|
 |
ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลของระบบเรือนชะตา วันที่ 27/07/2009 19:23:21
ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลของระบบเรือนชะตา
|
อยากทราบในชีวิตจริงของบุคคลที่อยู่ในเรือน 6, 8 และ 12 ของเรือนอาทิตย์เจ้าชะตาจะมีผลอย่างไรบ้าง เมือ่พบว่าลูกน้องอยู่ในเรือนที่ 6 และเราอยู่ในเรือนที่ 8 ของบุคคลที่เข้ามาหาเราเพราะโหราศาสตร์ จะไม่ดีจริงตามที่ทฤษฎีได้กล่าวไว้หรือไม่
จาก: น้องใหม่ [8 Dec 2005 15:22] ผู้ดู [125] ผู้ตอบ[7]
|
ความคิดเห็นที่ 1 โดย คุณ โรจน์-อินโฟ
9 Dec 2005 20:56 #1000696
|
ยังไม่มีใครตอบเลยหรือ ตัวผมเองเรื่องการเทียบดวงจะให้ความสำคัญกับการทำมุมของดาวระหว่างดวงทั้งสองมากกว่าเรือนครับ
|
ความคิดเห็นที่ 2 โดย คุณ LEO
13 Dec 2005 16:10 #1002200
|
ต้องดูว่าในเรือนที่ 6 มีดาวอะไรสถิตย์อยู่ เรือนที่ 8 มีดาวอะไรสถิตย์อยู่ และเรือนที่ 12 มีดาวอะไรสถิตย์อยู่ที่คุณกล่าวมานั้นมันเป็นความหมายของเรือนชะตา เช่นเรือนที่ 6 ที่คุณว่าลูกน้อง ก็ถูกอาจรวมถึงการทำงานของตัวคุณด้วย เรือนที่ 8 เป็นเรือนของการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดรวมทั้งการแบ่งผลประโยชน์ให้กับคนที่คุณร่วมทำงานด้วย ส่วนเรือนที่ 12 เป็นเรือนความฝันของคุณว่าจะสลายหรือสวยหรู หรือพร้อมที่จะเริ่มอะไรอยู่เรื่อย ๆ ต้องดูดาวที่สถิตย์จะเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขให้คุณรวมทั้งการสัมพันธ์ระหว่าดาวที่อยู่ในเรือนที่กล่าวกับเรือนอื่นๆ ด้วย.. หากคุณอยู่ในเรือนที่ 8 ของเขา คุณก็แพ้เขาอยู่ตลอดเวลา..แค่นี้ก่อนพอดีหนดเวลา.......
|
ความคิดเห็นที่ 3 โดย คุณ น้องใหม่
13 Dec 2005 21:31 #1002310
|
นี่คือสิ่งที่สงสัยอยู่ โดยเฉพาะเราอยู่เรือนที่ 8 ของคนอื่นที่ไม่มีดาวอะไรเลย จะต้องเสียเปรียบเขาเรื่อยไป แต่พอมีความรู้ทางโหราศาสตร์อยู่ในระดับหนึ่ง ทำให้พลิกวิกฤตเป็นโอกาสหรือเปล่าไม่รู้ เลยสงสัยมากๆ
|
ความคิดเห็นที่ 4 โดย คุณ คนอ่านคนหนึ่ง
13 Dec 2005 22:08 #1002322
|
เรือนที่ 1ได้เรือนที่ 6 เสียให้เรือนที่ 8 หมายความคนที่อยู่เรือนที่ 1 จะหยวนๆกับคนเรือนที่ 8
|
ความคิดเห็นที่ 5 โดย คุณ ชาญชัย
18 Dec 2005 12:41 #1004181
|
ท่านอาจารย์ประยูร พลอารีย์เคยเขียนถึงทฤษฎีการเปรียบเทียบดวงชะตาในประเด็นของเรือนที่สำคัญยิ่งคือเรื่อนที่ 6 และ 8 ไว้ในบทความเรื่อง "ใครแพ้ใครในจักรวาล" สามารถอ่านได้จากเว็บไซ้ท์ของอาจารย์กิตตินันท์ http://www.kittinun.com/Story2.asp?StoryNo=138&FileName=Story78.txt
