สงสัยเรื่องวิธีอ่านดวงที่เอาอาทิตย์ของนาย ก ไปใส่ในดวงนาย ข

 ความคิดเห็นที่ 1  โดย คุณ Dragon95  
 9 Jan 2005 21:15 #775425    

ตามที่ผมเคยเรียนมากับท่านอาจารย์ประยูรพลอารีย์นั้น ในชั้นเรียนท่านยกตัวอย่างดาวพฤหัส กล่าวคือ ถ้าอาทิตย์ของนาย ก สัมพันธ์ถึง พฤหัส ของนาย ข เนื่องจากพฤหัสเป็นพฤหัสของนาย ข และพฤหัสหมายถึงโชค ด้งนั้นโชคที่เกิดขึ้นจึงเป็นของนาย ข ถามว่านาย ก ได้โชคด้วยหรือเปล่า ก็คงจะได้บ้าง เหมือนกับถ้าเราคบเป็นเพื่อนกับคนรวยเราก็อาจได้รับเลี้ยงกินเที่ยวฟรีๆบ้าง

ที่คุณสำราญยกตัวอย่างเป็นดาวศุกร์นั้นอาจารย์ประยูรท่านไม่ได้พูดถึง และคุณลักษณะของศุกร์ก็ต่างจากปัจจัยอื่นๆมาก เช่นถ้าเป็นเสาร์คงตอบไม่ยาก เช่นสมมติ อาทิตย์ของนาย ก เล็งเสาร์ของนาย ข การที่นาย ข มาคบกับนาย ก หรือมีกิจกรรมร่วมกันนั้น เสาร์ของนาย ข จะทำงานเสมือนหนึ่งมีจุดเจ้าชะตาของตัวเองให้แสงถึงเสาร์กำเนิด (เฉพาะในชีวิตของการคบหาและมีกิจกรรมร่วมกับนาย ก) แม้ว่าเสาร์กำเนิดจะไม่แรงก็ตาม (กลายเป็นเสาร์กำเนิดแรงเมื่อคบหาและมีกิจกรรมร่วมก้บนาย ก เท่านั้น)

แต่ถ้าเป็น อาทิตย์ถึงศุกร์ ในประเด็นที่ศุกร์หมายถึงความรักนั้น คงต้องช่วยกันพินิจพิจารณาและตีความกันว่าเป็นอย่างไร นักโหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนที่มีความสามารถยิ่งผู้หนึ่งเคยแสดงความเห็นกับผม (กรณีที่พิจารณาเป็นกรณี ฝ่ายอาทิตย์เป็นชายและฝ่ายศุกร์เป็นหญิง) ว่าฝ่ายหญิงจะเป็นฝ่ายที่เกิดความรักฝ่ายชาย เนื่องจากดาวศุกร์เป็นของฝ่ายหญิง

อย่างไรก็ตามตำราโหราศาสตร์สากลทั่วไป (Classic) มีความเห็นว่าสัมพันธภาพระหว่าง อาทิตย์กับศุกร์นี้ เป็นสัมพันธภาพหลักที่สำคัญอันหนึ่งในการสมพงษ์ดวงชะตา และตีความว่า (ถ้าเป็นหญิงกับชาย) ทั้งสองฝ่ายจะเกิดความรักซึ่งกันและกัน และแม้เป็นเพศเดียวกันก็จะคบหาสมาคมกันได้ด้วยดีในทุกสัมพันธภาพไม่ว่าจะเป็น ระหว่างเพื่อนร่วมงาน, เพื่อนกับเพื่อน, พี่กับน้อง, ครูกับลูกศิษย์ ฯลฯ

โดยเฉพาะถ้าเป็นกรณีระหว่างชายกับหญิงนั้น จะเห็นได้ว่าการตีความระหว่างสองแนวความคิดนี้ต่างกันตรงกันข้ามราวฟ้ากับดิน ระหว่าง รักเขาข้างเดียว กับ รักที่เขารักตอบ!

 ความคิดเห็นที่ 2  โดย คุณ โรจน์-อินโฟ    
 9 Jan 2005 21:28 #775439    

เท่าที่รู้มาทางทฤษฎีเป็นความรู้สึกที่ ก มีต่อ ข ตามตัวอย่าง ก น่าจะรู้สึกว่า ข มีเสน่ห์ น่าคบ nice มีฐานะดีกว่า แต่จะถึงขั้นว่าใครนำโชคให้ใครนี่ หรือ ก จะกระตุ้นให้ ข รวยได้หรือไม่ นี่ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์เหมือนกัน และว่าที่จริงคงต้องดูดวงทั้งสองคนอย่างละเอียด

อีกตัวอย่างหนึ่งที่คงยกมาเต็มๆ ดวงไม่ได้ เพราะตั้งกฎเรื่องดวงบุคคลที่สามเอาไว้เอง เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยทำงานที่เดียวกับผมอยู่ระยะหนึ่ง อาทิตย์ผมทับจันทร์และลัคนาในดวงเธอ ซึ่งตามบทความพี่ชาญชัยน่าจะได้ลงเอยกัน แต่ปัญหาอยู่ที่จุดนี้ยังไปทำมุมกับเสาร์กำเนิดของเธอด้วย ความสัมพันธ์ของเราเลยได้แต่ตั้งท่า ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ซึ่งอาจเป็นเพราะเธอคิดเล็กคิดน้อยอะไรบางอย่างก็ไม่ทราบ แล้วในที่สุดเธอก็ย้ายไปหน่วยงานอื่น

ไม่ทราบผู้รู้ท่านอื่นคิดอย่างไร?

 ความคิดเห็นที่ 3  โดย คุณ Vita (ยังมือใหม่ครับ)  
 9 Jan 2005 22:28 #775497    

สมมุติว่า หญิงที่จันทร์ในดวงกำเนิดถึงเสาร์ ถ้าอาทิตย์ของผม ถึงจันทร์เธอ จะตีความได้ว่า ผมกับเธอเกิดความรักกัน แต่เราต้องพลัดพรากกัน เพราะ อิทธิพลของเสาร์ใช่รึเปล่าครับ แล้วถ้าใช่จะมีวิธีการแก้เสาร์ตรงนี้ยังไงหรือครับ??

 ความคิดเห็นที่ 4  โดย คุณ อาคม ชูจันทร์  
 9 Jan 2005 23:12 #775517    

เรื่องที่เขาเขียนมานี่แหละ ใช้สำหรับทำอะไรละ เขาใช้ดูดวงสมพงษ์กัน หรือเมื่อทำธุระกิจแล้วใครได้ใครเสีย หรือคบกับแล้วใครได้ประโยชน์ ใครเสียผลประโยชน์ ผมบอกแค่นี้นะครับ แต่ผมจะไม่อ่านให้ฟังให้คุณเอาไปคิดเอาเอง ทุกอย่างเป็นเพียงปรัชญา บางอย่างหน้าที่การงาน ของเขาอยู่ภายใต้ดวงของเขาก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่กันได้คบกับได้พวกนี้ คือพื้นฐาน ของวิชาโหราศาสตร์ยูเรเนียนที่พวกเราต้องรู้นะครับ

