ความรัก คู่แท้ บุพเพสันนิวาส กับวิชาโหราศาสตร์ และการสมพงศ์ดวงชะตา
ตอนที่ 7: ปีที่แต่งงาน การสมพงศ์ดวงชะตา แต่งงานช้าหรือไม่แต่งงานเลย และดวงพระยาเทครัว
(ตามแนวคำสอนอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร)
“แม่คงคาในสวรรค์!” กามนิตกระซิบเสียงแผ่วแต่แจ่มใส เอามือขวาชี้ไปบนฟ้าเหนือศรีษะ พูดว่า “แม่คงคาในสวรรค์เราได้ปฏิญญาแทบกระแสคลื่น – วาสิฏฐี”
กามนิตกล่าวได้เท่านี้ ตัวสั่นเทิ้ม กระอักโลหิตออกจากปาก สิ้นเสียงสิ้นใจอยู่ในวงแขนพระอานนท์
“กามนิตกับวาสิฎฐี” โดยเสฐียรโกเศศ และนาคะประทีป
1. บทนำ
บทความในชุดนี้ได้เขียนมาถึงตอนที่ 7 แล้ว ในขณะที่เลข 7 ซึ่งหมายถึงดาวเสาร์ ที่เป็นเจ้าการของ ความทุกข์และการพลัดพราก ส่วนเรื่อนที่ 7 คือเรือนปัตนิก็หมายถึงคู่ครอง ผู้เขียนจึงตั้งใจว่าจะเขียนเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องของเลข 7 (ดาวเสาร์) ที่เกี่ยวข้องกับความรัก (ดาวศุกร์ เลข 6) ซึ่งเป็นคำแรกของชื่อบทความชุดนี้ ที่หมายถึง รักที่มีอุปสรรค รักที่ไม่สมหวัง รักที่เป็นทุกข์ ฯลฯ ซึ่งในระหว่างการค้นคว้าหาความรู้เพื่อนำมาเขียนก็บังเอิญไปพบคำบรรยายของท่านอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ซึ่งบรรยายไว้ที่สมาคมโหรแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2519 และผู้เขียนได้จดบันทึกไว้ เมื่ออ่านดูเห็นว่าเนื้อหาน่าสนใจ โดยเฉพาะคำสอนของท่านมีเนื้อหาสำคัญเกี่ยวกับเรื่องราวตามปรัชญาของศุกร์+เสาร์ (แต่งงานช้าหรือไม่ได้แต่งงานเลย) และการสมพงศ์ดวงชะตาอยู่ด้วย ซึ่งแม้จะเป็นคำสอนในระบบนิรายะนะ แต่เนื้อหาในคำบรรยายส่วนใหญ่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับโหราศาสตร์ตะวันตกได้ เนื่องจากเป็นการกล่าวถึงตำแหน่งสัมพันธ์ของดาวเคราะห์ (ทั้งตำแหน่งสัมพันธ์ทางราศีและตำแหน่งสัมพันธ์ทางองศา) และระบบเรือนชะตา ทั้งนี้ดาวเสาร์นอกจากจะหมายถึงความทุกข์และการพลัดพรากแล้ว ยังหมายถึงของโบราณเก่าแก่อีกด้วย ผู้เขียนจึงเห็นว่า คำสอนของท่านปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอดีตท่านหนึ่งในวงการโหราศาสตร์ของไทยเรา ย่อมเปรียบได้กับวัตถุโบราณรุ่นลายครามที่ทรงคุณค่ายิ่ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการศึกษาค้นคว้าของนักโหราศาสตร์ทั้งในระบบนิรายนะ และสายนะต่อไปในอนาคต
ในการเขียนเนื้อหาในตอนนี้นั้น จะนำเนื้อหาคำบรรยายของอาจารย์เทพย์ฯมาลงเป็นเนื้อหาหลักในหัวข้อที่เป็นคำบรรยายของท่าน พร้อมทั้งแสดงความเห็นประกอบของผู้เขียนไว้ด้วยซึ่งจะเขียนไว้ชัดเจนว่าเป็นความเห็นของผู้เขียน ส่วนความเห็นของผู้เขียนที่สืบเนื่องจากคำบรรยายดังกล่าวในประเด็นใหญ่ๆ จะแยกเขียนเป็นหัวข้อแยกออกมาต่างหากติดต่อกันไป
2. คำบรรยายของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร
หนึ่ง: จุดแต่งงาน (กำหนดปีที่แต่งงาน)
ให้เอาองศาจันทร์กำเนิดในดวงชะตาบวกเข้ากับองศาของเสาร์กำเนิดในดวงชะตา (คิดจากจุดเมษ) ถ้าผลรวมมากกว่า 360 องศา ให้ลบออกด้วย 360 องศา ยกตัวอย่างเช่น จันทร์กำเนิด สถิตราศีมีน 6 องศา 20 ลิปดา เสาร์กำเนิดสถิตราศีกันย์ 17.46 องศา จะสามารถคำนวณจุดแต่งงานได้ดังนี้
ค่าองศาจันทร์กำเนิด = 336 องศา 20 ลิปดา
ค่าองศาเสาร์กำเนิด = 167 องศา 46 ลิปดา
รวมค่าองศา = 504 องศา 06 ลิปดา
ดังนั้นจุดแต่งงานอยู่ที่ 504.06 – 360.00 = 144 องศา 6 ลิปดา
หรือที่ ราศีสิงห์ 24 องศา 6 ลิปดา
ถ้าดาวพฤหัสบดีจร (บนฟ้า, Transit) โคจรมาเป็น 1, 4, 7, 10, 5, และ 9 ได้องศาพอดี เจ้าชะตาจะมีการแต่งงานในปีนั้น
หมายเหตุ (ของผู้เขียน)
- จักราศีที่ใช้เป็นจักราศีนิรายะนะ
- ผู้เขียนมีความเห็นว่า จังหวะฟ้าตามหลักเกณฑ์ข้อนี้น่าจะเป็นจังหวะที่เจ้าชะตามีโอกาสที่จะได้แต่งงาน และน่าจะมีประโยชน์ยิ่งสำหรับใช้ประกอบในการแก้ปัญหา ในกรณีที่พื้นดวงชะตามีโครงสร้างร้ายมากๆเกี่ยวกับความรักเช่น กรณี เสาร์ถึงศุกร์ หรือเสาร์สถิตในภพที่ 7 ในดวงชะตากำเนิด ฯลฯ
- เข้าใจว่าอาจารย์เทพย์ฯท่านนำหลักเกณฑ์นี้ มาจากคัมภีร์ “ปาริชาติชาดก” ซึ่งเป็นคัมภีร์โบราณที่จารึกไว้ในใบลานเป็นเล่มสุดท้ายของอินเดีย(คัมภีร์โบราณเล่มแรกของอินเดียที่จารึกไว้ในใบลานคือ “ปะราสะระโหราศาสตรา” โดยท่านมหาฤๅษีปะราสะระ บิดาของวิชาโหราศาสตร์ภารตะ (พระเวทย์) ดังนั้นคัมภีร์ปาริชาติชาดก ซึ่งเป็นคัมภีร์โบราณฉบับสุดท้ายของอินเดียจึงได้รับความเชื่อถือกันมาก เพราะเชื่อกันว่าการเป็นเล่มสุดท้ายย่อมหมายความว่า ได้ผ่านการกลั่นกรองเนื้อหามาจากคัมภีร์ฉบับต่างๆก่อนหน้านี้มาแล้วทั้งหมด พันเอกพิเศษนายแพทย์ประจวบ วัชรปาณ โหรเอกประจำตัวอดีตนายกรัฐมนตรี จอมพลสฤษดิ์ ธนรัชต์ จะนำคัมภีร์ปาริชาติชาดกติดตัวไปด้วยเสมอไม่ว่าท่านจะไปที่ใด โดยเป็นหนึ่งในสามของสิ่งที่ท่านจะพกติดตัวได้แก่ พระสมเด็จวัดระฆัง, ปืนพก และคัมภีร์ปาริชาติชาดก)