ไฮไลท์ของบทความอยู่ที่เนื้อหาในคำนำที่กล่าวว่า "อันเพลงอาวุธนั้น ถึงแม้จะมีความเฉียบขาดและล้ำลึกปานใด ก็ยังอยู่ในวิสัยที่จะสามารถแก้ไขหรือเอาชนะได้ เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า อย่างไรก็ตาม การแพ้ชนะกันในทีหรือโดยธรรมชาติ ซึ่งเป็นไปตามกำหนดของฟ้านี้ ไม่รู้จะแก้ไขได้อย่างไร ขอให้สังเกตการแพ้
ชนะกันในทีอันเป็นความเร้นลับของโลกอย่างหนึ่งสักสองสามกรณีดังต่อไปนี้
.....ช้างที่กำลังตกมันจะเชื่องลงในทันที เมื่อได้ยินเสียงคำรามของหมู
.....เสียงไก่ขันทำให้สิงโตหยุดอาละวาดได้
.....เสือดำจะไม่กล้ากินไก่ที่โชลมด้วยมันไก่ตัวเมีย โดยเฉพาะผสมกระเทียมด้วย
.....ชะมดนั้นสู้เสือดำไม่ได้ก็จริง แต่ถ้าเอาหนังเสือดำมาแขวนคู่กับหนังชะมดแล้ว ขนของเสือดำจะร่วงหมดทันที
......สุนัขป่าไม่เคยกลัวหอกดาบ แต่กลัวก้อนหิน
....... ฯลฯ"
ก่อนหน้านี้ผมก็ยังสงสัยอยู่ว่าที่อาจารย์ท่านยกตัวอย่างมานะมันจะจริงแค่ไหน เพราะคิดโดยเหตผลพื้นๆแล้วไม่ค่อยอยากจะเชื่อ ก็เลยพลอยทำให้ไม่ค่อยศรัทธาในหลักวิชาที่สืบเนื่องนัก
แต่ตอนนี้ผมเชื่อสนิทใจยิ่งกว่า 1000% อีกครับ และทำให้ศรัทธาหลักวิชาที่ว่าด้วยการแพ้ชนะกันของดวงชะตาตามที่ท่านอาจารย์ประยูรได้เขียนไว้เป็นอันมากเพราะได้ประสบมากับตัวเองกับตา ซึ่งทุกท่านที่อ่านความเห็นของผมตรงนี้แล้วถ้ายังสงสัยไม่แน่ใจสามารถไปทดสอบกับตาด้วยตัวเองทุกคนได้ไม่ยากอีกด้วย
เนื่องจากเมื่อเร็วๆนี้ในระหว่างการออกไปทำงานในต่างจังหวัด ซึ่งมีความจำเป็นต้องเดินทางไปบนยอดเขาแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี (ถ้าจำไม่ผิดคิดว่าเป็นที่ตั้งของวัดพระฉาย) เพื่อชี้แนวที่จะก่อสร้างถนนให้กับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เมื่อไปถึงสถานที่ทีมงานคนหนึ่งได้ลงจากรถไปติดต่อกับทางวัดและขอยืมตุ๊กตารูปจรเข้ขึ้นมาบนรถ (เป็นเพียงตุ๊กตาเท่านั้น ขนาดประมาณเท่ากับหมอนข้าง) เมื่อไปถึงยอดเขารถยนต์ไม่สามารถไปได้ต่อจึงต้องลงจากรถเดินกันขึ้นไป ในระหว่างทางนั้นเอง ลิงฝูงหนึ่งอย่างน้อยต้องมีสามสิบสี่สิบตัวพากันวิ่งลงมาจากป่าข้างทางนำโดยจ่าฝูงตัวโตกว่าเพื่อนพร้อมทั้งส่งเสียงขู่คำราม อ้าปากแยกเขี้ยวล้อมพวกเราเข้ามา ทุกคนตกใจกันมากเพราะไม่เคยคิดว่าลิงจะดุขนาดนั้นและกลัวกันทุกคนด้วย