 ความคิดเห็นที่ 5  โดย คุณ ชาญชัย  
 13 Jan 2005 19:21 #779615   

ประเด็นคำถามของคุณ Vita ผมมีความเห็นดังนี้ครับ

1. ผมเห็นด้วยว่าสำหรับกรณีที่คุณยกตัวอย่างมาระหว่างคนทั้งสองจะต้องเกิดความรู้สึกดีๆระหว่างกันแน่นอน ถ้าอาทิตย์ถึงจันทร์ (ถ้าเราจะเรียกความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นว่าความรัก แต่ผมไม่คิดว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นจะเป็นความรักตามความหมายของดาวศุกร์ซึ่งเป็นเจ้าการของความรักที่แท้จริง)
2. กรณีที่คุณสมมติมาเพื่อให้ชัดยิ่งขึ้น สมมติว่าฝ่ายหญิง มีจันทร์เล็งเสาร์ 180 องศา พอดี และฝายชายมีอาทิตย์กุมจันทร์ของฝ่ายหญิงสนิท นั่นก็คืออาทิตย์ของฝ่ายชายไปร่วมเล็งเสาร์กำเนิดของฝ่ายหญิงสนิทอีกด้วย ผมเห็นด้วยอีกเหมือนกันครับว่า ถ้าจะเกิดเรื่องไม่ดีเช่นการพลัดพรากกันขึ้น แน่นอนมาจากอิทธิพลของเสาร์ครับ
3. แล้วจะแก้เสาร์ตรงนี้กันยังไง เราลองมาช่วยกันพิจารณาดูนะครับ
4. มีบทความของท่านอาจารย์ประยูรอยู่บทหนึ่งซึ่งท่านกล่าวถึงสัจจสูตรในวิชาโหราศาสตร์ (Dictum) ว่า "ปัจจัยใดๆในดวงชะตาจะแสดงอิทธิพลรุนแรงให้เห็นเป็นประจักษ์ได้ ปัจจัยนั้นจะต้องสัมพันธ์ถึงอาทิตย์" (ท่านให้เหตุผลในทำนองว่าเพราะดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของสุริยะจักรวาล เป็นผู้ให้พลังงานทั้งหมดแก่สุริยะจักรวาล ปฏิกิริยาเคมี ฟิสิกซ์ เทอร์โมไดนามิคส์ และชีวิตทั้งปวงล้วนเกิดขึ้นจากดวงอาทิตย์ทั้งสิ้น ถ้าไม่มีดวงอาทิตย์ก็จะไม่มีชีวิตอยู่ได้เลยบนโลกนี้ และในสุริยะจักรวาลนี้ ฯลฯ) ซึ่งพัฒนาต่อมาเป็นประโยคว่า “ปัจจัยใดๆในดวงชะตาจะแสดงอิทธิพลรุนแรงให้เห็นเป็นประจักษ์ได้ ปัจจัยนั้นจะต้องสัมพันธ์ถึงจุดเจ้าชะตา" ทั้งนี้เพราะจุดเจ้าชะตาอีก 5 จุดนั้นล้วนแสดงความหมายของอาทิตย์ด้วยกันทุกจุด (ดูรายละเอียดได้ในหลักโหรโดนใจ- ข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับจุดเจ้าชะตาที่คุณโรจน์เขียนไว้)
5. จากหลักเกณฑ์ตามข้อ 4 ในดวงชะตาฝายหญิงนั้น “เสาร์แรงมาก” อยู่แล้ว ลองเปิดคัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิดูจะพบความหมายของ จันทร์/เสาร์ เสาร์+เสาร์ – จันทร์ และจันทร์ + จันทร์ – เสาร์ คล้ายๆกันเช่น “ความจำกัด พลัดพราก หมดกำลังใจ อารมณ์อันเศร้าหมอง สตรีชรา, อยู่คนเดียว พลัดพราก หรือมีทุกข์ แม่หม้าย ฯลฯ”
6. ดังนั้นเมื่ออาทิตย์ของฝ่ายชายเข้าไปกุมจันทร์ของฝ่ายหญิงสนิท ก็ยิ่งกระตุ้นให้เสาร์ของฝายหญิงทำงานมากขึ้นไปอีก เพราะเดิมก็มีจันทร์เล็งเสาร์อยู่แล้ว เมื่อมาติดต่อสัมพันธ์กับฝ่ายชายก็เลยได้ครบทั้ง อาทิตย์/จันทร์ไปกระตุ้น(เล็ง) เสาร์ กำเนิดพร้อมกัน โดยหลักใหญ่ๆเสาร์หมายถึงความทุกข์ ดังนั้นเมื่อทุกข์มากถึงจุดหนึ่งก็จึงจำเป็นจะต้องพลัดพราก (หรือหากไม่ยอมจากเป็น และไม่มีทางออกให้ฟ้า ก็อาจจะต้องจากตายก็ได้) เพื่อบรรเทาหรือหยุดความทุกข์นั้น
7. ผมเห็นว่าทางแก้น่าจะใช้หลักการที่นักโหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนปกติใชักันอยู่แล้ว กืคือสร้างกรรมที่เราพอจะรับได้เพื่อใม่ให้เกิดสิ่งที่เราไม่ต้องการ หรือเกิดสิ่งที่เราไม่ต้องการให้น้อยที่สุด (ยังไงๆเรื่องตามความหมายของเสาร์ก็จะต้องเกิดอย่างแน่นอนแทนที่จะให้ฟ้าเลือกรูปแบบของเสาร์ให้ เราก็ขอเป็นฝายเลือกเสียเอง โดยเลือกรูปแบบที่เรายอมรับได้ก็จะดีกว่า) อย่างเช่นในกรณีนี้ก็คือฝายหญิงจะต้องสร้างกรรมใหม่ที่เป็นเสาร์ที่ตัวเองพอจะยอมรับได้ให้มากๆเพื่อให้น้ำหนักของเสาร์เหลือเป็น ความทุกข์ น้อยลง เพื่อที่จะได้ไม่เกิดการพลัดพรากตามมา
8. แล้วกรรมอะไรเล่าที่พอจะบรรเทาผลร้ายของเสาร์ได้ อันนี้ดีที่สุดก็คงจะต้องทำเรื่องที่ตามความหมายของดาวแล้วสามารถจะบรรเทาผลร้ายของเสาร์ได้และก่อให้เกิดผลดีขึ้นด้วยพร้อมกัน หรือคือดาวคู่สมพลตามที่เรียกกันในวิชาโหราศาสตร์ไทยเรานั่นเอง ซึ่งท่านอาจารย์ประยูร พลอารีย์แนะนำว่าคือดาว พุธ อพอลลอน และ โพไซดอน ซึ่งเมื่อเปิดคัมภีร์พระเคระห์สนธิดูจะพบว่า ส่วนใหญ่ของคำแปลล้วนเป็นการลดทอนโทษของเสาร์ลงและสร้างคุณประโยชน์ขึ้นมาทดแทนทั้งสิ้น เช่น เสาร์/พุธ คือการ การพิเคราะห์ ทำการพิจารณา ซึ่งอาจตีความเป็นการทำสมาธิวิปัสสนาก็ได้ เสาร์/อพอลลอน หมายถึง ระบบ กรรมวิธี การสอน, ครู, นักเรียน เสาร์/โพไซดอน หมายถึง การศึกษา แบบอย่าง เป็นต้น
9. จากข้อ 8 จึงสรุปว่าทางแก้ก็คือให้ฝ่ายหญิง ใช้ชีวิตในการเป็นนักเรียน นักศึกษาเป็นครูบาอาจารย์ ซึ่งถ้าไม่ได้มีอาชีพประจำอย่างนั้นก็อาจจะเข้ารับการฝึกอบรบขวนขวายหาความรู้ให้กับตัวเองตามหลักสูตรต่างๆที่มีเปิดกันอยู่ทั่วไปก็ได้ การนั่งสมาธิเป็นประจำ การเข้าหาพระศาสนา ฯลฯ โดยเฉพาะในเรื่องของโพไซดอนนั้น ในการไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพท่านอาจารย์พลตรีประยูร พลอารีย์ ในระหว่างที่พระท่านขึ้นไปสวดบังสุกุลนั้น ท่านอาจารย์พิเชษฐ์ เศรษฐมาน (ขออนุญาตเอ่ยนามท่านด้วยความเคารพ) ซึ่งเป็นศิษย์คนสำคัญของท่านอาจารย์ประยูรคนหนึ่ง ลุกขึ้นเดินไปยืนใกล้พระที่กำลังสวดอยู่ตลอดเวลา เมื่อท่านกลับลงมาผมจึงได้ถามว่ามีเหตุผลใดหรือ ท่านจึงได้อธิบายพอจับความได้ว่าตอนนั้นดวงของท่านโครงสร้างเสาร์กำลังทำงานแรงมาก ดังนั้นปกติการมาในงานพระราชทานเพลิงศพซึ่งเป็นกิจกรรมเสาร์ที่พอจะผ่อนคลายความร้ายของเสาร์ได้อยู่แล้ว เมื่อได้เข้าใกล้พระมากๆก็จะยิ่งใด้โพไซดอนเข้ามาช่วยผ่อนคลายความร้ายของเสาร์ลงได้อีกแรงหนึ่งด้วย
ที่กล่าวมาตามวรรคก่อนหน้านี้ เป็นการทำกิจกรรมเสาร์ที่ได้ประโยชน์กับเจ้าชะตาด้วย ฝายหญิงยังอาจทำตัวให้เป็นเสาร์ตรงๆเพิ่มขึ้นอีกก็ได้ เช่น (ในกรณีที่แต่งงานกันแล้ว) แยกห้องนอนกับฝ่ายชาย กลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ หรือพี่น้อง คนอื่นๆบ้างเป็นระยะๆ หรือถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องไปทำงานต่างประเทศ หรือต่างจังหวัดก็อาจจะช่วยได้มากขึ้นอีก

