(บทความนี้ตัดต่อจากบทความสองสามเรื่องที่เคยลงไว้ใน http://rojn.blogth.com/Astro)
ในการผูกดวงเพื่อดูดวงทำนายโชคชะตาในวิชาโหราศาสตร์นั้น สิ่งสำคัญที่สุดย่อมไม่พ้นเรื่องวันเวลาเกิด สำหรับโหราศาสตร์ที่อาศัยการผูกดวงตามหลักดาราศาสตร์ ย่อมต้องการทราบสถานที่เกิดด้วย เคยเขียนไว้ในบทความหนึ่งว่า
เวลาเกิดของดวงคน หรือดวงเมือง หรือดวงอะไรก็แล้วแต่ พอจะแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ
1. วันเวลาที่ถูกต้องจริงแท้แน่นอนเป็นสัจจธรรม พูดตามแบบศาสนาที่เชื่อพระเจ้าก็ต้องบอกว่า "พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงทราบ"
2. วันเวลาที่มีการจดบันทึกหรือบอกเล่า ซึ่งถ้าใกล้เคียงกับเวลาแบบแรกก็ดีไป ปัญหาคือ ไม่เที่ยงตรงแน่นอนเสมอไป เช่น หมอสูติกว่าจะนึกได้ว่าต้องจดเวลาก็ต่อเมื่อเสร็จเรื่องอื่นของท่านแล้ว พ่อแม่ไปแจ้งเกิดช้า คำบอกเล่าหรือบันทึกไม่ชัดเจน รู้แค่ "พระบิณฑบาต" หรือในกรณีดวงเมืองกรุงเทพฯ คือ "รุ่งแล้วเก้าบาท" ฯลฯ
3. วันเวลาที่มีการตรวจสอบปรับแก้โดยนักโหราศาสตร์ ซึ่งความถูกต้องจะขึ้นอยู่กับหลักวิชาที่ใช้ ทักษะและประสบการณ์ของผู้ปรับแก้ ข้อมูลประกอบการปรับแก้มีความครบถ้วนสมบูรณ์เพียงใด ฯลฯ
ในวงการโหราศาสตร์เคยมีข้อถกเถียงกันว่า แล้วเวลาเกิดของคนนั้น จะยึดถือตามอะไร เวลาออกจากครรภ์เป๊ะ เวลาเริ่มร้อง เวลาตัดสายสะดือ หรือเวลาอะไร หรืออย่างกรณีองค์กร สมาคมบริษัท หรือพรรคการเมือง ฯลฯ จะถือเอาเวลาที่จดทะเบียน หรือเวลาเริ่มทำการ หรือเวลาอะไรเป็นดวงขององค์กรนั้นๆ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าที่ผมจะชี้แจงได้ในเวลานี้ คงต้องอาศัยการค้นคว้ากันอีกมาก
หากพอทราบจากการจดบันทึกไม่ว่าจะระบุเวลาไว้ชัดหรือทราบคร่าวๆ ว่าเวลาประมาณกี่โมง นักโหราศาสตร์ที่พิถีพิถัน จะสามารถใช้การสอบประวัติเจ้าชะตาว่าในจังหวะเวลาที่เกิดเหตุการณ์สำคัญในชีวิตแต่ละอย่างนั้น ปัจจัยไหนในดวงชะตาทำงานอย่างไร แล้วปรับแก้เป็นเวลาตามข้อที่ 3 ได้
ปัญหาที่พบบ่อยๆ คือ รู้แต่วันเดือนปีที่เกิด แต่ไม่ทราบเวลาเลย มีสาเหตุทั้งจากการละเลยไม่ได้จดบันทึกเลย หรือกรณีเป็นดวงบุคคลที่สามที่เราไม่อาจสืบเสาะได้จริงๆ ว่า เกิดเวลาเท่าไหร่ ไม่รู้กระทั่งว่าประมาณกี่โมง ที่พบบ่อยคือดวงนักการเมือง ซึ่งกลัวจะถูกผู้อื่นนำดวงไปทำมิดีมิร้าย ฯลฯ หากเป็นไปได้แล้ว วิธีที่ดีที่สุดคือหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชีวิตของเจ้าชะตา และพยายามปรับเวลาเกิดตามหลักวิชาดังกล่าวข้างต้น
แต่บ่อยครั้งก็ต้องแก้ปัญหากันเฉพาะหน้า เพราะต้องรีบตัดสินใจบางอย่าง หรือเป็นบุคคลที่สามที่ไม่ทราบประวัติจริงๆ ฯลฯ แนวทางที่นักโหราศาสตร์สากล/ยูเรเนียนใช้กัน คือการผูกดวงขึ้น ณ เวลาเที่ยงวัน แล้วพิจารณาอาทิตย์เป็นหลัก โดยมองข้ามปัจจัยที่ต้องอาศัยความแน่นอนของเวลาเกิด เช่น เมอริเดียน ลัคนา และจันทร์ ไปก่อน