หลังจากที่ทำอะไรกันไม่ถูกอยู่พักหนึ่ง ฝูงลิงก็ล้อมใกล้เข้ามาทุกที ทีมงานคนหนึ่งจึงหันหลังวิ่งกลับไปที่รถแล้วอุ้มตุ๊กตาจรเข้ออกมาเดินนำหน้าชูใส่ฝูงลิง ปรากฏว่าฝูงลิงแตกกระเจิงวิ่งหนีไปตัวใครตัวมันกลับเข้าป่าสองข้างทางไป แม้แต่ตัวจ่าฝูงเองถึงจะไม่ขนาดวิ่งแต่ก็ถอยหลังกรูดๆก่อนจะหันหลังกลับวิ่งตามตัวอื่นๆออกไป นับเป็นเรื่องอัศจรรย์อย่างที่ไม่เคยพบมาก่อนเลย
เมื่อลงมาที่วัดจึงได้สังเกตเห็นว่ารถคันอื่นส่วนใหญ่ที่จอดอยู่ที่ลานข้างล่างต้องมีตุ๊กตาจรเข้วางไว้บนหลังคาหรือฝากระโปรงรถแทบทุกคัน และเมื่อเข้าไปไหว้พระพุทธรูปในวัด ตามลานวัดและในศาลาจะเห็นตุ๊กตาจระเข้อ้าปากแดง วางอยู่ทั่วไป สอบถามได้ความว่าถ้าไม่มีตุ๊กตาจรเข้เหล่านี้วางอยู่ฝูงลิงบนเขาก็จะเข้ามารบกวน
เมื่อมาคิดถึงเหตุผลยิ่งน่าอัศจรรย์ขี้นไปอีก เพราะว่าบนเขานั้นไม่มีแหล่งที่อยู่อาศัยของจรเข้ และก็ไม่มีจรเข้จริงๆอีกด้วย ในชั่วชีวิตหลายชั่วอายุของลิงในป่าบนภูเขานั้นอาจจะไม่เคยเห็นจรเข้จริงๆเลยแม้สักตัวหนึ่งเลยก็ได้ แล้วทำไมถึงได้กลัวแม้กระทั่งตุ๊กตาจรเข้ (ซึ่งก็ไม่ได้เหมือนจรเข้จริงๆสักเท่าใดเลย) ขนาดนั้น
ในทางทฤษฎีพอสรุปได้ว่า เนื่องจากเรือนที่ 8 เทียบได้กับการหายใจออกจนสุด ซึ่งถ้าเราสังเกตุดูให้ดีตอนที่เราออกกำลังใดๆเช่นการยกของหรือออกแรงเข็นรถ เราจะมีกำลังมากหลังจากที่ได้สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วจึงออกกำลังพร้อมกับการหายใจออก เมื่อสุดลมหายใจออกแล้วจะเป็นช่วงที่อ่อนกำลังที่สุด จะต้องสูดลมหายใจเข้าใหม่สำหรับการออกกำลังในลำดับต่อไป ดังนั้นตามทฤษฎีที่ท่านอาจารย์ประยูรนำมากล่าวถึงนั้น คนที่อยู่ในราศีที่ 8 จากเรา จึงเท่ากับว่าเขาอยู่ในตำแหน่งที่เราหมดกำลังโดยสิ้นเชิง จึงเป็นผู้ที่ชนะเราโดยกำหนดของฟ้า ซึ่งท่านอาจารย์ประยูรกล่าวว่าการแก้ทางที่กำหนดโดยฟ้านี้ทำได้ยากลำบากยิ่ง และไม่สามารถหวังผลได้แน่นอนอีกด้วยว่าจะแก้ได้หรือไม่ ท่านได้เตือนไว้ว่าในชีวิตคนเราต้องหลีกเลี่ยงอย่าได้ไปต่อสู้ประจันหน้ากับคนที่อยู่ในราศีที่ 8 ของเรา และในการศึกสงครามนั้นก็ต้องไม่ตั้งแม่ทัพของฝ่ายเราให้เป็นคนที่อยู่ในราศี่ที่ 8 ของแม่ทัพฝ่ายตรงกันข้าม แต่ให้ตั้งคนที่อยู่ในราศีที่ 6 ของแม่ทัพฝ่ายตรงกันข้าม (ในหนังสือเรื่อง"ยุทธวิธีโหร " ซึ่งท่านอาจารย์ หม่อมเจ้าเจริญสุข โสภาค เกษมสันต์ อดีตนายกสมาคมโหร แห่งประเทศไทย แปลจากหนังสือที่เขียนโดย ลูอิสเดอะโวลห์ โหรเอกของฝ่ายสัมพันธมิตร ในสงครามโลกครั้งที่สอง กล่าวไว้ว่าในการคัดเลือกแม่ทัพนายกองทั้งด้านฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายเยอรมันนั้น การกำหนดตัวแม่ทัพที่จะเข้าสัปประยุทธ์ชิงชัยกันได้ใช้วิธีการทางโหราศาสตร์ประกอบการพิจารณากำหนดตัวแม่ทัพในแต่ละสมรภูมิด้วย)