ในกรณีของการใช้ประโยชน์จากดาวพระเคราะห์คู่สมพลนั้น ถ้าปรากฏว่าเสาร์กำเนิดในดวงชะตาของฝ่ายหญิงถึง พุธ, อพอลลอน หรือโพไซดอน ด้วยจะยิ่งได้ผลดีมากเพราะเป็นการสร้างกรรมที่สมคล้อยกับดวงชะตากำเนิด แต่ถึงแม้ไม่มีความสัมพันธ์ดังกล่าวก็ยังพอ ถือได้ว่าเป็นการกระทำกรรมใหม่ตามแนวทางที่สามารถจะบรรเทาความร้ายของเสาร์ลงได้

10. ในประการสุดท้ายอาจจะเป็นลิขิตฟ้าก็ได้ว่าทั้งคู่ต่างก็มีกรรมของตนเองที่จะไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในชาตินี้ หรือถ้าจะอยู่ก็จะต้องอยู่ด้วยกันอย่างทนทุกข์ จึงทำให้สัมพันธภาพ อาทิตย์/จันทร์ ที่ถือศักดิ์สิทธิ์กันมาแต่โบราณ (ตำราบางเล่มเรียก สัมพันธภาพนี้ว่าเป็น Cosmic Marriage – พอจะกล้อมแกล้มแปลเป็นไทยได้ว่า สมรสของฟ้า หรือวิวาห์แห่งสวรรค์ ฯลฯ) จึงถูกเบียฬอย่างรุนแรงด้วยโยคเกณฑ์จากดาวบาปเคราะห์ใหญ่ (ประธานบาปเคราะห์คือ เสาร์) การฝืนลิขิตฟ้าอาจจะไปไม่ตลอดรอดฝั่งก็ได้ หรือฝืนไปก็รังแต่จะทนทุกข์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย สู้ให้พลัดพรากกันไปตั้งแต่แรกที่ยังไม่ได้มีอะไรผูกพันกันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดก็ได้……

 ความคิดเห็นที่ 6  โดย คุณ อดิเทพ  
 13 Jan 2005 21:45 #779822    

ต้องวิเคราะห์โครงสร้างอื่นๆก่อนนะครับ (ดาวเสาร์ไม่ร้ายเสมอไป ที่สำคัญชีวิตไม่ได้มีเพียงดาวเสาร์ดวงเดียว) ถ้าจันทร์/เสาร์ ทำมุม180 กว่าจะแสดงผลรุนแรงก็ต้องราวโค้งอายุ45 แล้วยังต้องพิจรณาดาวจรในช่วงนั้นอีกด้วยนะครับ และที่สำคัญต้องวิเคราะห์ดวงผู้ชายก่อน เพราะอาจมีบางข้อมูลที่ไปกระตุ้นทำให้ข้อมูล จันทร์=เสาร์ แสดงผล

 ความคิดเห็นที่ 7  โดย คุณ Vita(ยังมือใหม่ครับ)  
 13 Jan 2005 23:22 #779910    

ขอบคุณทุกความเห็นมากครับ โดยเฉพาะ คุณ ชาญชัย ได้รับความรู้มากเลย ที่แนะนำวิธีการลดทอนความแรงของเสาร์ให้
ส่วนหนึ่งที่ผมอยากทราบนั้นความจริงเป็นเพราะ อ่านจากความเห็นของคุณโรจน์แล้วรู้สึกตกใจ เนื่องจากผมเองก็อาทิตย์ถึงเสาร์ในดวงกำเนิด ถ้าเกิดโชคดีได้เจอผู้หญิงที่จันทร์เธอกับอาทิตย์ผมถึงกันแล้ว มีอันต้องโดนเสาร์ทำให้ต้องพลัดพรากกัน ตามความหมายสำคัญของเสาร์ คงเซ็งอ่ะครับ
ขอบคุณอีกครังครับ

 ความคิดเห็นที่ 8  โดย คุณ Vita(ยังมือใหม่ครับ)  
 13 Jan 2005 23:27 #779914   

เนื่องจากผมเองอาทิตย์ก็ถึงเสาร์อ่ะครับ
ขอโทษคับ พิมตกไป ^^''

 ความคิดเห็นที่ 9  โดย คุณ คุง  
 14 Jan 2005 16:38 #780488    

เรียนคุณชาญชัย
เรามีหลักวิธีแก้ดาวอย่างไรบ้างครับ
พอดีอ่านจากความเห็นที่ 5 ข้อ 7,8,9
ได้ใจความว่าใช้ดาวคู่สมพลในโหราศาสตร์ไทยแก้ แต่มีแต่ข้อแนะนำในดาวเสาร์
ถ้าเป็นดาวอื่นๆ เช่น ฮาเดส เนปจูน แอดเมตอส มฤตยู จะใช้ดาวอะไรแก้ครับ
ดาวไหนเป็นดาวคู่สมพลของดาวเหล่านี้ครับ

 ความคิดเห็นที่ 10  โดย คุณ โรจน์-อินโฟ    
 14 Jan 2005 17:38 #780540    

ไม่แน่ใจว่าคุณชาญชัยจะเข้ามาอีกตอนไหน แต่ในบทความเรื่อง "พฤหัสดีและเสาร์ร้ายจริงๆ หรือ?" ที่คุณชาญชัยมอบให้ผมถอดความ ตอนหนึ่งกล่าวว่า

"โหราศาสตร์ยูเรเนียนไม่ได้กล่าวถึงดาวคู่สมพล แต่หากดูความหมายในคัมภีร์ฯ แล้วจะเป็นดังที่กล่าว และยังมีดาวคู่อื่นๆ ที่อาจมองว่าเป็นดาวคู่สมพลได้ด้วย ได้แก่ แอดเมตอสกับโพไซดอน ฮาเดสกับเซอุส เนปจูนกับพลูโต มฤตยูกับพุธ, พฤหัส, โครโนส, อาพอลลอน และโพไซดอน เป็นต้น "

