ดวงดาวมีอิทธิพลกับชีวิตมนุษย์ %

 ความคิดเห็นที่ 1  โดย คุณ Astrologer    
 5 Jul 2004 13:00 #589784   

 ความคิดเห็นที่ 2  โดย คุณ นายโรจน์เองครับ    
 5 Jul 2004 17:47 #590107   

ไม่ทราบเกิดปัญหาอะไรกับความเห็นที่ 1 ในส่วนของผมนั้นก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาวัดเปอร์เซนต์ของอิทธิพลดาว แต่เคยตอบอีกท่านหนึ่งไปแล้วว่าดวงเป็นเหมือนข้อมูลอีกด้านหนึ่งของชีวิต ประมาณว่าเหมือนเป็นแผนที่ฉบับหนึ่ง เรายังมีสิทธิเลือกที่จะไปตรงไหนในแผนที่ก็ได้ ซึ่งผลการเลือกของเราก็จะให้ผลแตกต่างกันไป ถ้าไม่มีแผนที่จะอาศัยเดินหาคลำทางเองหรือถามเขาไปเรื่อยๆ ชีวิตมันก็ไปอีกแบบหนึ่ง คิดว่ามีแผนที่ในมือดีกว่าไม่มี แต่ก็ต้องเลือกซื้อเลือกหาสักนิด และก็อย่าเอาแต่ก้มหน้าก้มตาดูแผนที่จนไม่ดูทางข้างหน้าละครับ

 ความคิดเห็นที่ 3  โดย คุณ ชาญชัย  
 9 Jul 2004 12:29 #594461    

ผมขออ้างหนังสือ "หิโตปเทศ" ซึ่งเป็นหนังสือโบราณของไทยเรา มีขายอยู่ตามร้านหนังสือชั้นนำในประเทศทุกยุคทุกสมัย เข้าใจว่าเป็นคัมภีร์อินเดียโบราณแปลโดยปราชญ์ที่มีชื่อเสียงของไทยเรา (จำไม่ได้แล้วครับว่าเป็นปราชญ์ท่านใด ผมมีหนังสือแต่ใส่ลังเก็บไว้ในห้องเก็บของ) ผมอ่านตั้งแต่สมัยเรียนหนังสืออยู่ในมหาวิทยาลัย และยังไม่มีความรู้เรื่องโหราศาสตร์เลยด้วย เนื้อหาในหนังสือหิโตปเทศดังกล่าวทำให้ผมประทับใจมากและสามารถจำได้อย่างดีจนกระทั่งทุกวันนี้ครับ มีอยู่ 3 โศลกที่เกี่ยวข้องกับคำถามข้อนี้ได้แก่

โศลกที่ 1 อันธรรมดาเกวียนจะวิ่งไปได้ย่อมจะต้องมีสองล้อ ชีวิตของมนุษย์ก็เช่นเดียวกันจะเป็นไปอย่างไรย่อมขึ้นอยู่กับส่วนประกอบ 2 ประการคือ กรรมเก่าในชาติก่อนๆที่ตามมาทันในชาตินี้ (โชค วาสนา - ผู้เขียน) และกรรมใหม่ที่กระทำในชาตินี้ (เจตน์จำนงค์ของมนุษย์ หรือ free will - ผู้เขียน) เนื่องจากเรื่องของกรรมเก่านั้นเราไม่อาจทราบได้ว่าเป็นอย่างไร แต่กรรมใหม่นั้น เรารู้และสามารถควบคุมได้ มนุษย์เราจึงต้องพยายามทำกรรมใหม่ในชาตินี้ให้ดีที่สุด เพื่อที่ว่าหากกรรมเก่าเราดีก็จะได้ช่วยส่งเสริมกันให้ดียิ่งๆขึ้นไป หรือหากกรรมเก่าไม่ดีหากกรรมใหม่สามารถทำได้ดีก็ยังพอจะช่วยประคับประคองให้ชีวิตดำเนินไปได้ไม่ต้องถึงกับวิบัติล่มจม

