเพ็ญที่สุดได้ที่ 48 องศา  (กรณีของนาตาลี เกลโบว่าในตอนที่ 2 ศุกร์เพ็ญเกือบ 48 องศา เช่นเดียวกัน) กรณีนี้จึงเป็นกรณีตัวอย่างทีชี้ให้เห็นชัดเจนอีกครั้งหนึ่งว่า การนำโครงสร้างเพ็ญศุกร์มาใช้พิจารณาความงามของสตรีนั้น แนวคิดของโหราศาสตร์ภารตะครอบคลุมเรื่องราวได้กว้างกว่าการใช้ระยะเชิงมุมที่แน่นอนเป็นจำนวนเท่าของ 45 องศา"

โครงสร้างที่สะดุดตาและน่าเป็นห่วงในดวงนี้คือ อังคารสถิตในภพที่ 8 จากลัคนา เล็งกับอาทิตย์ในภพที่ 2  เจ้าชะตามีแนวโน้มสูงที่จะได้รับอันตรายร้ายแรงหรือถึงขั้นเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และของมีคม นอกจากนี้อังคารดังกล่าวยังทำให้เกิดมังคลิกาโยค ซึ่งจะให้ผลร้ายแก่ชีวิตสมรสของเจ้าชะตามาก สมควรจะต้องระมัดระวังและรอบคอบในเรื่องทั้งสองนี้ไว้ให้มาก

5.    สรุป

บทความในตอนนี้ได้นำเสนอโครงสร้างในระบบนิรายะนะที่ชี้บอกความงามของสตรี และได้ทดลองนำมาใช้กับดวงชะตาจริงของผู้หญิงสวยที่เป็นดารานางเอกของต่างประเทศที่น่าสนใจ 9 คน พบว่าส่วนใหญ่ของผู้หญิงสวยเหล่านี้ล้วนมีโครงสร้างที่นำเสนอในตอนที่ 2 อยู่ในดวงชะตา แต่ก็มีบางดวงที่ไม่ปรากฏโครงสร้างดังกล่าว หรือปรากฏแต่เป็นโครงสร้างที่ไม่แรงมากและไม่น่าจะส่งผลให้เจ้าชะตาสวยงามได้อย่างที่ปรากฏ จึงได้วิเคราะห์ดวงชะตาต่อด้วยระบบนิรายะนะและพบว่ามีโครงสร้างที่ชี้บอกความงามที่โดดเด่นได้ในทุกกรณีตัวอย่างดังกล่าว นอกจากนี้ในกรณีที่เจ้าชะตาไม่ได้งดงามสมกับที่โครงสร้างในตอนที่ 2 ชี้บอก ก็ได้วิเคราะห์ต้อด้วยระบบนิรายะนะและสามารถหาโครงสร้างในระบบนิรายะนะที่มาลดทอนความงามของเจ้าชะตาลงได้ จึงสามารถสรุปได้จากกรณีตัวอย่างทั้ง 9 ดวงชะตาว่า โครงสร้างชี้บอกความงามของสตรีในดวงชะตาของระบบนิรายะนะนั้น “ใช้ได้” และการนำโครงสร้างทั้งในระบบสายนะ (ตะวันตก) และระบบนิรายะนะ (ตะวันออก) มาใช้ร่วมกันนั้นช่วยให้การพิจารณาดวงชะตาในเรื่อง “ความงามของสตรี” สามารถพิจารณาได้ครอบคลุมกว้างขวางและลึกซึ้งในรายละเอียดมากขึ้น

นอกจากนี้การทดลองนำโครงสร้างในระบบนิรายะนะมาใช้กับดวงชะตาของ ไอศวรรยา ราย อดีตนางงามโลกปี 1994 ของอินเดีย ยังช่วยให้มองเห็นโครงสร้างชี้บอกความงามของสตรีเพิ่มขึ้นอีกโครงสร้างหนึ่ง โครงสร้างนี้มีอยู่แล้วในคัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิของยูเรเนี่ยน แต่ผู้เขียนยังไม่เคยพบว่ามีการนำโครงสร้างดังกล่าวมาใช้ในการพิจารณาความงามของสตรี โครงสร้างนี้คือ  “อาทิตย์/ศุกร์ = คิวปิโด”แปลว่า “A beautiful, artfully shaped body, ร่างกายที่สวยงามราวกับรูปปั้นประติมากรรม”

ชาญชัย  เดชะเสฏฐดี
วันที่ 13 เมษายน 2553

----------

ขอ ขอบคุณ ท่านผู้เขียนบทความที่ให้ความกรุณาแก่เว็บไซต์แห่งนี้  อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างทางความคิดย่อมมีได้ และผมขอจำกัดความรับผิดชอบในฐานะเจ้าของเว็บ เท่าที่กฎหมายและกติกาสังคมกำหนด ท่านที่ประสงค์จะร่วมเขียนบทความเช่นนี้ โปรดติดต่อ webmaster@rojn-info.com