บทความทั้งหมดตอนนี้ผมย้ายจาก "หลักโหรโดนใจ" ไปไว้ที่ "นายโรจน์กับพรรคพวก" ครับ

 ความคิดเห็นที่ 11  โดย คุณ โรจน์-อินโฟ    
 14 Jan 2005 17:43 #780541   

หมายถึงเนื้อความทั้งหมดของบทความเรื่อง "พฤหัสดีและเสาร์ร้ายจริงๆ หรือ?" นะครับ (รีบพิมพ์ไปหน่อย)

 ความคิดเห็นที่ 12  โดย คุณ ชาญชัย  
 15 Jan 2005 10:13 #781019    

เรียนคุณคุง
ผมขอตอบคำถามของคุณคุงดังนี้ครับ
1. ท่านอาจารย์ประยูรฯ เคยสรุปความเห็นไว้ว่า ดาวคู่สมพลสำหรับบาปเคราะห์ทั้ง 6 มีดังนี้ครับ
1.1 อังคาร ควรสัมพันธ์กับ พฤหัส พลูโต คิวปิโด โครโนส อพอลลอน วัลคานุส โพไซดอน
1.2 เสาร์ ควรสัมพันธ์กับ พุธ อพอลลอน โพไซดอน
1.3 มฤตยู ควรสัมพันธ์กับ พุธ พฤหัส โครโนส อพอลลอน โพไซดอน
1.4 เน็ปจูน ควรสัมพันธ์กับ พลูโต
1.5 ฮาเดส ควรสัมพันธ์ กับ เซอุส
1.6 แอดเมตอส ควรสัมพันธ์กับ พุธ อพอลลอน โพไซดอน
2. ในการตรวจดวงชะตา ควรพุ่งความสนใจไปยังบรรดาดาวพระเคราะห์หรือปัจจัยที่สัมพันธ์ถึงกันก่อน โดยเฉพาะบาปเคราะห์ ในขณะเดียวกันก็ตรวจดูว่า ดาวพระเคราะห์หรือปัจจัย ที่สัมพันธ์ถึงกันนั้นมีธรรมชาติเป็น "คู่สมพล" กันหรือเปล่า เพราะการเป็นคู่สมพลกันนี้มีผลทำให้อิทธิพลทางด้านร้าย โดยเฉพาะด้านร้ายของบาปเคราะห์เบาบางลงได้

หวังว่าคงตอบตรงคำถามนะครับ ถ้าหากยังมีข้อสงสัยอีกประการใด ไม่ต้องเกรงใจครับ ผมยินดีชี้แจงเพิ่มเติมเท่าที่มีความรู้พอจะตอบได้ครับ

 ความคิดเห็นที่ 13  โดย คุณ คุง  
 15 Jan 2005 15:02 #781246    

เรียนคุณชาญชัย

ในกรณีที่มีดาวร้ายในดวงถึงจุดเจ้าชะตาโดยที่ในโครงสร้างของดาวร้ายๆเหล่านั้นที่ถึงจุดเจ้าชะตา ไม่มีดาวที่มีคุณสมบัติเป็นดาวคู่สมพลร่วมอยู่ด้วยเลย

เมื่ออายุจรมาถึง(โค้งสุริยยาตร์ถึงจุดที่จะเกิดเหตุ) เราแก้กรรมที่จะเกิดโดยการสร้างกรรมใหม่เองให้มีความหมายดาวร้ายๆนั้น ร่วมกับดาวที่มีคุณสมบัติเป็นดาวคู่สมพลของดาวร้ายๆนั้นเลย ได้หรือครับ ? เพราะว่าในพื้นดวงเราไม่มีดาวคู่สมพลใดๆเลยทำมุมหรือสัมพันธ์กับดาวร้ายนั้น

ถ้าทำได้เราควรทำก่อนโค้งแสดงผล หรือว่าก่อนสักเล็กน้อยครับ ? และต้องทำตลอดช่วงที่ออกผล (วังกะประมาณหนึ่งองศาคือเกือบปีเลยเหรอครับ)

หรือว่าเราต้องหาจังหวะเหมาะทำกิจกรรมใดๆ แก้ เช่น
หาจังหวะ(ฤกษ์)ที่ดาวคู่สมพลนั้นจรมาทำมุมกับดาวร้ายๆในช่วงนั้นพอดีเป็นการแก้ครับ

 ความคิดเห็นที่ 14  โดย คุณ ชาญชัย  
 15 Jan 2005 19:28 #781390   

เรียนคุณคุง

ผมขอชี้แจงดังนี้ครับ
1. ขอปรับปรุงเนื้อหาในความเห็นที่ 5 ข้อที่ 8 - 10 ใหม่ โดยเนื้อหาที่ปรับปรุงแล้วเป็นดังนี้ครับ
8. แล้วกรรมอะไรเล่าที่พอจะบรรเทาผลร้ายของเสาร์ได้ อันนี้ดีที่สุดก็คงจะต้องทำเรื่องที่ตามความหมายของดาวแล้วสามารถจะบรรเทาผลร้ายของเสาร์ได้และก่อให้เกิดผลดีขึ้นด้วยพร้อมกัน หรือคือดาวคู่สมพลตามที่เรียกกันในวิชาโหราศาสตร์ไทยเรานั่นเอง ซึ่งท่านอาจารย์ประยูร พลอารีย์แนะนำว่าคือดาว พุธ อพอลลอน และ โพไซดอน ซึ่งเมื่อเปิดคัมภีร์พระเคระห์สนธิดูจะพบว่า ส่วนใหญ่ของคำแปลล้วนเป็นการลดทอนโทษของเสาร์ลงและสร้างคุณประโยชน์ขึ้นมาทดแทนทั้งสิ้น เช่น เสาร์/พุธ คือการ การพิเคราะห์ ทำการพิจารณา ซึ่งอาจตีความเป็นการทำสมาธิวิปัสสนาก็ได้ เสาร์/อพอลลอน หมายถึง ระบบ กรรมวิธี การสอน, ครู, นักเรียน เสาร์/โพไซดอน หมายถึง การศึกษา แบบอย่าง เป็นต้น

การใช้ประโยชน์จากดาวพระเคราะห์คู่สมพลข้างต้น เป็นการสร้างกรรมใหม่ที่สมคล้อยกับดาวเคราะห์คู่สมพลที่ปรากฏในดวงชะตา กล่าวคือเสาร์กำเนิดในดวงชะตาของฝ่ายหญิงถึง (พุธ, อพอลลอน หรือโพไซดอน ) กำเนิดด้วย หรือในกรณีของการสมพงษ์ดวงชะตา ผมคิดว่าแม้ในกรณีที่ (พุธ อพอลลอน หรือโพไซดอน) กำเนิด ของฝ่ายชายถึง เสาร์กำเนิดของฝ่ายหญิงก็น่าจะได้

ดังนั้นทางแก้ในแนวทางแรกนี้ก็คือให้ฝ่ายหญิง สร้างกรรมใหม่ให้สอดคล้องกับดาวเคราะห์คู่สมพลที่มีอยู่ในดวงชะตากำเนิดของตน หรือที่มีจากการเทียบสมพงษ์กับดวงของฝ่ายชาย เช่นสมมติ มี (เสาร์/โพไซดอน) กำเนิด หรือ (เสาร์ ญ/โพไซดอน ช) ก็แนะนำให้ฝ่ายหญิงสร้างกรรมให้สมคล้อยเช่น การใช้ชีวิตกับการศึกษาจะเป็นฝ่ายสอนหรือเรียนก็ได้ ตามความหมายของ เสาร์/โพไซดอนที่ อ่านได้จากคัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิ เป็นต้น