- เหตผลที่ว่าทำไมเมื่อพฤหัสจรให้แสงถึงจุดแต่งงาน (อิทธิพลของจันทร์ กับเสาร์) จึงเป็นช่วงเวลาที่จะมีการแต่งงานนั้น ผู้เขียนคิดว่าเกิดจากการผสมอิทธิพลระหว่าง จันทร์ + เสาร์ที่หมายถึง อารมณ์ที่โศกเศร้าเป็นทุกข์ ซึ่งน่าจะเป็นอารมณ์ของบุคคลทั่วไปที่เมื่อถึงวัยทึ่ควรจะได้แต่งงานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความรัก คนรัก หรือแนวโน้มจะได้แต่งงานและเมื่อพฤหัสจรบนท้องฟ้าให้แสงถึงจุดนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ความทุกข์ในใจดังกล่าวจะได้รับการเยียวยารักษา ซึ่งยาที่ดีที่สุดก็คือการแต่งงานนั่นเอง
สอง: การเทียบสมพงศ์ดวงชะตา
- ดูดาวเจ้าเรือนลัคน์ของทั้งสองดวงชะตา ต้องไม่เป็นทุสถานะต่อกัน
- ดูดาวเจ้าเรือนภพ 7 ของทั้งสองดวง ต้องไม่เป็นทุสถานะต่อกัน
- ดาวเจ้าเรือนลัคน์ของทั้งสองดวงต้องให้แสงถึงกันถึงจะดี
- จะดียิ่งขึ้นไปอีกถ้า ลัคนาของทั้งสองดวงนั้นไม่อยู่ในทุสถานะภพต่อกัน
หมายเหตุ (ของผู้เขียน)
- ทุสถานะภพคือภพที่ 6, 8 และ 12
- การให้แสงถึง ใช้กฎเกณฑ์ตำแหน่งสัมพันธ์ทางราศีของระบบนิรายนะเป็นหลักคือ ดาวเคราะห์ทุกดวงให้แสงเต็มที่ (100%) ในราศีที่ 1 (กุม) และราศีที่ 7 (เล็ง) จากราศีที่สถิต ส่วนดาวอังคาร, พฤหัส และเสาร์ มีเกณฑ์พิเศษเพิ่มขึ้นอีกคือ ดาวอังคาร ให้แสงเต็มที่ในราศีที่ 4 และ 8 จากราศีที่สถิต ดาวพฤหัสให้แสงเต็มที่ในราศีที่ 5 และ 9 จากราศีที่สถิต และดาวเสาร์ให้แสงเต็มที่ในราศีที่ 3 และ 10 จากราศีที่สถิต
- ในการใช้ตำแหน่งสัมพันธ์ทางองศา ระยะวังกะตามคำสอนของอาจารย์เทพย์นั้น ท่านใช้ภายในลูกนวางค์เดียวกัน (1 ลูกนวางค์กว้าง 3 องศา 20 ลิปดา) หรืออนุโลมให้อย่างมากไม่เกิน 5 องศาตำแหน่งสัมพันธ์ทางองศานั้นใช้เสริมเข้ากับความแรงตามข้อ 2 ยกตัวอย่างเช่น อังคารในราศีสิงห์ 10 องศา ให้แสง (เต็มที่ , 100%) ถึง พุธในราศีพิจิก ซึ่งอยู่ในราศีที่ 8 ของอังคาร ถ้าพุธอยู่ที่ 11 องศา ย่อมได้รับแสงแรงกว่ากรณีที่พุธอยู่ที่ 25 องศามากเป็นต้น
- หลักเกณฑ์นี้เป็นหลักเกณฑ์ทั่วไป สำหรับใช้ในการเปรียบเทียบสมพงศ์ดวงชะตา กล่าวคือถ้าได้ครบทั้ง 4 ข้อถือว่าดวงชะตาสมพงศ์กันทางโหราศาสตร์ หญิงชายทั้งสองสามารถแต่งงานอยู่กินกันได้ และมีแนวโน้มดีสำหรับการครองชีวิตคู่ (ซึ่งคงจะต้องขึ้นอยู่กับกรรมใหม่ที่ทั้งสองคนแต่ละคนได้ทำมา และจะทำร่วมกันในชาตินี้อีกด้วย) และน่าจะตรงกับที่ผู้เขียนได้เขียนไว้ในตอนที่สองว่า ในชีวิตจริงนั้นมีคนเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เป็นโสดตลอดชีวิต ในขณะที่คนส่วนใหญ่ที่แต่งงานนั้น โดยส่วนมากก็โดยพิจารณาความเหมาะสมทางสถานะในสังคมเป็นสำคัญ มิใช่เกิดจากความรักในระดับ “บุพเพสันนิวาส"”หรือ “คู่แท้” ที่เป็น “ความรักในอุดมคติ” แต่อย่างใด ซึ่งหลักเกณฑ์ตามคำสอนของอาจารย์เทพย์ในหัวข้อนี้ น่าจะหมายถึงการพิจารณา “สมพงศ์” ดวงชะตาในระดับ “ความเหมาะสม” เท่านั้นเช่นกัน ผู้เขียนมีความเห็นว่าหลักเกณฑ์นี้เหมาะกับการนำมาใช้ประกอบกับการพิจารณา “ความเหมาะสมทางสถานะในสังคม” คือเมื่อคิดว่ามีแนวโน้มว่าคนนี้น่าสนใจแล้ว ก็ลองนำดวงชะตามาเปรียบเทียบตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวนี้ดู
- ในตำราโหราศาสตร์ภาคนักษัตร์ (ฤกษ์) อาจารย์เทพย์ฯ ได้พูดถึงการสมพงศ์ดวงชะตาด้วยการพิจารณาเปรียบเทียบจันทร์ในดวงชะตา (เป็นหัวใจของการเทียบสมพงศ์ดวงชะตาในโหราศาสตร์พระเวทย์) ซึ่งเป็นการพิจารณาในรายละเอียดเพิ่มขึ้นอีกและให้ผลการพิจารณาออกมาเป็นคะแนนที่มีเกณฑ์ชี้บอกระดับของความเข้ากันได้อีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีตำราประมวลสมพงศ์ที่ท่านรวบรวมหลักการสมพงศ์ต่างๆทางโหราศาสตร์ของไทยเราไว้อย่างครอบคลุม อย่างไรก็ตามผู้เขียนเห็นว่าหลักเกณฑ์ 4 ประการนี้ก็เพียงพอแล้ว สำหรับการพิจารณาสมพงศ์ในระดับการเข้ากันได้โดยทั่วไป และแนวโน้มที่ดีในการครองชีวิตคู่ร่วมกัน ตามที่กล่าวไว้ในข้อ 3
- ในตำราหลายเล่มของอาจารย์เทพย์ฯ รวมทั้งในตำราโหราศาสตร์ภาคนักษัตร์ ท่านกล่าวถึงโครงสร้าง อังคาร/ศุกร์ ไว้ว่ามีความสำคัญยิ่งในการพิจารณาสมพงศ์ดวงชะตา ถ้าหากพบว่า ดาวอังคารในดวงชะตาชายกุมศุกร์ในดวงชะตาหญิง (หรืออาจสลับกันก็ได้) จะทำให้เกิดรักแรกพบ หญิงชายทั้งสองจะมีรสนิยมทางเพศตรงกัน (ถ้าได้หลับนอนเป็นสามีภรรยากันแล้ว จะไม่มีใครสามารถแยกหญิงชายคู่นี้ออกจากกันได้อีกแม้จะเอาไปฆ่าให้ตายก็ตาม- คำอธิบายนอกชั้นเรียนของท่าน) และว่า โครงสร้างนี้เป็นเครื่องหมายชี้บอกว่าหญิงชายคู่นี้มีบุพเพสันนิวาสกันมาแต่ชาติปางก่อน ซึ่งความเห็นของท่านสอดคล้องกับโหราศาสตร์ตะวันตกที่ถือว่าโครงสร้าง อังคาร/ศุกร์ เป็น สุดยอดโครงสร้างในการสมพงศ์ดวงชะตาระหว่างหญิงกับชายโครงสร้างหนึ่งเช่นเดียวกัน