ขอยกตัวอย่างจากที่ผมเคยใช้แก้ปัญหามาบ้างแล้วมาเป็นกรณีศึกษา ซึ่งอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดและไม่ใช่สูตรสำเร็จที่จะแก้ปัญหาได้ตลอด แต่เชื่อว่าคงพอจะเป็นแนวทางให้ท่านนำไปปรับใช้หรือศึกษาต่อยอดได้บ้างตามสมควร
กรณีที่ 1 ดวงถึงแก่กรรมด้วย โรคหัวใจวายเฉียบพลัน
เจ้าชะตาเป็นผู้บังคับบัญชาในที่ทำงานผมเอง ทราบวันเกิดจากเพื่อนที่แอบไปขอดูใบ ก.พ.๗ จากเจ้าหน้าที่งานบุคคลอีกที
แนวทางการวิเคราะห์คือ ดูสภาพของอาทิตย์กำเนิด และการจรวี 1 ของอาทิตย์ หรืออาทิตย์บวกโค้งสุริยยาตร์
พื้นดวง อาทิตย์กำเนิด ทำมุมกับ มฤตยู และ อังคารสะท้อน เฉพาะความหมายทางด้านสุขภาพ อาทิตย์+มฤตยู ความหมายหนึ่งคือ เหตุการณ์ฉับพลันทางกาย หัวใจวาย ส่วนอาทิตย์+อังคาร น่าจะมีความหมายในทางความเข้มแข็งทางกาย แต่เมื่อมารวมก้บมฤตยูด้วย จึงอาจตีความไปเสริมกับด้านร้ายของมฤตยู คือ เหตุฉับพลันทางกาย อุบัติเหตุ ฯลฯ ตีความแบบหวยออกแล้ว หมายถึงการมีสุขภาพภายนอกที่แข็งแรง แต่มีเหตุเฉียบพลันคือโรคหัวใจวายแฝงอยู่
ในดวงจร อาทิตย์จรอายุขัยบวกโค้งสุริยยาตร์ หรือวี 1 กำลังเข้ามาสัมพันธ์กับ เสาร์ เนปจูน และแอดเมตอส กำเนิด พอดี เสาร์+เนปจูน โรคเรื้อรัง เนปจูน+แอดเมตอส หมายถึง ยาพิษ แก๊ส การขาดอากาศ ฯลฯ ซึ่งอันที่จริง ดาวร้ายกลุ่มนี้ไม่ได้สัมพันธ์กับอาทิตย์กำเนิด คงมีเพียงุมม 22 ครึ่ง กับจุดเมษ ซึ่งเป็นจุดเจ้าชะตาที่อ่อนหน่อย หากได้เวลาเกิดที่แน่นอนคงทราบเพิ่มเติมว่าดาวกลุ่มนี้มีบทบาทอย่างไรในพื้นดวง เอาเป็นว่าเท่าที่เห็นในช่วงนี้ เป็นช่วงที่ท่านมีปัญหาจากโรคเรื้อรัง ที่ได้ยินต่อๆ กันมาคือคลอเลสเตอรอลสูง
อาทิตย์จรประจำวัน กำลังทำมุม 22 ครึ่ง กับกลุ่มดาวร้าย เสาร์ เนปจูน และแอดเมตอส จันทร์จรสัมพันธ์กับพุธ และฮาเดสสะท้อนในดวงกำเนิด
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ ท่านเสียชีวิตหลังจากการเล่นกีฬาฟุตบอลกับเพื่อนๆ ในช่วงพักครึ่ง ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าก่อนท่านลงสนามเห็นท่านหน้าซีดอยู่ก่อนแล้ว เมื่อลงสนามในช่วงพักครึ่งขณะรับประทานน้ำ ก็เกิดอาการล้มวูบไป เพื่อนๆ พยายามปฐมพยายามและตามแพทย์มา แต่ก็ไม่อาจยื้อชีวิตท่านไว้ได้ น่าเสียดายผู้บริหารที่น่าจะยังทำประโยชน์ให้กับหน่วยงานและสังคมได้อีกมาก รวมถึงความมีอัธยาศัยไมตรีต่อผู้ใกล้ชิด ขอให้ท่านไปสู่สุคติเทอญ
กรณีที่สอง ดวงชายมีปัญหาการเงินมาสองสามปี
เป็นดวงของผู้ถามปัญหาในเว็บบอร์ดรายหนึ่ง คำถามและข้อมูลเท่าที่ได้รับคือ
ชื่อ ชาย เกิดวันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2512 ปีระกา ไม่ทราบเวลาเกิดครับ จ.นนทบุรี