การปฏิบัติตามแนวทางข้อ 8 นี้ เป็นการปฏิบัติให้สมคล้อยกับโครงสร้างที่มีอยู่ในดวงชะตา จึงเป็นการลดโทษของเสาร์ลงและเปลี่ยนโทษในส่วนที่ลดลงให้เกิดประโยชน์กล้บมาแทนด้วย โดยอาศัยอิทธิพลของดาวเคราะห์คู่สมพลที่มีโครงสร้างอยู่ในดวงชะตา

9. ถ้าไม่มีดาวเคราะห์คู่สมพลมาสัมพันธ์ถึงเสาร์ของฝ่ายหญิงเลย ไม่ว่าจะในดวงกำเนิดของตนเองหรือจากดวงของฝ่ายชาย ก็ยังสามารถเลือกสร้างกรรมที่สอดคล้องกับดาวเสาร์ที่เรายอมรับได้มากที่สุด เช่น(ในกรณีที่แต่งงานกันแล้ว) แยกห้องนอนกับฝ่ายชาย กลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ หรือพี่น้อง คนอื่นๆบ้างเป็นระยะๆ หรือถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องไปทำงานต่างประเทศ หรือต่างจังหวัดก็อาจจะช่วยได้มากขึ้นอีก หรือต้องทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำเหน็ดเหนื่อยเข้ากะ เข้าเวร อะไรทำนองนั้น กรณีนี้มีเพื่อนสนิทของผมคนหนึ่งปรากฏว่าดวงกำเนิดของเขา เสาร์ตั้งฉากกับอาทิตย์สนิท เขาเลือกอาชีพเป็นหมอผ่าตัด ปรากฏว่าเฉพาะที่โรงพยาบาลรัฐที่เขาทำงานอยู่มีงานผ่าตัดเกือบทั้งวัน เวลาเข้าตรวจก็มีคนไข้ล้นทะลักห้องโถงที่จัดไว้ให้คนไข้รอ กลับบ้านก็เปิดคลีนิคอีกอาทิตย์ละ 6 วันครึ่ง คนไข้เต็มคลีนิคทุกวันอีกเหมือนกัน เสาร์ครอบงำชิวิตของเขาไปหมดแล้วจากกรรมใหม่ในแต่ละวัน ปรากฏว่าชีวิตในด้านอื่นแทบจะไม่มีเสาร์เลย ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าเป็นครอบครัวที่อบอุ่น สามีภรรยารักใคร่ปรองดองกันดี ลูกๆก็ประพฤติดี นิสัยดี ตั้งใจเล่าเรียนหนังสือ ฐานะการเงิน เป็นปึกแผ่นมั่นคง

การปฏิบัติตามข้อ 9 นี้เป็นการเลือกรูปแบบของเสาร์ที่เรายอมรับได้มากที่สุด เพื่อให้มีโอกาสเกิดเสาร์ในรูปแบบที่เราไม่ต้องการน้อยที่สุด

10. ประการสุดท้ายคือถึงจะไม่มีดาวเคราะห์คู่สมพลมาสัมพันธ์ถึงเสาร์ในดวงชะตาหญิงเช่นเดียวกับในกรณีข้อ 9 ก็ควรจะสร้างกรรมใหม่ที่สอดคล้องกับดาวเคราะห์คู่สมพลของเสาร์ ยกตัวอย่างโพไซดอน ก็ควรเข้าหาพระศาสนา (โพไซดอนหมายถึง พระ วิญญาณ พระเจ้า ปัญญา ความสว่างไสว) เช่นการตักบาตรทุกเช้า การเข้าโบสถ์ฟังธรรมทุกวันพระ ตัวอย่างที่อยากจะเล่าให้ฟังก็คือในการไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพท่านอาจารย์พลตรีประยูร พลอารีย์ ในระหว่างที่พระท่านขึ้นไปสวดบังสุกุลนั้น ท่านอาจารย์พิเชษฐ์ เศรษฐมาน (ขออนุญาตเอ่ยนามท่านด้วยความเคารพ) ซึ่งเป็นศิษย์คนสำคัญของท่านอาจารย์ประยูรคนหนึ่ง ลุกขึ้นเดินไปยืนใกล้พระที่กำลังสวดอยู่ตลอดเวลา เมื่อท่านกลับลงมาผมจึงได้ถามว่ามีเหตุผลใดหรือ ท่านจึงได้อธิบายพอจับความได้ว่าตอนนั้นดวงของท่านโครงสร้างเสาร์กำลังทำงานแรงมาก ปกติการมาในงานพระราชทานเพลิงศพซึ่งเป็นกิจกรรมเสาร์ที่พอจะผ่อนคลายความร้ายของเสาร์ได้อยู่แล้ว เมื่อได้เข้าใกล้พระมากๆก็จะยิ่งใด้โพไซดอนเข้ามาช่วยผ่อนคลายความร้ายของเสาร์ลงได้อีกแรงหนึ่งด้วย

การปฏิบัติตามข้อ 10 นี้ เป็นการอาศัยกรรมใหม่สร้างอิทธิพลของดาวเคราะห์คู่สมพลขึ้นถึงแม้จะไม่มีโครงสร้างดาวเคราะห์คู่สมพลอยู่ในดวงชะตากำเนิด และนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงนิยมจัดงานฉลองวันเกิดพร้อมกับการทำบุญตักบาตรในตอนเช้าด้วย หลักการก็คือเชื่อกันว่าถ้าวันเกิดดีชีวิตปีนั้นก็จะดีทั้งปีจึงจัดให้มีงานฉลองกันในวันเกิด ขณะเดียวกันถ้าหากว่าดวงจรปีนั้นเสาร์แรงการที่เราได้ตักบาตรพบพระในตอนเช้าของวันครบรอบวันเกิด ก็เป็นสิ่งที่ดีแน่นอนเพราะอย่างน้อยไม่ว่าเสาร์จะแรงหรือไม่ก็ตาม เราได้พบโพไซดอนที่สามารถลดทอนความร้ายของเสาร์แล้ว เพื่อที่ว่าตลอดทั้งปีเราก็จะไดั้รับอิทธิพลของโพไซดอนอยู่กับเราด้วยนั่นเอง

11. ถ้าสามารถปฏิบัติได้ควรจะปฏิบัติทุกข้อตั้งแต่ ข้อ 8-10 เพราะทุกข้อตามเหตุผลทางโหราศาสตร์ที่ได้กล่าวแล้ว เชื่อว่าจะสามารถลดทอนความร้ายของเสาร์ลงได้


12. ในประการสุดท้ายอาจจะเป็นลิขิตฟ้าก็ได้ว่าทั้งคู่ต่างก็มีกรรมของตนเองที่จะไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในชาตินี้ หรือถ้าจะอยู่ก็จะต้องอยู่ด้วยกันอย่างทนทุกข์ จึงทำให้สัมพันธภาพ อาทิตย์/จันทร์ ที่ถือศักดิ์สิทธิ์กันมาแต่โบราณ (ตำราบางเล่มเรียก สัมพันธภาพนี้ว่าเป็น Cosmic Marriage – พอจะกล้อมแกล้มแปลเป็นไทยได้ว่า สมรสของฟ้า หรือวิวาห์แห่งสวรรค์ ฯลฯ) จึงถูกเบียฬอย่างรุนแรงด้วยโยคเกณฑ์จากดาวบาปเคราะห์ใหญ่ (ประธานบาปเคราะห์คือ เสาร์) การฝืนลิขิตฟ้าอาจจะไปไม่ตลอดรอดฝั่งก็ได้ หรือฝืนไปก็รังแต่จะทนทุกข์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย สู้ให้พลัดพรากกันไปตั้งแต่แรกที่ยังไม่ได้มีอะไรผูกพันกันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดก็ได้……