- ในโหราศาสตร์ไทยนั้น ยังมีการนำหลักเกณฑ์ทางโหราศาสตร์มาใช้อีกเป็นจำนวนมากในการสมพงศ์ดวงชะตา เช่นการนำ ภูมิทักษาพยากรณ์ (บริวาร อายุ เดช ศรี มนตรี กาลกิณี) ตำนานชาติเวร (คู่มิตร คู่ศัตรู) คู่ธาติ คู่อสีติธาติ ฯลฯ ซึ่งเป็นมติของแต่ละสำนักแต่ละอาจารย์ที่แตกต่างกันไป ผู้เขียนเห็นว่าหลักเกณฑ์ของอาจารย์เทพย์ฯ ทั้ง 4 ข้อที่กล่าวถึงนี้เป็นหลักเกณฑ์กลางๆที่ใช้ได้ครอบคลุมและอาจประยุกต์ใช้กับโหราศาสตร์ตะวันตกได้อีกด้วย
สาม: แต่งงานช้าหรือไม่แต่งงานเลย
1. ก) ดาวเสาร์ให้แสงถึงภพที่ 7 หรือสถิตในเรือนที่ 7 โดยเฉพาะในดวงชะตาผู้หญิง ดาวเสาร์ในภพที่ 7 แสดงอิทธิพลรุนแรงมาก หรือ
ข) ดาวเสาร์ให้แสงถึงเจ้าเรือนภพที่ 7 หรือดาวศุกร์
2. ดาวที่โคจรพักตร์ให้แสงถึงภพที่ 7 หรือให้แสงถึงดาวศุกร์
หมายเหตุ (ของผู้เขียน)
ดาวที่โคจรพักตร์เป็นเจ้าการของความล่าช้า และติดขัด
3. ในดวงชะตามีดาวเจ้าเรือนภพที่ 7 พักตร์ หรือดาวศุกร์พักตร์
4. เจ้าเรือนภพที่ 7 หรือดาวศุกร์ อยู่ในสถิรราศี
หมายเหตุ (ของผู้เขียน)
สถิรราศีแสดงอิทธิพลในเรื่องของความหนักแน่นอยู่กับที่ ไม่เปลี่ยนแปลงง่ายๆ
5. เจ้าเรือนภพที่ 7 อยู่ในภพทุสถานะ แล้วมีบาปเคราะห์ร่วมหรือให้แสงถึง หรือมีเจ้าเรือนทุสถานะให้แสงถึง
หมายเหตุ (ของผู้เขียน)
การอยู่ในทุสถานะภพให้ผลเสมือนหนึ่งดาวเคราะห์นั้นถูกเบียฬ เมื่อมีบาปเคราะห์หรือดาวเจ้าเรือนทุสถานะภพ (เสมือนหนึ่งเป็นบาปเคราะห์) เบียฬซ้ำอีก จึงทำให้เรื่องที่ดาวเจ้าเรือนที่ 7 เป็นเจ้าการได้รับผลร้ายยิ่ง
6. เจ้าเรือนภพ 2 พักตร์ หรืออยู่ในภพทุสถานะ แล้วมีบาปเคราะห์ หรือเจ้าเรือนทุสถานะร่วมหรือให้แสงถึง
หมายเหตุ (ของผู้เขียน)
ภพที่ 2 เป็นเรือนที่ 8 ของภพที่ 7 เมื่อถูกเบียฬจึงอาจมีผลร้ายถึงเรือนที่ 7ได้ ?
7. เจ้าเรือนภพที่ 9 อยู่ในภพ 8 หรือบาปเคราะห์หรือเจ้าเรือนทุสถานะให้แสงถึง
หมายเหตุ (ของผู้เขียน)
ในวิชาโหราศาสตร์ถือกันว่า ภพที่ 9 เป็นภพที่ดีที่สุด และเจ้าเรือนภพที่ 9 เป็นดาวเคราะห์ที่ให้ผลดีที่สุด (ในดวงชะตาโลกทางนิรายะนะ พฤหัสเป็นเจ้าราศีธนู ภพที่ 9 ของดวงโลก) ดังนั้นเมื่อดาวเจ้าเรือนภพที่ 9 ถูกเบียฬจึงอาจส่งผลร้ายถึงเรื่องของเรือนที่ 7 ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญหนึ่งในสี่ของชีวิต และเรือนที่ 9 ยังเป็นเรือนที่ 3 ของเรือนที่ 7 อีกด้วย ซึ่งหมายถึงการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น ดังนั้นเมื่อเจ้าเรือนนี้เสียจึงทำให้การติดต่อสื่อสารขัดข้อง ไม่สามารถเหนี่ยวนำให้พบกับคนรักและความรักได้?
8. เจ้าเรือนภพ 7 อยู่ในราศีที่เจ้าเรือนลัคน์เป็นนิจ
หมายเหตุ (ของผู้เขียน)
ภาษาดาวหมายความว่าเรืองราวของเรือนที่ 7 บดบังครอบงำเจ้าชะตาทั้งหมด
9. เจ้าเรือนภพที่ 2 อยู่ในราศีที่เป็นนิจของเจ้าเรือนภพ 7
หมายเหตุ (ของผู้เขียน)
ภาษาดาวหมายความว่าเรือนที่ 8 ของเรือนที่ 7 บดบังครอบงำเรือนที่ 7 ทั้งหมด
10. ดาวเสาร์ หรือราหู ครองอยู่ในภพที่ 7หรือภพที่ 9 แล้วมีบาปเคราะห์ร่วมหรือให้แสงถึง หรือมีเจ้าเรือนทุสถานร่วมหรือให้แสงถึง เจ้าชะตาไม่แต่งงานโดยตลอดชีวิต
หมายเหตุ (ของผู้เขียน)
1. โครงสร้างนี้เป็นการบอกย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า เมือเรือนที่ 7 หรือ 9 ถูกเบียฬ จะส่งผลร้ายถึงเรือนที่ 7 เช่นเดียวกัน
2. เสาร์หรือราหูอยู่ในเรือนที่ 7 นี้ทางโหราศาสตร์ไทยถือว่าเป็นโครงสร้างที่ให้ผลร้ายแรงยิ่ง เรียกว่า “ดวงแตก” หรือ “พินทุบาทว์” นอกจากจะส่งผลให้อาภัพในเรื่องความรักคู่ครองแล้ว ยังทำให้ชีวิตลุ่มๆดอนๆกระทำการสิ่งใดก็ไม่สามารถสำเร็จลุล่วงไปได้ตลอดรอดฝั่ง ชีวิตเต็มไปด้วยอุปสรรคและศัตรูที่แรงร้ายนานัปการ (จากประสบการณ์พบว่าคำสอนเรื่อง “ดวงแตก” ในโหราศาสตร์ไทยนี้ แม่นยำ เฉียบขาดยิ่งนัก) ดังคำกลอนแต่โบราณที่ว่า
ระวิภุมมะทั้งโสรา
ปัญจะแก่ลัคนา พุธเก้า
จันทร์กับชีวาเป็นแปด
ศุกร์เจ็ดอาจารย์เจ้าว่าร้อนนิรันดร์
เสาร์เพ่งเล็งลัคน์แล้วอสุรา
ภุมเมษอัษฎาว่าไว้
จันทร์เป็นสิบเอ็ดแก่ราหูเล่า
อาภัพอัประภาคย์ให้โทษแท้ประเหิรหิน
ในดวงชะตาใด ถ้ามีโครงสร้างเข้ากับกฎเกณฑ์ดังกล่าวนี้ แต่เจ้าเรือนภพ 9 ในดวงชะตานั้นเข้มแข็งให้แสงถึงภพ 9 หรือให้แสงถึงภพ 7 หรือให้แสงถึงเจ้าเรือนภพ 7 หรือให้แสงถึงดาวศุกร์ เจ้าชะตาอาจจะได้แต่งงานแต่แล้วก็เลิกกัน
ถ้ามีบาปเคราะห์เล็งศุกร์ หรือศุกร์ร่วมกับบาปเคราะห์ เจ้าชะตาจะไม่มีความสุขในชีวิตสมรส หรือไม่แต่งงาน
สี่: คู่ครองต่างชาติ
พิจารณาเรือนที่ 4, 7 และ 9
- เจ้าเรือนที่ 4, 7 และ 9 ร่วมกันในภพใดๆก็ตาม เข้ากับกฎเกณฑ์นี้ทั้งสิ้น
- เจ้าเรือนที่ 4, 7 และ 9 สถิตอยู่ในคนละภพแต่ให้แสงถึงภพทั้งสามนี้
- เจ้าเรือนที่ 7 ร่วมกับเจ้าเรือนที่ 4 มีเจ้าเรือนที่ 9 ให้แสงถึง
- เจ้าเรือนที่ 7 ร่วมกับเจ้าเรือนที่ 9 มีเจ้าเรือนที่ 4 ให้แสงถึง
ถ้าหากภพใดภพหนึ่งในสามภพนี้ขาดไป ไม่เข้ากับกฎเกณฑ์นี้โดยสมบูรณ์ แต่เป็นเครื่องช่วยให้ครอบครัวมีความผาสุขเมื่อได้คู่ครองแล้ว