ขอทราบเรื่องการเงินครับ ในช่วง 2-3 ปีนี้ ด้านการเงินไม่ราบรื่นเลยครับ เมื่อไหร่จะผ่านปัญหาเครียดๆๆๆ นี้ครับ
แนวทางการวิเคราะห์คือดูว่ามีดาวเคราะห์จรใดทำมุมกับอาทิตย์กำเนิดอยู่บ้าง คำตอบของผมในกระทู้คือ
ขอเริ่มด้วยศัพท์แสงโหรสักนิดก่อนนะครับ คือดวงนี้ผมเสียเวลากับการคลำปัญหาจากพื้นดวงซึ่งไม่รู้เวลาแน่นอน กับการดูอาทิตย์จรอายุขัยอยู่พักใหญ่ๆ ที่สุดมาพบว่าแอดเมตอสจรทำมุม 45 องศากับอาทิตย์กำเนิดอยู่ จึงมาปิ๊งไอเดียว่าแอดเมตอสอยู่ในกลุ่มดาวทิพย์ที่เคลื่อนที่ช้ามาก ที่เจ้าชะตาบอกว่ามีปัญหามา 2-3 ปี นั้นอาจมาจากแอดเมตอสนี้เอง ลองหาการเคลื่อนที่ของแอดเมตอสที่สัมพันธ์กับอาทิตย์กำเนิด ได้ผลดังนี้
(ภาพการคำนวณจากโปรแกรม Solarfire)
ปัญหาน่าจะเริ่มมีเค้ามาแต่ปี 2546 จากนั้นพอดีจังหวะอาทิตย์จรวี1เริ่มสัมพันธ์กับฮาเดสสะท้อน ก็เริ่มเกิดปัญหา น่าจะพ้นปัญหาโดยสิ้นเชิงในราวต้นปี 2552 ซึ่งแอดเมตอสจรพ้นอาทิตย์ไปโดยสมบูรณ์ กับอาทิตย์วี1 พ้นมุมสัมพันธ์ฮาเดสจริงไปแล้ว แต่ในช่วงนี้ซึ่งอาทิตย์จรวี1ยังทำมุมกับราหู พุธสะท้อน และพฤหัสนั้น ก็น่าจะเป็นช่วงที่มีโชคจากการเจรจาติดต่อบางอย่างมาผ่อนคลายปัญหาลงได้บ้างครับ
สรุปเป็นภาษาชาวบ้านคือ จากการวิเคราะห์คร่าวๆ โดยไม่รู้เวลาเกิด คาดว่าในช่วงนี้ปัญหาน่าจะผ่อนคลายลงได้บ้าง จากการเจรจาติดต่อ และน่าจะจบโดยสิ้นเชิงในราวต้นปี 2552 ครับ
กรณีที่สาม นายกรัฐมนตรีจะพ้นตำแหน่งหรือไม่
ดวงนี้คือดวงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั่นเอง อันที่จริงในวงการโหราศาสตร์ได้พยายามปรับดวงชะตากันไปต่างๆ ว่าน่าจะเกิดเวลานั้นเวลานี้ บังเอิญมีผู้รู้รายหนึ่งปรับเวลาไว้ที่เวลาเที่ยงกับเศษๆ อีกนิดหน่อย ใกล้เคียงกับที่นิยมใช้เป็นเที่ยงวัน จึงขอผูกดวงตัวอย่างตามเวลาที่สันนิษฐานไว้ แต่จะยังไม่ขอสรุปว่าจะต้องใช่เวลานี้แน่นอน
แนวทางการวิเคราะห์คือ ดูสภาพของอาทิตย์กำเนิด และการดูปรากฏการณ์ของดาวจรในวันเกิด
ไม่ว่าท่านจะเกิดเวลาใด วันที่ท่านเกิดนั้นมีปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่ค่อนข้างสำคัญ คือเป็นทั้งวันจันทร์ดับ หรืออมาวสี หรือในแบบชาวบ้านคือวันคืนเดือนแรมมืดสนิท กับเป็นวันที่ดาวพุธกำลังกุมกับอาทิตย์ ที่โหราศาสตร์บางสายเรียกว่าเป็น "พุธดับ" และอธิบายเลยเถิดไปในทำนองว่าในดวงเหมือนไม่มีดาวพุธ แต่ในที่นี้ผมหมายความเพียงแค่ว่าการที่พุธมีอิทธิพลแรง ซึ่งอาจดีหรือร้ายก็ได้
การมี "จันทร์ดับ" ยังไม่เท่าไหร่ ตามเวลาที่ประมาณกันไว้ เป็นช่วงเวลาหลังจันทร์ดับจริงๆ หลายชั่วโมง หรือคิดเป็นระยะห่างจากจันทร์ถึงอาทิตย์ร่วม 5-6 องศาเข้าไปแล้ว