ที่ตอบมาในข้อ 1 ทั้งหมดนี้เป็นการพิจารณาทางวิชาการเพื่อตอบปัญหาเดิมตามความคิดเห็นข้อที่ 3 ซึ่งเป็นการสมมติโจทย์ขึ้นมาว่าจากการพิจารณาสมพงษ์ดวงชะตากำเนิดแล้วพบว่า จันทร์กำเนิดของฝ่ายหญิงเล็งเสาร์กำเนิด ขณะที่อาทิตย์กำเนิดของฝ่ายชายกุมจันทร์กำเนิดของฝ่ายหญิงสนิท จะแก้เสาร์ตรงนี้ได้อย่างไร คำถามของคุณคุงตามความคิดเห็นที่ 13 เป็นคำถามที่ดีมากเป็นการเพิ่มโจทย์ขึ้นมาอีกสำหรับการนำหลักการนี้ไปใช้กับการพยากรณ์จร ซึ่งใกล้เคียงกับการนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงมากยิ่งขึ้น ซึ่งผมขออนุญาตไปตอบในความคิดเห็นฉบับต่อไปครับ เนื่องจากเฉพาะข้อ 1 นี้ความคิดเห็นก็ยาวถึง 3 หน้ากระดาษ A4 แล้ว

 ความคิดเห็นที่ 15  โดย คุณ คุง  
 19 Jan 2005 15:17 #785031    

ยังติดตามอ่านอยู่ครับ

 ความคิดเห็นที่ 16  โดย คุณ ชาญชัย  
 19 Jan 2005 22:31 #785449   

ในความคิดเห็นก่อนหน้านี้ (ความคิดเห็นที่ 14 ข้อ 1) ผมพยายามชี้ให้เห็นว่าการสร้างกรรมใหม่เพื่อลดทอนโทษของบาปเคราะห์นั้นสามารถทำได้ 3 แนวทางซึ่งถ้ามีเงื่อนไขที่สามารถปฏิบัติก็ควรปฏิบัติทั้ง 3 แนวทาง คือ หนึ่ง การปฏิบัติให้สมคล้อยกับโครงสร้างดาวเคราะห์คู่สมพลที่ปรากฏในดวงชะตา สองการปฏิบัติให้สมคล้อยกับดาวบาปเคราะห์นั้นในรูปแบบที่เรายอมรับได้มากที่สุดเพื่อให้มีโอกาสเกิดรูปแบบที่เราไม่ต้องการให้น้อยที่สุด และสามปฏิบัติให้สมคล้อยกับดาวคู่สมพลของดาวบาปเคราะห์นั้นแม้ว่าจะไม่มีโครงสร้างดาวเคราะห์คู่สมพลดังกล่าวในดวงชะตากำเนิดก็ตาม ในลำตับต่อไปนี้จะเป็นการตอบคำถามของคุณคุงในความคิดเห็นที่ 13 ซึ่งผมมีความเห็นดังนี้ครับ

2. คำถามของคุณคุง “ถ้าทำได้เราควรทำก่อนโค้งแสดงผล หรือว่าก่อนสักเล็กน้อยครับ ? และต้องทำตลอดช่วงที่ออกผล (วังกะประมาณหนึ่งองศาคือเกือบปีเลยเหรอครับ”

เพื่อให้เห็นชัดเจนผมขอสมมติกรณีว่า มีโครงสร้าง จท = สร อยู่ในดวงชะตากำเนิดโดยทำมุม 180 องศาสนิท

โครงสร้างพระเคราะห์สนธิในดวงชะตาจะแสดงผลในสองลักษณะ (ลอกมาจากคำสอนของท่านอาจารย์ประยูร)

“เมื่อมีการประกอบกันเป็น “พระเคราะห์สนธิ” พระเคราะห์สนธิ (หรือกลุ่มดาวนั้นๆ) ก็จะแสดงอิทธิพลต่อเจ้าชะตาทันที ทั้งนี้ทั้งในด้านการมีอุปนิสัย (ประเภท) ซึ่งติดตัวไปจนตาย และด้านเวลาหรือวัยอายุที่เหตุการณ์ตามความหมายของพระเคราะห์สนธินั้นๆ มีอิทธิพลรุนแรง เช่นพระเคราะห์สนธิ อาทิตย์/พุธ (วัยเด็ก) = ศกร์ + เน็ปจูน – อาทิตย์ (ขี้อายในด้านความรัก) ก็จะมีอิทธิพลทำให้เจ้าชะตา (ชาย) ผู้นั้นเป็นคนขี้อาย และในขณะเดียวกันก็จะบอกด้วยว่า มีอาการมากที่สุดหรือน่าจะเริ่มมีอาการเมื่อใด (โดยการพยากรณ์จรตามอายุขัย)”

3. ดังนั้นความหมายของ จันทร์ = เสาร์ จะแสดงอิทธิพลต่อเจ้าชะตาทันทีและจะปรากฏอยู่กับเจ้าชะตาจนตลอดชีวิต และแสดงอิทธิพลรุนแรงที่สุดเมื่อโครงสร้างนี้ทำงาน (ตามกฎการทำงานของพระเคราห์สนธิ เช่นในโครงสร้าง 3 ปัจจัย ก = ข/ค จะทำงานเมื่อ ก จรตามโค้งสุริยาตรถึง ข หรือ ค และเมื่อ ข หรือ ค จรตามโค้งสุริยาตรถึง ก ฯลฯ เป็นต้น)

4. ถ้าโครงสร้างพระเคราะห์สนธินั้นแรงมาก เช่น กรณี จันทร์เล็งเสาร์ 180 องศา ระยะวังกะ 0 ลิปดา ไม่จำเป็นต้องรอให้โครงสร้างนี้ทำงาน นักโหราศาสตร์ก็คงจะนึกภาพออกว่าผลของโครงสร้างจะแสดงออกอย่างไรอยู่แล้ว ดังนั้นสมมติว่าแค่มี อาทิตย์ หรือจุดเจ้าชะตาอื่นๆ จรแบบใดๆก็ได้ไม่จำเป็นต้องจรตามโค้งสุริยาตร ก็อาจกระตุ้นให้เกิดเรื่องที่รุนแรงได้แล้ว (นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่นักโหราศาสตร์ต้องชั่งน้ำหนักเองว่าจะเกิดเหตการณ์เพียงใด เพราะโหราศาสตร์เป็นทั้งศาสตร์และศิลป ที่ไม่สามารถจะคำนวณออกมาเป็นตัวเลขให้เห็นกันชัดๆได้ในหลายๆเรื่อง) และเช่นเดียวกันในการสมพงษ์ดวงชะตา ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งมีจุดเจ้าชะตาเข้ามาตั้งฉากสนิทกับเสาร์ของเจ้าชะตาคนนี้ ก็เสมือนหนึ่งมี จุดเจ้าชาตาอื่นจรเข้ามากระตุ้นเสาร์กำเนิดให้ทำงานเช่นกัน (ลองพิจารณาอีกกรณีหนึ่งที่ จันทร์ทำมุม 45 องศากับ เสาร์ ระยะวังกะ 59 ลิปดา แม้จะไม่สามารถคำนวณเป็นตัวเลขออกมาได้ แต่ก็พอจะประมาณได้ว่าสถานะการณ์เบากว่ากรณีที่สมมติยกตัวอย่างมานี้เพียงใด)