อย่างไรก็ตามทฤษฎีดังกล่าวเป็นการบรรยายถึงเรื่องของราศีที่ 8 โดยการพิจารณาอาทิตย์กำเนิดในดวงชะตาระหว่างกันเท่านั้น และก็ยังมีบทความสืบเนื่องบางบทความซึ่งท่านอาจารย์กล่าวถึงเรื่องของการดับแบบต่อเนื่อง ฯลฯ และให้คำแนะนำรายชื่อตำราอ้างอิงไว้ ซึ่งถ้ามีการค้นคว้าต่อไปให้ครอบคลุมถึงเรื่องของจุดเจ้าชะตาอื่นๆ การไขว้จุดเจ้าชะตา การดับของราศีแบบต่อเนื่อง ฯลฯ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลในการนำมาใช้ในชีวิตจริงต่อไป
ได้ลองกลับไปตรวจสอบดวงชะตาที่เก็บสถิติไว้ พบดวงชะตาอยู่สองคู่ซึ่งเคยเป็นคู่ต่อสู้แข่งขันและมีความขัดแย้งเป็นศัตรูกันอย่างรุนแรงในหน้าที่การงาน คู่แรกฝ่ายที่แพ้อาทิตย์อยู่ในราศีเมษ ฝ่ายที่ชนะมีอาทิตย์อยู่ในราศีพิจิก (เป็นการแย่งชิงตำแหน่ง), อีกคู่หนึ่งเป็นการรังแกกันโดยฝ่ายเจ้านายรังแกลูกน้องโดยไม่เป็นธรรม จนฝ่ายเด็กต้องลาออกจากราชการไป ฝ่ายเด็กอาทิตย์อยู่ในราศีสิงห์ ฝ่ายเจ้านายอาทิตย์อยู่ราศีมีน
สำหรับในขณะนี้ถ้ายังมีท่านใดสงสัยตัวอย่างการแพ้ทางกันในธรรมชาติที่ผมไปพบมานั้น วันหยุดเทศกาลปีใหม่นี้ไปทำบุญ และทดสอบความจริงได้ที่ยอดเขาพระฉาย วัดพระฉาย จังหวัดสระบุรีได้เลยครับ (ควรจะไปห่างวันจริงสักหน่อย เพราะถ้าคนไปเยอะมากๆในเทศกาล ลิงอาจไม่กล้าเข้ามาก็ได้)
|
ความคิดเห็นที่ 6 โดย คุณ ชาญชัย
18 Dec 2005 12:46 #1004184
|
ขอแก้คำผิดในความคิดเห็นก่อนหน้าด้วยครับ
".... ท่านได้เตือนไว้ว่าในชีวิตคนเราต้องหลีกเลี่ยงอย่าได้ไปต่อสู้ประจันหน้ากับคนที่อยู่ในราศีที่ 8 ของเรา และในการศึกสงครามนั้นก็ต้องไม่ตั้งแม่ทัพของฝ่ายเราให้เป็นคนที่อยู่ในราศี่ที่ 6 ของแม่ทัพฝ่ายตรงกันข้าม แต่ให้ตั้งคนที่อยู่ในราศีที่ 8 ของแม่ทัพฝ่ายตรงกันข้าม.."
|
ความคิดเห็นที่ 7 โดย คุณ ชาญชัย
18 Dec 2005 12:51 #1004189
|
บทความเต็มในเรื่องดังกล่าวหลายบทความ ถ้าจำไม่ผิดปรากฏอยู่ในเอกสารหลายฉบับ เช่นพยากรณ์สาร (จำฉบับที่ไม่ได้), คติสามประการของข้าพเจ้า โดย พลตรีประยูร พลอารีย์, หนังสือครบรอบสมาคมโหรแห่งประเทศไทย (จำปีไม่ได้), ฯลฯ
|
|
โหรา-กระทู้เก่า
|