โศลกที่ 2 ท่านผู้ใดสร้างนกแก้วให้มีขนเขียว สร้างหงษ์ให้มีขนขาว และสร้างนกยูงให้มีขนสลับสี ท่านผู้นั้นได้สร้างความเป็นไปในชีวิตไว้ให้ท่านแล้ว

โศลกที่ 3 อันคนเราหากแม้นยังไม่ถึงที่ตาย แม้ต้องศรร้อยดอกก็ไม่ตาย หากถึงที่ตายแล้ว แม้เพียงหญ้าคาบาดก็ยังตาย (เป็นบาดทะยักตาย - ผู้เขียน)

 ความคิดเห็นที่ 4  โดย คุณ ชาญชัย  
 9 Jul 2004 12:35 #594480   

บังเอิญในตอนนั้นเมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้เสร็จ ตอนเช้าตื่นขึ้นมาผ่านแผงหนังสือพิมพ์ทุกฉบับลงข่าวพาดหัวเต็มหน้าทุกฉบับ เรื่องที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรในสมัยนั้นถูกคนร้ายบุกยิงด้วยอาวุธปืนเอ็มสิบหกด้วยกระสุนเป็นสิบนัด ต้องนำเข้าห้องไอซียูผ่าตัดด่วน ตอนนั้นใครๆก็รู้ดีว่าอานุภาพอาวุธสงครามปืนเอ็มสิบหกนี้ร้ายแรงขนาดไหน (อาวุธประจำกายของทหารอเมริกันในเวียตนามขณะนั้น) แค่โดนนัดเดียวโอกาสรอดชีวิตก็ยากแล้ว แต่ปรากฏว่าท่านประธานสภาสามารถรอดชีวิตมาได้และกลับมาเล่นการเมืองอีก จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีมานี้ผมยังได้ยินชื่อท่านเป็นที่กล่าวถึงในข่าวสารการเมืองอยู่เลย

เผอิ๊ญ เผอิญ หลังจากนั้นไม่นานมีคุณยายคนหนึ่งอาศัยอยู่บริเวณหลังบ้านที่ผมอยู่ คุณยายไปเก็บผักหญ้าในวัดหน้าบ้านผมแล้วเผอิญถูกหญ้าคาบาดเข้าที่มือ หลังจากนั้นไม่นานผมก็ได้ข่าวว่าคุณยายเสียชีวิตแล้วจากโรคบาดทะยักเนื่องจากแผลที่มือที่เกิดจากโดนหญ้าคาบาด

เรื่องที่เกิดดังกล่าวเป็นเรื่องจริงที่สนับสนุนคำกล่าวในโศลกที่ 2 และ 3 ครับ แต่ผมเห็นว่าสำหรับมนุษย์เราควรจะต้องถือเอาโศลกที่ 1 เป็นหลักครับ เพราะน่าจะเป็นแนวทางหลักที่เหมาะสมและสร้างสรรค์สำหรับชีวิตของมนุษย์เรามากกว่า