หมายเหตุ (ของผู้เขียน)
เป็นการผสมอิทธิพลของภพที่ หมายถึง บ้าน, ครอบครัว (ภพที่ 4) คู่รอง (ภพที่ 7) และต่างประเทศ (ภพที่ 9) ทั้งสี่โครงสร้าง
ห้า: พระยาเทครัว (ใช้พิจารณาเฉพาะดวงผู้ชาย)ถ้ามีโครงสร้างดังต่อไปนี้ในดวงชะตา อย่ารับเข้ามาอยู่ในบ้าน
- ดาวเจ้าเรือนภพ 4 และดาวเจ้าเรือนภพ 7 เป็นดาวดวงเดียวกัน สถิตร่วมกับเสาร์หรือราหู ได้แก่ ลัคนาราศีมีน ดาวพุธเป็นทั้งเจ้าเรือนภพที่ 4 และ 7
- ดาวเจ้าเรือนภพ 7 และ ภพ 10เ ป็นดาวเดียวกันร่วมกับเสาร์หรือราหู ได้แก่ลัคนาราศีมิถุน
- ดาวเจ้าเรือนภพที่ 4 และ 7 ร่วมกัน แล้วได้รับแสงจาก เสาร์หรือราหู เข้ากับกฎเกณฑ์นี้ทั้งสิ้น
- ดาวเจ้าเรือนภพที่ 7 และ 10 อยู่ร่วมกันในภพใดๆก็ตาม มีเสาร์หรือราหูอยู่ด้วยหรือให้แสงถึง เข้ากับกฎเกณฑ์นี้ทั้งสิ้น
- ดาวเจ้าเรือนภพที่ 4, 7 และ 10 ร่วมกันหรือให้แสงถึงกัน
- อังคารกับศุกร์สลับเกษตรหรือสลับนวางค์กันครอง
- ศุกร์กับเสาร์สลับเกษตรหรือสลับนวางค์กันครอง
- จันทร์กับเสาร์ ร่วมกันในราศีใดก็ตาม มีอังคารร่วมหรือได้รับแสงจากอังคาร
- ใช้เฉพาะกับดวงผู้หญิง: จันทร์อยู่ในราศีทวาร มีลัคนากุมจันทร์ หรือจันทร์เล็งลัคนา หรือลัคนาอยู่ในราศีใดๆก็ตาม ถ้าดาวเจ้าเรือนจันทร์หรือดาวเกษตรภพ 7 จากจันทร์ อยู่ในทุสถานะภพจากจันทร์ เข้ากับกฎเกณฑ์นี้เต็มที่
หมายเหตุ: จำได้ว่าอาจารย์เทพย์ฯบอกในชั้นเรียนว่า โครงสร้างพระยาเทครัวนี้โบราณกลัวกันมาก ถ้าจะรับใครเข้ามาอยู่ในบ้านจะต้องตรวจโครงสร้างนี้ในดวงชะตาผู้นั้นก่อน ถ้าพบโครงสร้างนี้จะไม่อนุญาตให้เข้ามาอยู่ในบ้านโดยเด็ดขาด
3. ดาวเจ้าเรือนและเรือนชะตาในการสมพงศ์ดวงชะตา
3.1 ในโหราศาสตร์ไทยมีการใช้ดาวเจ้าเรือนและเรือนชะตา ในการพิจารณาในเรื่องความรัก คู่ครองและการสมพงศ์ดวงชะตา และให้ความสำคัญในระดับเดียวกันกับตำแหน่งสัมพันธ์ระหว่างปัจจัย (ตำแหน่งสัมพันธ์ทางราศี และตำแหน่งสัมพันธ์ทางองศา) ในโหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนนั้นไม่มีการนำเจ้าเรือนมาใช้ในการพยากรณ์อยู่แล้วจึงย่อมไม่นำมาใช้ในการสมพงศ์ดวงชะตาแน่นอน ส่วนในโหราศาสตร์สากล (คลาสสิค) นั้นส่วนใหญ่เน้นที่โครงสร้างพระสนธิ (ตำแหน่งสัมพันธ์ทางองศา) ที่เกิดขึ้นจากดวงซ้อนดวง ตามที่กล่าวถึงในตอนที่ 5 ส่วนการใช้ตำแหน่งสัมพันธ์ทางราศีนั้นให้น้ำหนักความสำคัญน้อยมาก อาจจะพอมีน้ำหนักอยู่บ้างก็ในการใช้จักราศีสมพงศ์ตามที่กล่าวไว้ในตอนที่ 3 เท่านั้น ส่วนระบบเรือนชะตานั้นมีการใช้ในโหราศาสตร์สากลแต่ไม่ได้ให้น้ำหนักอะไรมาก อยู่ในลักษณะของการพิจารณาภาพรวมและแนวโน้มเท่านั้น
3.2 สรุปว่าโหราศาสตร์สากล (ทั้งยูเรเนี่ยนและคลาสสิค) เน้นที่พระเคราะห์สนธิที่เกิดจากดวงซ้อนดวงเป็นสำคัญในการสมพงศ์ดวงชะตา และโดยเฉพาะใช้ตำแหน่งสัมพันธ์ทางองศาเท่านั้น (อาจเรียกได้ว่าไม่ใช้ตำแหน่งสัมพันธ์ทางราศีเลย) ในประเด็นนี้ผู้เขียนเคยถามอาจารย์ประยูรฯในเรื่องของการดูดวงหุ้นที่ซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์ ว่าทำไมจึงไม่พิจารณาเรือนชะตาและตำแหน่งสัมพันธ์ทางราศี ท่านตอบว่าในเรื่องสำคัญๆเช่นกรณีการขึ้นลงของราคาหุ้นนี้ จะใช้เพียงตำแหน่งสัมพันธ์ทางองศาเนื่องจากต้องการทราบผลและแนวโน้มที่ชัดเจนเฉียบขาดเท่านั้น จากประสบการณ์ผู้เขียนมีความเห็นว่า ในการพิจารณาสมพงศ์ดวงชะตานั้น ตำแหน่งสัมพันธ์ทางองศาให้ผลและแนวโน้มได้ชัดเจนเฉียบขาดกว่า ผู้เขียนเคยพบมาหลายกรณีที่ในการเปรียบเทียบดวงชะตาโดยทั่วไปพบว่าสอดคล้องเข้ากันได้ดีตามหลักเกณฑ์ทางจักราศีสมพงศ์ ตำแหน่งสัมพันธ์ทางราศี และระบบเรือนชะตา แต่ปรากฏว่าเพียงพระเคราะห์สนธิร้ายๆเช่น เสาร์/จันทร์ เสาร์/อาทิตย์ ฯ เพียงหนึ่งหรือสองโครงสร้างเท่านั้น ความสัมพันธ์นั้นก็ต้องล่มสลายลงในที่สุด ตรงกันข้ามมีหลายกรณีที่ภาพรวมไม่สอดคล้องต้องกันเท่าที่ควร แต่มีพระเคราะห์สนธิดีๆเช่น อาทิตย์/จันทร์ อาทิตย์/ศุกร์ เพียงหนึ่งหรือสองโครงสร้างเท่านั้น แม้จะมีปัญหาอุปสรรคต่างๆมากมายก็ยังสามารถลงเอยด้วยการแต่งงานอยู่กินด้วยกันได้
3.3 ผู้เขียนมีความเห็นว่า การเปรียบเทียบสมพงศ์ด้วยตำแหน่งสัมพันธ์ทางราศี และระบบเรือนชะตา หรือแม้กระทั่ง การนำเจ้าเรือน และระบบการให้คะแนนจากการเปรียบเทียบตำแหน่งจันทร์กำเนิดในดวงชะตานั้น (ทั้งนิรายะนะ และสายนะ) เป็นลักษณะของการเปรียบเทียบในภาพรวมเท่านั้น ผลการเปรียบเทียบใช้ได้ตราบเท่าที่ยังไม่มีโครงสร้างพระเคราะห์สนธิ (ตำแหน่งสัมพันธ์ทางองศา) ที่แรงๆและแสดงผลขัดแย้งกับภาพรวมปรากฏให้เห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ภาพรวมแสดงผลดี แต่โครงสร้างพระเคราะห์สนธิที่แรงๆแสดงผลร้าย แนวโน้มสรุปมักจะร้าย ส่วนกรณีที่ภาพรวมให้ผลร้ายแต่โครงสร้างพระเคราะห์สนธิที่แรงๆชี้ผลดีนั้น แม้ให้ผลดีได้แต่ผลร้ายก็มักจะแฝงตัวอยู่ด้วยเสมอ!