แต่เรื่อง "พุธดับ" นั้น มีวังกะไม่ถึง 1 องศา เมื่อเช็คมุมเท่าของ 45 องศาแบบยูเรเนียนแล้ว อาทิตย์และพุธยังไปทำมุมกับเนปจูนอีกต่างหาก
คัมภีร์สูตรพระเคราะห์สนธิ ให้ความหมายของดาวชุดนี้ไว้ทั้งทางดีและร้ายเอาไว้ว่า
อาทิตย์+พุธ-เนปจูน
ความดลใจ นักประพันธ์ ความคิดคลุมเครือ, เชื่อถือไม่ได้, เพ้อฝัน ไม่อยากเคลื่อนไหว อิริยาบท หลอกลวง คดโกง
ที่จริงยังมีองค์ประกอบอื่นอีกมากมายเกินกว่าจะกล่าวในที่นี้ได้
ในด้านหนึ่ง ท่านก็สามารถสร้างฐานะความร่ำรวยขึ้นมาจากธุรกิจด้านการสื่อสารตามความหมายของดาวพุธ ส่วนจะเป็นวิธีที่ชอบธรรมหรือไม่เพียงใดก็แล้วแต่จะวิจารณ์
อีกด้านหนึ่งก็รู้สึกท่านจะขยันพูดในสิ่งที่ย้อนกลับมาเป็นปัญหากับชีวิตท่านเองเหลือเกิน
ครั้งหนึ่ง คำพูดของท่านกล่าวถึง "ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ" ที่ฮือฮากันไปทั้งเมืองนั่นแหละ
วิกฤตครั้งนี้ทำให้นึกถึงคำพูดของอดีตนายกรัฐมนตรีอีกท่านหนึ่ง คือ พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ ที่ว่า "ก่อนพูดเราเป็นนายมัน พอพูดแล้วมันเป็นนายเรา"
กลับมาประเด็นทางโหราศาสตร์อีกที ในช่วงใกล้วันเกิดของท่านปี 2549 นี้ ก็มาตรงกับวันจันทร์ดับหรืออมาวสีเข้าให้ คือ วันที่ 25 กรกฎาคม 2549 เวลา 11.30.47 น.
เวลาเกิดของท่านอาจไม่แน่นอนพอที่จะผูกดวงทินวรรษออกมาได้ชัดๆ แต่โดยปกติแล้ว ผู้ที่มีวันอมาวสีทับวันเกิดหรือทับอาทิตย์กำเนิดแบบนี้ มักจะเป็นช่วง "ดวงตก" อาการหนักมากน้อยแค่ไหน หรือเพราะอะไรก็ต้องดูกันเป็นกรณีไป
กรณีดวงท่านนายกฯ ที่มีอาทิตย์สัมพันธ์กับพุธและเนปจูนเช่นที่กล่าวมาแล้วนี้ ย่อมไม่แคล้วความเดือดร้อนเพราะปากนั่นเอง
ผลคือท่านต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเนื่องจากการปฏิวัติขณะกำลังเดินทางไปเยือนต่างประเทศ ในวันที่ 19 กันยายน 2549
สรุปแนวทางในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเมื่อไม่รู้เวลาเกิดเลย คือ การผูกดวง ณ เวลาเที่ยง (หากพอทราบกว้างๆ ว่าเป็นช่วงเวลาอื่นก็ปรับเปลี่ยนได้) แล้วพิจารณาสถานภาพของอาทิตย์เป็นหลัก โดยดูตั้งแต่พื้นดวง ดวงจรอายุขัย ไปจนถึงดวงจรปัจจุบัน เช่นเดียวกับการดูดวงทั่วไปนั่นเอง เพียงแต่จะไม่นำปัจจัยที่ขึ้นอยู่กับเวลาเกิดที่แน่นอน คือ เมอริเดียน อาทิตย์ และจันทร์ มาพิจารณาด้วย ทั้งนี้อาจใช้ปัจจัยอื่นๆ นอกจากอาทิตย์ และเกี่ยวข้องกับ "กรรม" ของเจ้าชะตา เช่น ใช้จุดเมษ อันอาจหมายถึงความนิยมของประชาชน เพื่อพิจารณาโอกาสที่จะได้รับการเลือกตั้ง ซึ่งผู้ใช้นามแฝงว่า OldMan เคยใช้ในการทายผลการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ปี 2547 มาแล้ว ขอให้ศึกษาจากหัวข้อ ผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่ากรุงเทพฯ 2547 ใน คัดสรรจากกระทู้เก่า ครับ