 ความคิดเห็นที่ 5  โดย คุณ ชาญชัย  
 9 Jul 2004 15:03 #594648    

ผมคิดว่าโศลกที่ 1 ตอบคำถามข้อนี้ได้ดีที่สุดครับ แต่จะบอกเป็นค่ามาตรฐานร้อยละคงจะไม่ได้เพราะ
1. เราไม่รู้กรรมเก่าของเราว่ามากน้อยแค่ไหน จริงอยู่โหราศาสตร์เป็นเครื่องชี้กรรมเก่า และชี้บอกแม้กระทั่งว่าขณะนี้กรรมเก่าอะไร (โครงสร้างดีร้ายในดวงชะตาโครงสร้างไหน) ดีหรือร้าย รุนแรง อย่างไรกำลังตามมาทันอยู่ (พื้นดวงชะตาบอกผลทั้งหมดของกรรมเก่า ดวงชะตาจรบอกว่ากรรมเก่าใดจะให้ผลเมื่อไร) แต่โหราศาสตร์ก็ยังไม่ใช่พระเจ้าที่จะชี้บอกอะไรได้ถูกต้องแม่นยำเป็นตัวเลขว่ากี่เปอร์เซ็นต์ๆ
2. เราไม่สามารถบอกได้ว่ากรรมใหม่ที่พยายามทำไม่ว่าดีหรือร้าย คิดเป็นตัวเลขที่เทียบเคียงกับกรรมเก่าแล้วเป็นเท่าไร กรรมไหนแรงกว่ากัน ไม่สามารถจะคิดเป็นตัวเลขเอามาบวกลบกันทางคณิตศาสตร์ได้ หน้าที่ของเราจึงน่าจะเป็นว่าจะต้องทำกรรมใหม่ให้ดีที่สุดเท่านั้น ถ้าทำดีที่สุดแล้วอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ตามโศลกที่ 2 และ 3
3. ถ้ากรรมเก่าแรงมาก เปอร์เซ็นต์กรรมเก่าก็ต้องสูงมากเป็นธรรมดา เช่นอาจจะถึง 95% จนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยว่าจะสามารถสร้างกรรมใหม่มาลบล้างได้ ถ้ากรรมเก่าไม่แรงก็ย่อมจะมีผลในทางตรงกันข้าม และอย่าลืมบุคคลแต่ละคนต่างก็มีกรรมเก่าและสร้างกรรมใหม่ของตนซึ่งไม่เหมือนกันและไม่เท่ากัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่มีตัวเลขกลมๆว่ากี่เปอร์เซ็นต์ที่จะนำมาใช้กับทุกๆคนได้

อย่างไรก็ตามในทางทฤษฎีเท่าที่เคยอ่านพบมีบุคคลอยู่สองประเภทที่สามารถเอาชนะโชคชะตาและอยู่เหนือกรรมเก่า (สิ่งที่ชี้บอกจากดวงชะตาได้) ได้คือ
ก. บุคคลที่บรรลุโมกษะแล้ว พระพุทธศาสนากล่าวเรื่องนี้ไว้โดยตรงว่าบุคคลที่บรรลุอรหันต์แล้วย่อมอยู่เหนือกรรมเก่า และท่านจะไม่สร้างกรรมใหม่อีกด้วย ดังนั้นท่านจึงพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารแล้ว
ข. ตามหลักปรัชญา (อ้างถึงหนังสือเรื่องมหาบุรุษของพลตรีหลวงวิจิตรวาทการ) บุคคลที่มีจิตใจเข้มแข็งจนถึงขั้นมหาบุรุษ (อชิตบุคคล) ย่อมสามารถลิขิตชีวิตของตนเองได้โดยไม่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรียกว่าพรหมลิขิต โชคชะตา (สิ่งที่ดวงชะตาชี้บอก)

ในที่สุดนี้ขอนำประโยคคำขวัญหลักที่ใช้พิมพ์ประจำบนหน้าปกนิตยสารรายเดือน The Astrological Magazine ซึ่งก่อตั้งโดย Dr. B.V. Raman นักโหราศาสตร์เอกของอินเดียยุคปัจจุบันผู้ล่วงลับไปแล้วมาปิดท้ายความเห็นของผมดังนี้ครับ

" Astrology can only indicate in a way what will take place in future. Whoelse except the Creator Bhraman can know with certainty what will happen."

แปลเป็นไทยพอได้ใจความว่า

" โหราศาสตร์เพียงช่วยบอกได้ว่า อะไรน่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่มีใครเลยที่จะบอกได้แน่นอนว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจาก พระพรหม ผู้สร้าง เท่านั้น "

 ความคิดเห็นที่ 6  โดย คุณ jazology    
 17 Jul 2004 14:58 #603350   

เป็นข้อมูลที่ดีมากครับ ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