5. จากข้อ 4 การปฏิบัติเพื่อลดผลร้ายจากบาปเคราะห์ในโครงสร้างพระเคราะห์สนธิในดวงกำเนิดนั้น ถ้าสามารถทำได้ (อย่างเหมาะสมกับสถานะภาพของเจ้าชะตา) ก็ควรจะกระทำตลอดชีวิต และเพิ่มน้ำหนักการปฏิบัติในขณะที่โครงสร้างร้ายนั้นทำงาน (ตามเอกสารคำสอนของท่านอาจารย์ประยูร ทั้งปัจจัยจรบนฟ้า ปัจจัยจรสุริยะคติ และปัจจัยจรสุริยาตร ล้วนสามารถกระตุ้นให้โครงสร้างพระเคราะห์สนธิทำงานได้ทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าส่วนใหญ่แล้วปัจจัยจรสุริยาตรกระตุ้นให้โครงสร้างพระเคราะห์สนธิทำงานรุนแรงเห็นชัดมากกว่า แต่ก็ไม่ใช่เสมอไป) ยกตัวอย่างเช่นกรณีจันทร์ถึงเสาร์ด้งกล่าวเจ้าชะตาอาจ ไหว้พระ สวดมนต์ เข้าวัดฟังธรรม เป็นกิจวัตรประจำ (ปฏิบัติกรรมที่เป็นดาวเคราะห์คู่สมพลของเสาร์คือโพไซดอน) ทำงานในสถานพยาบาลผู้ป่วยหนักที่มีการจากเป็นหรือจากตายกันอยู่บ่อยๆตลอดเวลา (ปฏิบัติกรรมที่สมคล้อยกับดาวเสาร์ในรูปแบบที่พอจะรับได้) และก็นั่งสมาธิวิปัสสนาทุกวัน (ในกรณีที่มีดาวพุธมาสัมพันธ์ถึงเสาร์ในดวงชะตากำเหนิด เพื่อปฏิบัติกรรมที่สมคล้อยกับดาวเคราะห์คู่สมพล พุธ/เสาร์) ฯลฯ อนึ่งท่านอาจารย์ประยูรเคยยกตัวอย่างในทำนองว่า ผู้ชายที่มีอาทิตย์ถึงเสาร์ในดวงชะตากำเนิดนั้น เมื่อถึงวัยชราเสาร์จะไม่ให้โทษมากเหมือนในวัยก่อนหน้าเนื่องจากการเป็นคนแก่ก็เป็นความหมายของ อาทิตย์/เสาร์ อยู่ในตัวเองแล้ว

6. สำหรับในช่วงเวลาที่โครงสร้างร้ายทำงานก็ต้องปฏิบัติกรรมที่สมคล้อยต่างๆมากขึ้น เช่นอาจจะย้ายไปพักอาศัยที่อื่นชั่วคราวในระหว่างเวลานั้น ย้ายงานหรือย้ายสถานที่ทำงาน สมัครสมาชิกสมาคมใหม่หรือชมรมใหม่ เพื่อสร้างกรรมที่สมคล้อยกับเสาร์ในรูปแบบที่ยอมรับได้ให้มากที่สุด การถือศีลแปด การเข้าวัดนุ่งขาวห่มขาวปฏิบัติธรรม เพื่อสร้างกรรมที่สมคล้อยกับโพไซดอน การแต่งหนังสือหรือบทกวีที่ต้องทุ่มเทสมาธิอย่างหามรุ่งหามค่ำ เพื่อสร้างกรรมที่สมคล้อยกับดาวเคราะห์คู่สมพล พุธ/เสาร์ ฯลฯ ในกรณีที่คุณคุงถามเป็นการยกกรณีของปัจจัยจรสุริยาตรเข้ามากระตุ้นให้โครงสร้างพระเคราะห์สนธิทำงาน ซึ่งในกรณี จันทร์ ทำมุม 180 องศา กับ เสาร์นี้ เป็นพระเคราห์สนธิสองปัจจัย โครงสร้างนี้จะทำงานที่โค้งสุริยาตร 22.50 องศา (ระยะวังกะ 1 องศา) 45 องศา 67.5 องศา 90 องศา …….. ควรเพิ่มการปฏิบัติตั้งแต่ก่อนจะถึงโค้งสักระยะหนึ่ง (ไม่มีตำราบอกว่าควรจะเท่าใด คงต้องใช้วิจารณญาณเอง) และปฏิบัติตลอดช่วงระยะเวล่าดังกล่าวเท่าที่สะดวกและเหมาะสมพอจะทำได้ จนพ้นเวลาที่โครงสร้างทำงานไปแล้วระยะหนึ่ง สาเหตุที่ต้องปฏิบัติก่อนและหลังช่วงเวลาที่โครงสร้างทำงานด้วยนั้น มีบทความของท่านอาจารย์ประยูรเขียนไว้ถึงกรณีที่เจ้าชะตาบางรายระวังตัวอย่างดีมาตลอดตั้งแต่โค้งเริ่มถึงจนเกือบจะพ้นระยะวังกะ 1 องศาไปแล้ว ก็เลยชะล่าใจว่าคงไม่มีอะไรแล้ว แต่ก็เกิดเหตุการณ์ที่น่าเสียใจขึ้น ดังนั้นที่เรามักเชื่อกันว่าเหตุการณ์น่าจะเกิดตอนที่ระยะวังกะของปัจจัยจรสุริยาตรที่เฃ้ามา activate โครงสร้างพระเคราะห์สนธิให้ทำงาน มีค่าใกล้ศูนย์เท่านั้นจึงไม่ถูกต้องเสมอไป ทั้งนี้เนื่องจากการจะเกิดเหตุกาณ์เมื่อใดและรุนแรงเพียงไหนขึ้นอยู่กับดาวจรบนท้องฟ้าด้วย
7. คำถามสุดท้าย “หรือว่าเราต้องหาจังหวะเหมาะทำกิจกรรมใดๆ แก้ เช่น
หาจังหวะ(ฤกษ์)ที่ดาวคู่สมพลนั้นจรมาทำมุมกับดาวร้ายๆในช่วงนั้นพอดีเป็นการแก้ครับ”

