ตำราโหราศาสตร์ (ทุกระบบ ทุกสำนัก) มักจะกล่าวในทำนองนี้เสมอว่า ดาวบาปเคราะห์ถ้าหากอยู่ในโครงสร้างที่ดีก็สามารถให้ผลดีได้ ปัญหาใหญ่ก็คือ แล้วอย่างไรที่เรียกว่า "อยู่ในโครงสร้างดี"
ผมคิดว่าประการแรกคงต้องตีความตรงนี้ก่อนว่า การที่ดาวบาปเคราะห์สามารถให้ผลดีได้นั้น หมายความว่า ดาวบาปเคราะห์นั้นแม้จะให้ผลดีได้ แต่ (ส่วนใหญ่) ผลร้ายก็ยังคงให้อยู่ ไม่ใช่หมายความว่าดาวบาปเคราะห์นั้นกลับกลายเป็นให้ผลดีโดยไม่ให้ผลร้ายเลย (อาจยกเว้นบางกรณีเช่น พฤหัสให้แสงถึงอังคาร และโครงสร้างพระเคราะห์สนธิของอังคารนั้น ปราศจากอิทธิพลของบาปเคราะห์อื่นทั้งสิ้น แม้กระทั่งศูนย์รังสีที่มีบาปเคราะห์เป็นแขนดาวก็ไม่มี และอังคารไม่อยู่ในทุสถานะภพด้วย)
คำว่า "อยู่ในโครงสร้างที่ดี" ผมจึงคิดว่าน่าจะหมายถึง การที่โครงสร้างพระเคราะห์สนธิที่มีบาปเคราะห์นั้นเป็นแกนดาวไม่มีอิทธิพลของบาปเคราะห์อื่นอยู่ด้วยเลย แม้กระทั่งศูนย์รังสีที่มีบาปเคราะห์อื่นเป็นแขนดาวก็ไม่มี และควรจะมีศุภเคราะห์อยู่ในโครงสร้างพระเคราะห์สนธินั้นมากๆโดยเฉพาะพฤหัส นอกจากนี้เนื่องจากภพที่สถิตก็ถือเป็นปัจจัยทางโหราศาสตร์อย่างหนึ่ง ดังนั้นบาปเคราะห์นั้นไม่ควรสถิตในทุสถานะภพ (6, 8 และ 12) ด้วย
ถ้าใช้หลักเกณฑ์โหราศาสตร์คลาสสิคเข้ามาประกอบในการพิจารณา บาปเคราะห์นั้นควรสถิตในราศีที่เป็นเกษตรหรืออุจ เพราะถือว่าบาปเคราะห์สถิต่ในราศีเกษตรหรืออุจ จะให้คุณและไม่ให้โทษ
จากที่กล่าวข้างต้นมีข้อควรสังเกตคือ แม้ตัวบาปเคราะห์จะสามารถให้คุณได้ เมื่อพิจารณที่ตำแหน่งขอบาปเคราะห์นั้น แต่เมื่อพิจารณาที่ปัจจัยที่มาสัมพันธ์ถึงบาปเคราะห์นั้น ไม่ว่าจะเป็นภพที่บาปเคราะห์สถิต ปัจจัยเดี่ยว ศูนย์ร้งสี หรือจุดอิทธิพล ที่มาสัมพันธ์ถึงบาปเคราะห์นั้น ปัจจัยต่างๆดังกล่าวย่อมได้รับบาปผลจากอิทธิพลของบาปเคราะห์ทั้งสิ้น (ตามหลักการผสมอิทธิพลเมื่อปัจจัยทางโหราศาสตร์สัมพันธ์ถึงกัน) ยกเว้นในกรณีที่ปัจจัยนั้นๆมีสภาพเป็น "คู่สมพล" ของบาปเคราะห์ดังกล่าวก็จะสามารถบรรเทาผลร้ายลงได้หรือถึงขนาดกลับกลายเป็นให้คุณได้ เมื่อพิจารณาตรงตำแหน่งปัจจัยนั้น ตามแต่สถานะของ "คู่สมพล" ที่เกิดขึ้น ณ จุดนั้นๆ
|