3.4 จากทฤษฎีการกระจายปกติของความน่าจะเป็นที่เป็นโค้งรูประฆัง (Normal Distribution Curve) ทำให้การเปรียบเทียบสมพงศ์ดวงชะตาในภาพรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักเกณฑ์การสมพงศ์ดวงชะตาทั้ง 4 ข้อตามคำสอนของอาจารย์เทพย์ฯ สามารถนำมาใช้ได้ผลในทางปฏิบัติ ทั้งนี้ถ้าการสมพงศ์ดวงชะตาในภาพรวมให้ผลดีหรือร้ายแล้ว โอกาสที่จะเกิดโครงสร้างพระเคราะห์สนธิที่แรงๆไม่ว่าในทางดีหรือร้ายมีโอกาสเกิดขึ้นน้อย การพิจารณาในภาพรวมจึงมักใช้ได้ในทางปฏิบัติ แต่อย่างไรก็ตามการตรวจหาโครงสร้างพระเคราะห์สนธิจากดวงซ้อนดวงอย่างละเอียดจะช่วยให้ได้ทราบเรื่องราวได้ดีขึ้น
4. ดวงชะตาตัวอย่างสำหรับโครงสร้าง แต่งงานช้าหรือไม่ได้แต่งงานเลย
ผู้เขียนได้ขออนุญาตเว็บมาสเตอร์ ใช้ดวงคุณโรจน์ฯเองเป็นดวงตัวอย่างในหัวข้อนี้ คุณโรจน์เกิดเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2505 ปัจจุบันอายุ 46 ปี ยังไม่ได้สมรส จึงถือว่าเข้าข่าย แต่งงานช้าหรือไม่ได้แต่งงานเลย ตามคำสอนของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ในการตรวจสอบจะตรวจสอบด้วยโครงสร้างตามคำสอนของอาจารย์เทพย์ฯทั้ง 10 โครงสร้างที่กล่าวถึง และจะตรวจสอบเปรียบเทียบด้วยโครงสร้างทางโหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนด้วย โดยคุณโรจน์ได้กรุณาวิเคราะห์ดวงตัวเองมาให้ผู้เขียนใช้ประกอบในการพิจารณาด้วย
4.1 การพิจารณาด้วยหลักเกณฑ์ทางนิรายนะ
รูปดวงชะตาคุณโรจน์ ดวงไทย ราศีจักร นวางค์จักร และสมผุสองศาดาวเคราะห์
|
1) หลักเกณฑ์ข้อที่ 1 เสาร์ให้แสงถึงศุกร์ (ตามหลักเกณฑ์ของโหราศาสตร์พระเวทย์ เสาร์ให้แสงเต็มที่ถึงปัจจัยที่สถิตในราศีที่ 10 จากราศีที่เสาร์สถิต)
2) หลักเกณฑ์ข้อที่ 2 ดาวโคจรพักตร์ให้แสงถึงศุกร์ (เสาร์ในดวงชะตาโคจรพักตร์อยู่ด้วย)
3) หลักเกณฑ์ข้อที่ 7 เสาร์ซึ่งเป็นเจ้าเรือนภพที่ 9 ได้รับแสงจากบาปเคราะห์หรือเจ้าเรือนทุสถานะ (หนึ่ง: ราหูเล็งเสาร์, สอง: ได้รับแสงเต็มที่ (เกณฑ์ 8 ของอังคารให้แสงเต็มที่) ซึ่งเป็นทั้งบาปเคราะห์และเจ้าเรือนภพที่ 12 ซึ่งเป็นเรือนทุสถานะ)
4) หลักเกณฑ์ข้อที่ 10 เสาร์อยู่ในเรือนที่ 9 ได้รับแสงจากทั้งบาปเคราะห์และเจ้าเรือนทุสถานะ (ดูข้อ 3))
ดังนั้นถ้าใช้หลักเกณฑ์ตามคำสอนอาจารย์เทพย์ฯ ดวงคุณโรจน์ฯเข้ากับหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ถึง 4 หลักเกณฑ์ จึงเข้าข่ายเป็นดวงชาตาที่แต่งงานช้าหรือไม่แต่งงานเลย
4.2 การพิจารณาด้วยโหราศาสตร์ยูเรเนี่ยน
รูปดวงชะตาคุณโรจน์ ดวงยูเรเนียนพร้อมสมผุสองศาของปัจจัยต่างๆ
|
1) ดาวศุกร์ (ความรัก) ศุกร์เป็นเกษตรและเพ็ญแบบอสุรสนธยาอีกด้วย ที่พออนุโลมเป็นโครงสร้างร้ายได้ก็คือ ศุกร์ = แอดเมตอส มุม 180 องศา ระยะวังกะ 1.องศา 38 ลิปดา และกุมสะท้อนมฤตยู ระยะวังกะ 1 องศา 36 ลิปดา ไม่พบศูนย์รังสีที่ดีและร้ายที่น่าสนใจ (ศูนย์รังสีของพฤหัสกับศุภเคราะห์ และศูนย์รังสีของบาปเคราะห์)
2) คิวปิโด (ครอบครัว) ไม่พบโครงสร้างดีที่น่าประทับใจ พบโครงสร้างร้ายที่น่าสนใจ (อยู่ในศูนย์รังสีของบาปเคราะห์) คือ คิวปิโด = - อังคาร/มฤตยู = - เน็ปจูน/แอดเมตอส = - ฮาเดส/แอดเมตอส
สรุปได้ว่าแนวโน้มเรื่องความรัก คู่ครอง การแต่งงาน มีแนวโน้มไม่แจ่มใส แม้จะไม่ปรากฏโครงสร้างร้ายที่รุนแรงมากนักก็ตาม
3) อาทิตย์/จันทร์ (การสมรส, ชีวิตสมรส) คล้ายๆกับโครงสร้างของคิวปิโด ไม่ปรากฏโครงสร้างดีที่น่าสนใจ แต่ปรากฏโครงสร้างร้ายหลายโครงสร้างได้แก่
อาทิตย์/จันทร์ = มฤตยู/เน็ปจูน (กุมสนิทองศา) = มฤตยู/ฮาเดส (90 องศา) = - เสาร์/เน็ปจูน (90 องศา) = - เสาร์/ฮาเดส 180 องศา
สรุปได้ว่าแนวโน้มสัมพันธ์ภาพกับบุคคลเพศหญิงในเรื่องการครองรักครองเรือน ไม่ดี ในระดับที่ค่อนข้างรุนแรง
4) ตรวจหาโครงสร้าง คนโสด, ไม่แต่งงาน แต่งงานยาก ซึ่งในปัจจุบันเท่าที่ทราบและใช้กันอยู่มีดังนี้ คือ
ก. อาทิตย์ = พฤหัส/เสาร์ คนโสด
พบ พฤหัส+เสาร์-อาทิตย์ = จันทร์ มุม 90 องศา ระยะวังกะ 1 องศา 32 ลิปดา
ข. อาทิตย์/คิวปิโด = แอดเมตอส คนโสด ฤษี พระ
ไม่พบโครงสร้างใดๆ
ค. เสาร์ + พลูโต – คิวปิโด = เน็ปจูน จะเป็นโสดตลอดไป
พบ เสาร์ + พลูโต – คิวปิโด = -เน็ปจูน มุม 135 องศา ระยะวังกะ 1 องศา 24 ลิปดา
ง. อาทิตย์ + จันทร์ – เสาร์ แต่งงานยาก
พบ อาทิตย์ + จันทร์ – เสาร์ = -อาทิตย์ มุม 135 องศา ระยะวังกะ 1 องศา 29 ลิปดา
สรุปว่าพบ 3 โครงสร้างจาก 4 โครงสร้าง ระยะวังกะประมาณไม่เกิน 1 องศา 30 ลิปดา อนุโลมได้ว่ามีโครงสร้างที่ทำให้เป็นโสดหรือแต่งงานยากอยู่หลายโครงสร้าง แม้ว่าแต่ละโครงสร้างจะมีระยะวังกะมากไปบ้าง แต่ก็สามารถแสดงผลได้
4.3 สรุปผลการอ่านดวงชะตาตัวอย่าง
1) หลักเกณฑ์ทางนิรายะนะที่กล่าวถึงในบทความนี้ชี้ชัดเจนว่า เจ้าชะตาอยู่ในข่าย แต่งงานช้าหรือไม่ได้แต่งงาน