คำถามข้อนี้เป็นคำถามที่ดีมาก ผมจะพยายามตอบเท่าที่มีความรู้จะตอบได้ (บ้าง) และผมเองก็ไม่คิดว่าคำตอบของผมจะเป็นที่น่าพอใจแม้แต่สำหรับตัวเอง แต่ถือว่าเป็นการเล่าสู่กันฟังแล้วกันนะครับ
7.1 ปรัชญาหลักของโหราศาสตร์คือคำกล่าวที่ว่า “ข้างบนเป็นอย่างไร ข้างล่างก็เป็นอย่างนั้น (As Above So Below)” วิชาโหราศาสตร์ที่เราใช้ในภาคพยากรณ์เป็นการใช้ข้อความแรกคือพยากรณ์จากฟ้า (ข้างบน) ซึ่งเราสามารถทราบตำแหน่งและทางโคจรของปัจจัยบนท้องฟ้าได้ เมื่อเรารู้ฟ้าเราจึงสามารถแปลความหมายของฟ้ามาเป็นเรื่องราวที่จะเกิดบนดิน (ข้างล่างได้) โดยใช้วิชาโหราศาสตร์
7.2 การแก้ดวงตามวิธีการของโหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนที่พวกเราศึกษากันนั้นวิธีการหลักคือการปฏิบัติกรรมให้สมคล้อยกับโครงสร้างพระเคราะห์สนธิร้ายทั้งในดวงกำเนิดและในดวงจร เพื่อให้ลดทอนความร้ายลงดังรายละเอียดที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้ทังหมดในกระทู้นี้
7.3 การแก้ดวงด้วยการทำพิธีกรรม (ไสยศาสตร์) เป็นการใช้ประโยคที่สอง คือ เมื่อเราทำให้ข้างล่างเป็นอย่างไร ข้างบนก็จะน่าจะต้องเป็นอย่างนั้นเช่นกัน ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของมนุษยชาติแม้กระทั่งรอบๆตัวเราในประเทศของเราเองทุกวันนี้เราก็ยังคงเห็นการทำพิธีกรรม (ไสยศาสตร์) เพื่อแก้ดวงชะตาปรากฏอยู่เป็นเรื่องปกติธรรมดา ผมเคยอ่านพบในตำราโหราศาสตร์เล่มหนึ่ง (จำไม่ได้ว่าเล่มไหน) เล่าถึงสมเด็จพระสันตปาปาองค์หนึ่งในยุคกลางของยุโรปในทำนองว่าพระองค์ พบว่ากำลังจะเกิดสุริยคราสตรงกับวันเกิดของตน จึงได้ให้นักโหราศาสตร์ทำพิธีกรรมขึ้นโดยทำพิธีกรรมในห้องปิดจากแสงสว่างภายนอกเป็นเวลาหลายวันครอบคลุมช่วงระยะเวลาที่เกิดคราสดังกล่าว โดยในห้องทำพิธีมีการจุดโคมไฟสีต่างสมมติแทนพระอาทิตย์ พระจันทร์ และดาวเพระเคราะห์อื่นทุกดวงโดยวางตำแหน่งให้ดาวศุภเคราะห์( พฤหัส, ศุกร์ และเสาร์) เข้มแข็งเป็นคุณต่อเจ้าชะตา แน่นอนพิธีกรรมดังกล่าวเป็นกรณีตัวอย่างอันหนึ่งของการพยายามสร้างข้างล่าง (บนดิน) ให้ดี เพื่อที่บนฟ้าก็จะดีตาม
7.4 ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการพยายามแก้ดวงด้วยการทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์นั้น เป็นการกระทำที่รองรับด้วยปรัชญาพื้นฐานของวิชาโหราศาสตร์ที่ถือปฏิบัติกันมาตลอดเวลาอันยาวนานในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ และเรื่องที่มาคู่กันกับการกระทำพิธีกรรม (ไสยศาสตร์) ก็คือเรื่องของฤกษ์และการวางดวงฤกษ์
7.5 เคยมีบทความของท่านอาจารย์ประยูรหลายบทความเขียนไว้ในทำนองว่า เหตุการณ์สำคัญในชีวิตทุกเหตการณ์สามารถนำมาพยากรณ์เป็นดวงกำเนิดของเจ้าชะตาสำหรับการพยากรณ์จรต่อไปได้ ท่านยกตัวอย่างในทำนองว่า ดวงที่แท้จริงของเราคือดวงปฏิสนธิ แต่เป็นการยากที่จะทราบดวงปฏิสนธิได้ ด้งนั้นเราจึงต้องใช้ดวงขณะคลอดซึ่งก็เป็นเหตการณ์สำคัญของเราหมือนกันเป็นหลักในการทำนาย ดังนั้นดวงที่เกิดเหตการณ์สำคัญของเราลัวนสามารถนำมาใช้พยากรณ์เป็นดวงกำเนิดที่สำคัญของเราได้ทั้งสิ้น ถ้าเหตุการณ์สำคัญมากก็จะมีน้ำหนักมาก สำคัญน้อยก็มีน้ำหนักน้อยลงไป เช่นดวงตอนแต่งงาน ดวงตอนเข้ารับตำแหน่งสำคัญ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีเกล็ดคำบรรยายในทำนองว่าในพิธีการสำคัญๆเช่นงานประชุมสัมนาสำคัญๆที่มีบุคคลสำคัญ บุคคลที่มีลาภยศ มีความเจริญรุ่งเรืองมากๆไปชุมนุมกัน ดวงของเหตุการณ์นั้นก็จะเป็นดวงที่ดีมากด้วย และถ้าเราไปอยู่ร่วมด้วยในงานด้งกล่าว ดวงของกิจกรรมดังกล่าวก็จะเป็นดวงของเราด้วยซึ่งจะเป็นผลดีต่อเรา และสำหรับเหตการณ์ที่ตรงกันข้ามถ้าเราเข้าไปอยู่ร่วมในเหตุการณ์นั้นด้วย ดวงนั้นก็จะมีส่วนมาร่วมเป็นดวงของเราด้วยและให้ร้ายต่อชีวิตเราด้วยเช่นกัน จึงมีคำสอนกันว่าให้พยายามสังสรรสมาคมกับคนดีๆเพื่อให้เราดีไปด้วย และหลีกเลี่ยงการสมาคมกับคนที่ไม่ดี อะไรทำนองนี้
7.6 นอกจากนี้ผมเคยอ่านบทความของท่านอาจารย์ประยูรหัวข้อเรื่องในทำนอง “อุดมคติ 3 ประการของข้าพเจ้าในการศึกษาวิชาโหราศาสตร์” อุดมคติประการสุดท้ายที่ท่านกล่าวถึงคือ การเป็นอมตะ ซึ่งผมคิดว่าการแก้ดวงด้วยพิธีกรรม (ไสยศาสตร์) เป็นความพยายามอันหนึ่งในการพยายามเข้าไปใกล้เป้าหมายในอุดมคติดังกล่าวเพื่อไม่ให้ฟ้าเป็นอย่างไร เราต้องเป็นอย่างนั้นไปตลอด แต่ให้เราเป็นอย่างไร ฟ้าต้องเป็นอย่างนั้นบ้าง
7.7 ที่เขียนมายืดยาวก็เพื่อพยายามจะสรุปว่า ผมเห็นด้วยครับกับแนวความคิด (อันยอดเยี่ยม) ของคุณคุง ในการที่เราพยายามจะทำให้เราเป็นอย่างไร ฟ้าต้องเป็นอย่างนั้นบ้าง ด้วยการกำหนดดวงฤกษ์ (ผมคิดว่าต้องมีพิธีกรรมบนดินที่เราสามารถทำให้เกิดความสำคัญจริงๆบนดินประกอบด้วย) ที่จะสามารถไปปรุงแต่งอิทธิพลจากฟ้าให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้นได้ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากดาวเคราะห์คู่สมพลในดวงฤกษ์ดังกล่าวด้วย

 ความคิดเห็นที่ 17  โดย คุณ ชาญชัย  
 20 Jan 2005 09:05 #785652    

ข้อ 7.3 ในความคิดเห็นก่อนหน้านี้ คำว่า ".....โดยวางตำแหน่งให้ดาวศุภเคราะห์( พฤหัส, ศุกร์ และเสาร์) เข้มแข็งเป็นคุณต่อเจ้าชะตา ....." ผมพิมพ์ผิดครับ ที่ถูกคือ ".....โดยวางตำแหน่งให้ดาวศุภเคราะห์( พฤหัส, ศุกร์ และพุธ) เข้มแข็งเป็นคุณต่อเจ้าชะตา....."

 ความคิดเห็นที่ 18  โดย คุณ เจได  
 25 Jan 2005 21:28 #790922    

จันทร์ถึงเสาร์ใช่ว่าจะไม่ดีเสมอไป โดยเฉพาะไปทำมุมกับโครโนส มีโอกาสได้เป็นราชาที่ดินเชียวน่ะ

ถ้าอาทิตย์ของฝ่ายชายไปเจอจันทร์เล็งเสาร์ของหญิงลองสอบถามฝ่ายหญิงดูก่อนว่าเจ้าตัวไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ในวัยเด็กหรือเปล่า ถ้าใช่ก็ไม่ต้องกังวลเพราะโครงสร้างนี้ได้ทำงานไปแล้ว