2) การพิจารณาด้วยหลักเกณฑ์ทางยูเรเนี่ยนชี้ในระดับหนึ่ง ว่าเจ้าชะตายอยู่ในข่ายแต่งงานช้าหรือไม่ได้แต่งงานเลย
3) โดยสภาพข้อเท็จจริงเจ้าชะตาแต่งงานช้าแน่นอนอยู่แล้ว ประเด็นที่น่าสนใจสืบเนื่องต่อไปคือ เจ้าจะชะตาจะได้แต่งงานหรือไม่ และถ้าได้แต่ง เมื่อใด ? อย่างไรก็ดีหากจะกล่าวถึงประเด็นสืบเนื่องนี้ต่อไปในบทความตอนนี้ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่งในทางโหราศาสตร์ ก็จะทำให้เนื้อหายืดยาวออกไป และจะใช้เวลาอีกนานทำให้ไม่สามารถจบบทความในตอนนี้ได้ จึงยังไม่กล่าวถึงประเด็นสืบเนื่องดังกล่าวในตอนนี้
4.4 ข้อพิจารณาอื่นๆ
1) หลักเกณฑ์ในระบบนิรายะนะ มีลักษณะครอบคลุมกว้างกว่าหลักเกณฑ์ทางยูเรเนียนมาก เทียบได้กับตาข่ายจับปลาที่มีขนาดตะแกรงเล็กสามารถร่อนจับปลาได้มากแต่ก็มีข้อเสียคือ จะมีปลาที่จับได้จำนวนหนึ่ง (ซึ่งน่าจะมีจำนวนมาก) มีขนาดเล็กเกินไปหรือเปรียบได้เสมือนกับปืนลูกซองที่โอกาสยิงถูกเป้าหมายมีสูง แต่มีอานุภาพความรุนแรงน้อย สรุปก็คือทายได้ครอบคลุมกว่าแต่โอกาสที่จะทายผิดก็สูงกว่าเช่นกัน
2) หลักเกณฑ์ทางยูเรเนี่ยนมีลักษณะจำเพาะเจาะจงและเฉียบขาดกว่า โดยเฉพาะในเรื่องของการใช้โครงสร้างพระเคราะห์สนธิที่ระยะวังกะ 1 องศา เทียบได้กับการใช้ตาข่ายจับปลาที่มีขนาดตะแกรงใหญ่เกินไป จับได้ปลาจำนวนน้อยกว่าแต่ได้ปลาขนาดที่ต้องการเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีข้อเสียคือปลาจำนวนหนึ่ง (ซึ่งน่าจะมีจำนวนมาก) หลุดรอดออกไปได้ หรือเปรียบได้เสมือนกับปืนไรเฟิ้ลยิงไกลที่ไม่สามารถยิงให้ครอบคลุมเป้าหมายจำนวนมากได้ แต่มีความแม่นยำและมีอานุภาพความรุนแรงสูงสรุปก็คือทายได้ครอบคลุมน้อยกว่าแต่คำทำนายที่ได้จะมีความถูกต้องแม่นยำกว่า
3) หลักเกณฑ์ทางยูเรเนี่ยนนั้นอาศัยพระเคราะห์สนธิเป็นสำคัญ แต่ในปัจจุบันเรายังค้นพบเพียงบางโครงสร้างเท่านั้นที่แสดงถึง การแต่งงานช้า แต่งงานยาก ไม่ได้แต่งงานเลย หรือจุดแต่งงานต่างๆ การค้นพบจุดอิทธิพลต่างๆที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นจะช่วยให้ประสิทธิภาพในการอ่านดวงชะตาดีขึ้น
4) การใช้หลักเกณฑ์ทั้งสองร่วมกัน และการประยุกต์หลักเกณฑ์นิรายนะไปใช้ในระบบยูเรเนี่ยน น่าจะช่วยให้การพยากรณ์ครอบคลุ้มกว้างขึ้น และก็ถูกต้องแม่นยำมากขึ้นด้วย
5) หลักสำคัญคือต้องระลึกไว้เสมอว่า โหราศาสตร์เป็นเพียงเครื่องชี้กรรมเก่าเท่านั้น ยังมีกรรมใหม่ในชาตินี้ที่มนุษย์แต่ละคนเป็นผู้ลิขิตชีวิตของตนเอง ดังนั้นผลการวิเคราะห์ดวงชะตาเพียงชี้บอกแนวโน้มความยากง่ายในเรื่องนั้นๆเท่านั้น ยังไม่ใช่ผลสรุปชี้ขาดแต่อย่างใด ยกตัวอย่างเช่น แม้จะมีโครงสร้างทางโหราศาสตร์บอกชัดเจนว่า แต่งงานช้าหรือไม่ได้แต่งงานเลย ผลสรุปทางโหราศาสตร์ดังกล่าวถ้าพิจารณาด้วยกฎแห่งกรรมในศาสนาพุทธ จะเป็นเพียงเครื่องชี้บอกว่าผลของกรรมเก่าในอดีตชาติชี้บอกว่าเจ้าชะตา “แต่งงานช้าหรือไม่ได้แต่งงานเลย” แต่กรรมใหม่ที่เกิดขึ้นในชาตินี้ย่อมสามารถแก้ไขป้องกันหรือลดโทษของกรรมเก่าลงได้ หรือในขณะเดียวกันก็อาจซ้ำเติมโทษทุกข์ของกรรมเก่าให้รุนแรงยิ่งขึ้นไปอีกก็ได้
5. ข้อสังเกตในเรื่อง “อกหัก รักที่ไม่สมหวัง”
ในบรรดาประเด็นสำคัญต่างๆที่เกี่ยวข้องกับความรักและคู่ครองนั้น ผู้เขียนมีความเห็นว่าเรื่องของความรักที่ไม่สมหวัง เป็นประเด็นที่สำคัญและควรจะให้ความสนใจมากที่สุด เนื่องจากสามารถนำความสูญเสีย และหรือความเสียหายมาให้กับเจ้าชะตาและบุคคลรอบข้างได้เป็นอันมาก ในหลายกรณีอาจถึงชีวิตก็ยังได้! ดังที่ปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยๆทั้งรอบตัวเราในชีวิตประจำวันและพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ต่างๆเป็นระยะๆ จากประสบการณ์ผู้เขียนพบว่า ส่วนใหญ่ของคนหนุ่มสาวในวัยศึกษาเล่าเรียนที่มีผลการเรียนตกต่ำอย่างฮวบฮาบทันที หรือบางรายก็ถึงกับพ้นสภาพการเป็นนิสิตนักศึกษานั้นมีสาเหตุมาจากความผิดหวังในความรักเช่นกัน เพื่อนผู้เขียนคนหนึ่งซึ่งใช้ชีวิตในวัยหนุ่มในยุโรปอยู่หลายปีและสำเร็จการศึกษาจากที่นั่น เคยแสดงความเห็นกับผู้เขียนเช่นเดียวกันว่า สาเหตุส่วนใหญ่ของความล้มเหลวในการศึกษาของคนหนุ่มสาวในการศึกษาเล่าเรียนที่นั่น ก็มีสาเหตุมาจากความรักที่ไม่สมหวังเช่นกัน คนที่ไม่ประสบกับตัวเองก็มักจะตำหนิติเตียนคนเหล่านี้ว่า โง่ ขาดสติ สมน้ำหน้า อะไรทำนองนี้ ซึ่งไม่น่าจะถูกต้อง เพราะเรื่องแบบนี้ว่ากันว่าถ้าไม่เจอกับตัวเองก็ยากที่จะเข้าใจได้ อย่าว่าแต่ผู้คนธรรมดาๆทั่วๆไปเลยครับ แม้แต่กษัตริย์อาเธ่อร์ที่เป็นวีรบุรุษในอุดมคติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษ (บทความเรื่อง สุภาพบุรุษยอดอัศวิน) ก็ยังถึงกับสิ้นพระชนม์และนครคาเมล็อตของพระองค์ต้องล่มสลายลงจากสาเหตุรักที่ไม่สมหวังเช่นกัน
ในทางโหราศาสตร์นั้นไม่ว่าจะเป็นโหราศาสตร์ตะวันออกหรือตะวันตก มีความเห็นตรงกันว่า การเกิดเหตุการณ์สำคัญใดๆในชีวิตนั้น ในพื้นดวงชะตาจะต้องมีโครงสร้าง นั้นปรากฏอยู่แล้วเท่านั้น เพราะถ้าไม่ปรากฏมีโครงสร้างเดิมอยู่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียงผลจากดาวเคราะห์จรเท่านั้น ซึ่งย่อมไม่รุนแรงแต่อย่างใด ดังนั้นถ้าเราสามารถตรวจทราบจากดวงชะตาได้ก่อนว่าเจ้าชะตามีโครงสร้างร้ายในเรื่อง “อกหัก รักที่ไม่สมหวัง อย่างรุนแรง” อยู่ในพื้นดวงชะตา ก็ย่อมสามารถดำเนินการเพื่อป้องกันและหรือบรรเทาผลร้ายจากเรื่องดังกล่าวได้บ่างไม่มากก็น้อย ซึ่งย่อมดีกว่าปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินไปตามยถากรรม
จากประสบการณ์พบว่าโครงสร้าง 10 ประการตามคำสอนของท่านอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร และโครงสร้างจุดอิทธิพล เป็นโสด แต่งงานยาก ในยูเรเนี่ยนนั้นสามารถนำมาใช้ในการพยากรณ์ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามมีข้อน่าสังเกตว่าส่วนใหญ่เจ้าชะตาในกรณีต่างๆดังกล่าวเป็นไปตามคำพยากรณ์คือ แต่งงานช้า หรือไม่ได้แต่งงานเลย แต่ไม่ค่อยพบ “อกหัก รักไม่สมหวัง” ที่รุนแรงถึงเป็นถึงตาย กรณีอกหัก รักไม่สมหวังที่รุนแรงที่เคยพบเกือบทั้งหมดล้วนมีโครงสร้าง ศุกร์ได้รับแสงจากบาปเคราะห์ เสาร์ หรือ เน็ปจูน ฯลฯ ดัวยตำแหน่งสัมพันธ์ทางองศาที่สนิทองศาทั้งสิ้น!! ดังเช่นดวงชะตาตัวอย่างบางดวงที่น่าสนใจ (เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าชะตา จึงแสดงได้เพียงข้อมูลบางส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถเข้าใจสัมพันธภาพระหว่างปัจจัยโหราศาสตร์ที่กล่าวถึงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงได้) ดังต่อไปนี้
ตัวอย่างที่ 1 ชายผู้พ่ายรัก 1
เมอริเดียน กันย์ ลัคนา ธนู อาทิตย์ 6.47 ธนู
จันทร์ เมษ ราหู 11.41 กันย์ พุธ 17.44 พิจิก
พฤหัส 6.38 มังกร ศุกร์ 16.26 มังกร เสาร์ 15.56 มังกร
พบกันเมื่อหลายสิบปีก่อน เป็นคนหนุ่มที่ขยันขันแข็ง ความรู้ความสามารถดี ซื่อสัตย์สุจริต (อย่างน่าชื่นชม) รูปร่างหน้าตา บุคลิก ฐานะการงานการเงินดี ผู้เขียนได้ฟังมาว่าในงานเลี้ยงวันปีใหม่ที่บริษัทเขาจัดขึ้น เขากินเหล้าเมาจนไม่ได้สติและเพ้อถึงแต่เรื่องรักที่ไม่สมหวัง ภายหลังต่อมาเมื่อมีโอกาสพบกันจึงได้ขอดวงมาดู ปรากฏว่าพบ เสาร์กุมศุกร์ สนิทองศา!
รายนี้เนื่องจากเป็นการพบกันในช่วงสั้นๆ ของการประสานงาน และไม่ได้มีการติดต่อกันอีก จึงไม่ทราบเรื่องราวต่อไปของเขา และก็ไม่ได้ให้คำแนะนำอะไรด้วย
ตัวอย่างที่ 2 ชายผู้พ่ายรัก 2
เมอริเดียน เมษ ลัคนา กรกฎ อาทิตย์ 16.19 พจ
จันทร์ ธนู ราหู 18.33 มก พุธ 9.12 ธนู
พฤหัส 6.20 มังกร ศุกร์ 10.32 ตุล เสาร์ 19.24 มิถุน
กรณีนี้ทำให้ผู้เขียนหวนคิดถึงกรณีที่ 1 และเห็นทุกข์โทษของโครงสร้าง เสาร์/ศุกร์ ชัดเจนยิ่งขึ้นอีก เจ้าชะตาเป็นคนเฉลียวฉลาด ทำงานเก่ง ผู้เขียนได้ทราบมานานแล้วว่า มีงานเลี้ยงที่ไหนเขาเป็นต้องเมาไม่รู้เรื่องไปทุกครั้ง ต่อมาเขาทราบว่าผู้เขียนมีความรู้ทางโหราศาสตร์จึงได้มาพบและขอให้ช่วยดูดวงให้ ปรากฏว่าในดวงของเขา เสาร์สะท้อนตั้งฉากกับศุกร์สนิทองศา ด้วยระยะวังกะ 4 ลิปดาเท่านั้น ขณะนั้นศุกร์จรทั้งไดเร็คชั่น และทรานสิทก็กำลังถึงจุดเจ้าชะตาต่างๆหลายจุดพร้อมกัน ผู้เขียนบอกเขาว่าเขากำลังมีความรักอยู่แต่ที่ผ่านมาไม่มีสัญญาณใดๆเลย ว่าจะประสบความสำเร็จ และเขาจะต้องผิดหวังอย่างแน่นอนอีกด้วย พร้อมทั้งเตือนเขาไปว่า เขามีโอกาสน้อยมากที่จะได้ผู้หญิงที่เขารักไปแต่งงานด้วย ทางแก้ของเขาคือให้แต่งงานกับคนที่เขาไม่ได้รู้สึกรัก หรือจะเป็นการแต่งงานแบบที่ผู้ใหญ่จัดหาให้ก็ได้ โดยผู้เขียนได้กำหนดช่วงเวลาที่ดาวพฤหัสให้ผลดีกับเรือนที่ 7 ของเขาไปหลายช่วงเวลา และก็บอกด้วยว่าถ้าแต่งไปแล้วเกิดรักขึ้นมาก็ให้แก้เคล็ดด้วยการจดทะเบียนหย่าเสีย แล้วก็แยกห้องนอนกัน เขายอมรับว่าขณะนั้นเขากำลังไปรักชอบติดพันผู้หญิงคนหนึ่งแต่สัญญาณไม่ดีเลย แต่เขาพูดในทำนองว่าไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของผู้เขียน หลังจากนั้นมานานๆทีเขาก็จะมาหาผู้เขียนครั้งหนึ่ง พร้อมกับมีเรื่องราวของผู้หญิงคนใหม่ที่กำลังไปรักชอบอยู่ ผู้เขียนก็บอกทุกครั้งว่าโอกาสสำเร็จน้อยมาก เพราะในดวงชะตาเขานั้นถ้าเกิดความรัก (ดาวศุกร์ทำงานเมื่อใด) ความผิดหวังและความทุกข์ก็จะมาพร้อมกัน (ดาวเสาร์) และแนะนำให้เขาทำใจและหาวิธีอื่นตามที่แนะนำไปดีกว่า ในครั้งสุดท้ายที่เขามาหาผู้เขียนนั้นปรากฏว่าเขาผิดหวังจากผู้หญิงคนล่าสุด และได้ไปกินเหล้าเมาจนหกล้มแข้งขาหักต้องใส่เหล็กดามไว้กลายเป็นคนพิการไปอีกด้วย!!!
ตัวอย่างที่ 3 สวยเลือกไม่ได้ (ก็มี)? !
เมอริเดียน มก ลัคนา มษ อาทิตย์ 19.57 มษ
จันทร์ มก ราหู 24.21 ตล พุธ 9.13 พค
พฤหัส 1.15 มถ ศุกร์ 14.04 มษ เสาร์ 9.57 สห
ดวงนี้ ลัคนา อาทิตย์ ศุกร์ สถิตในเรือนที่ 1 ในขณะที่จันทร์สถิตอยู่กลางฟ้าในเรือนที่ 10 ทำให้เจ้าชะตาเป็นผู้หญิงสวย (อาทิตย์ ศุกร์ ลัคนา กุมกันในเรือนที่ 1) และงดงาม (จันทร์ในเรือนที่ 10 เป็นตำแหน่งที่จันทร์มีอิทธิพลกล้าแข็ง) กล่าวได้ว่าเจ้าชะตาสวยด้วยอิทธิพลของทั้งจันทร์และศุกร์ (ดูรายละเอียดในท้ายบทความเรื่อง “สุภาพบุรุษยอดอัศวิน”) แต่เจ้าชะตาไม่เคยสมปราถนาในเรื่องผู้ชายและความรักเลย มีผู้ชายจำนวนมากมารักชอบติดพันตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น เคยมีความรักและมีแฟนมาหลายคนมากแต่ไม่เคยไปได้ตลอดรอดฝั่งจนถึงขั้นแต่งงานได้ โครงสร้างร้ายที่พบคือ อังคารสะท้อนกุมศุกร์สนิท ระยะวังกะ 19 ลิปดา เน็ปจูนทำมุม 90 องศา ระยะวังกะเพียง 4 ลิปดาเท่านั้นกับ ศุกร์กำเนิด (เน็ปจูน = -อังคาร = ศุกร์) แปลความหมายว่า กิจกรรมทางความรักที่ประสบแต่ความผิดหวัง ผิดพลาด และหลงผิด ฯลฯ
ตัวอย่างที่ 4 นางฟ้าไร้คู่ (ก็มีอีกเหมือนกัน)? !
เมอริเดียน ธน ลัคนา มน อาทิตย์ 19.57 มษ
จันทร์ พษ ราหู 11.53 มก พุธ 12.40 ตล
พฤหัส 24.23 กฏ ศุกร์ 8.44 พจ เสาร์ 6.30 พจ
ดวงนี้ศุกร์ทำมุม 45 องศากับอาทิตย์ เพ็ญแบบอสุรสนธยา เจ้าชะตาเป็นผู้หญิงสวยมากคนหนึ่ง ชาติตระกูล การศึกษา หน้าที่การงาน ฐานะทางบ้าน กริยามารยาท นิสัยใจคอ ดีพร้อมสมบูรณ์แบบทุกประการ (กระทบไหล่ไฮโซเมืองไทยได้สบายๆ) ไม่เคยมีแฟน มีผู้ชายมาชอบพอหลายคนตั้งแต่ยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย แต่ไม่เคยมีคนที่ถูกใจ คนที่ถูกใจที่พบก็พบในเวลาและสถานที่ที่ไม่อาจจะสร้างความรักที่นำไปสู่การแต่งงานได้ จึงไม่ได้แต่งงานจนกระทั่งบัดนี้ เจ้าชะตาไม่เคยมีแฟนไม่เคยมีคนรัก จึงไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นกรณี “อกหัก รักไม่สมหวัง” ที่รุนแรงถึงเป็นถึงตาย แต่เจ้าชะตาบอกว่าก็รู้สึกเป็นทุกข์เหมือนกันแต่ไม่ได้รุนแรงอะไร พบโครงสร้างร้ายคือ ศุกร์ = จันทร์/ฮาเดส (มุม 180 องศา) = จันทร์/เสาร์ (มุม 90 องศา) นอกจากนี้พบ เสาร์กุมศุกร์ ระยะวังกะ 2 องศา 14 ลิปดา ซึ่งการไม่กุมสนิทอาจมีส่วนที่ทำให้เจ้าชะตาไม่ถึงกับต้องพบเรื่อง “รักไม่สมหวัง” ที่รุนแรงเหมือนกรณีตัวอย่าง 3 กรณีก่อนหน้านี้
6. สรุป
6.1 หลักเกณฑ์เรื่องปีที่แต่งงานเข้าใจว่าอาจารย์เทพย์ฯท่านนำมาจากคัมภีร์ปาริชาติชาดกของอินเดียโบราณ ซึ่งเป็นคัมภีร์โบราณฉบับสุดท้ายที่บันทึกไว้บนใบลาน และได้รับความเชื่อถือมาก เพราะถือกันว่าเป็นคัมภีร์ที่ได้รับการกลั่นกลองมาแล้วอย่างดีที่สุดจากคัมภีร์ที่เคยมีมาก่อนหน้านี้ทั้งหมด ผู้เขียนเพิ่งจะมาอ่านพบอีกครั้งในตอนที่จะเขียนบทความตอนนี้ และไม่เคยทดลองนำไปใช้ ผู้สนใจคงต้องทดลองนำไปใช้ดูว่าได้ผลมากน้อยเพียงใด
6.2 หลักเกณฑ์การสมพงศ์ดวงชะตา 4 ประการตามคำสอนของอาจารย์เทพย์ฯในบทความตอนนี้ ผู้เขียนคิดว่าเป็นหลักเกณฑ์โดยทั่วไปในการเปรียบเทียบดวงชะตาหญิงชาย ว่ามีความเหมาะสมที่จะครองชีวิตคู่ร่วมกันไปได้ดีหรือไม่ ในระดับภาพรวมโดยทั่วไป ไม่ได้เป็นการเปรียบเทียบถึงระดับ “คู่แท้” หรือ “บุพเพสันนิวาส” ที่เป็นความรักในอุดมคติแต่อย่างใด จึงมีความเหมาะสมในการใช้งานในทางปฏิบัติที่การแต่งงานในชีวิตจริงส่วนใหญ่นั้น เป็นการแต่งงานที่พิจารณาจากความเหมาะสมทางสถานะในสังคมเป็นสำคัญ
6.3 หลักเกณฑ์ที่ชี้บอก “แต่งงานช้า หรือไม่ได้แต่งงานเลย” นั้น จากประสบการณ์พบว่านำไปใช้ได้อย่างค่อนข้างแม่นยำ และสามารถประยุกต์ใช้กับระบบยูเรเนี่ยนได้ด้วย
6.4 หลักเกณฑ์เรื่องดวงพระยาเทครัวนั้น เป็นหลักเกณฑ์ที่คนโบราณเชื่อถือกันมากในการจะรับใครเข้ามาอยู่ในบ้าน คงต้องทดลองนำไปใช้ในทางปฏิบ้ติดูว่าให้ผลอย่างไร
6.5 เมื่อมีโครงสร้าง “แต่งงานยาก หรือไม่ได้แต่งงานเลย” ก็ย่อมต้องมีโครงสร้างที่มาแก้กันได้ทีชี้บอกว่า “ได้แต่งงาน” เช่นกัน ซึ่งจะพูดถึงในโอกาสต่อไป รวมถึงหลักเกณฑ์ต่างๆที่ว่า “ถ้าได้แต่งงาน แล้วจะแต่งเมือไร” อีกด้วย
ชาญชัย เดชะเสฏฐดี
13 กรกฎาคม 2551
----------
ขอ ขอบคุณ ท่านผู้เขียนบทความที่ให้ความกรุณาแก่เว็บไซต์แห่งนี้ อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างทางความคิดย่อมมีได้ และผมขอจำกัดความรับผิดชอบในฐานะเจ้าของเว็บ เท่าที่กฎหมายและกติกาสังคมกำหนด ท่านที่ประสงค์จะร่วมเขียนบทความเช่นนี้ โปรดติดต่อ webmaster@rojn-info.com
