(จากบทความเก่าของผู้เขียนที่เคยลงใน พยากรณ์สาร ปีที่ 13 ฉบับที่ 7 ประจำเดือนมีนาคม พ.ศ.2535 หน้า 69-72
ในการนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้งานในวงการใดก็ตาม ย่อมเป็นที่หวาดเกรงกันอยู่เสมอว่าเจ้าเครื่องมืออันมีประสิทธิภาพนี้จะทำให้คนต้องตกงานไปตาม ๆ กัน ซึ่งในวงการธุรกิจและอุตสาหกรรมก็มีแนวโน้มจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เสียด้วย สำหรับในวงการโหราศาสตร์ทั้งไทยและต่างประเทศก็มีการคาดการณ์และหวาดระแวงกันมาบ้างแล้วว่าคอมพิวเตอร์อาจจะเข้ามาทำงานพยากรณ์จนนักโหราศาสตร์ต้องตกงานกันเป็นแถว หรืออย่างดีหน่อยก็จะกลายเป็นแค่คนที่มีความรู้เพียงแค่การกดปุ่มเพียงไม่กี่ปุ่มเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนเองเห็นว่าเรายังไม่อาจและยังไม่ควรที่จะสร้างให้คอมพิวเตอร์มีความสามารถถึงขนาดนั้น เพราะมีทัศนะว่าคอมพิวเตอร์เป็นเพียงเครื่องมือที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อช่วยงานบางอย่างที่เราอาจจะทำได้แต่จะต้องสิ้นเปลืองเวลาและความคิดโดยใช่เหตุ ในกรณีของนักโหราศาสตร์นั้น เชื่อว่าใคร ๆ ก็จะต้องถูกฝึกให้ผูกดวงเองเป็นมาตั้งแต่เริ่มเรียนทีแรกแล้ว แต่เมื่อถึงระดับหนึ่งก็อาจจะต้องการเครื่องมือมาช่วยแบ่งเบาภาระอันนี้ เพื่อสงวนเวลาและความคิดไว้สำหรับการพยากรณ์เพียงอย่างเดียว เปรียบเสมือนการที่ผู้จัดการจะใช้ให้เลขาช่วยร่างหนังสือโต้ตอบให้ ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้จัดการแกจะทำงานนั้นเองไม่เป็น แต่คนระดับท่านไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะต้องทำงานเช่นนั้นเองต่างหาก จึงต้องแบ่งงานบางส่วนให้เลขาทำ ไม่ใช่นั่งบ้าทำเองทุกอย่างเสียคนเดียว หรือปล่อยให้คนอื่นทำหมดทุกอย่างจนตัวเองไม่ต้องทำอะไรในที่นี้เราจะลองพิจารณากันว่างานของนักโหราศาสตร์อย่างไหนที่ควรจะแบ่งให้ "เลขา" ช่วยทำอย่างไหนที่ควรจะทำเองต่อไป
1. การผูกดวง งานด้านนี้นับเป็นเรื่องที่ไม่ยากเย็นสำหรับคอมพิวเตอร์เลย เพียงขอให้ผู้ทำโปรแกรมทราบสูตรในการคำนวณที่ถูกต้อง(ไม่ว่าแบบดาราศาสตร์หรือสุริยยาตร์ก็ตาม)เท่านั้นก็จะสามารถสั่งการให้คอมพิวเตอร์คำนวณให้ได้จนถึงองศาลิบดาตรียางศ์นวางศ์ฤกษ์ได้ในชั่วพริบตา รวดเร็วและถูกต้องแน่นอนกว่าการคำนวณมือซึ่งมนุษย์อาจผิดพลาดหลงลืมในบางจุดขณะคำนวณได้เสมอ อย่างไรก็ตาม คอมพิวเตอร์สามารถที่จะใช้แทนปฏิทินได้แต่ในเรื่องของการผูกดวงเป็นรายๆ ไปเท่านั้น ในการติดตามการโคจรของดาวเป็นช่วง ๆ ติดต่อกันไม่ว่าจะล่วงหน้าหรือย้อนหลัง ดังเช่นการตอบคำถามว่าในเดือนนี้วันไหนจะให้คุณแก่เจ้าชะตามากที่สุด หรือในปีนี้วันไหนเดือนไหนจะเกิดเหตุการณ์อะไรบ้าง เหล่านี้ยังต้องอาศัยการพิจารณาตำแหน่งดาวจากปฏิทินอย่างต่อเนื่อง ผู้เขียนยังไม่เคยเห็นมีโปรแกรมที่ไหนทั้งของไทยของฝรั่งที่จะให้ข้อมูลดาวอย่างต่อเนื่องได้ในแบบเดียวกับปฏิทินได้ นอกเสียจากจะใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการสร้างปฏิทินดาวเสียเลย จึงเป็นที่แน่นอนว่านอกจากปฏิทินเป็นเล่มๆจะหมดไม่สิ้นไปแล้ว ยังอาจจะได้รับการผลิตอย่างละเอียดถี่ถ้วนและรวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย
(ในปัจจุบันโปรแกรมที่ดีๆ บางโปรแกรมอาจคำนวณให้ได้ว่าในช่วงเวลาที่ต้องการทราบ จะมีดาวจรอะไรทำมุมกับดาวกำเนิดของเราในวันเวลาอะไร เช่น Solarfire ที่ผมใช้ควบคู่กับโปรแกรมของตัวเอง แม้กระนั้นผมยังเห็นว่ายังมีความแตกต่างกับการดูจากปฏิทินอยู่บ้าง)
2. การพยากรณ์ แม้จะมีความพยายามที่จะพัฒนาความสามารถด้านนี้ให้แก่คอมพิวเตอร์มานานแล้วผู้เขียนกลับมีความเห็นว่าการให้คอมพิวเตอร์เข้ามาทำหน้าที่พยากรณ์โดยสมบูรณ์เป็นสิ่งที่ทำได้ยากและไม่ควรทำ ทั้งนี้เพราะการพยากรณ์เป็นทั้งเรื่องของศาสตร์ ศิลป์ และสถิติ ขณะที่คอมพิวเตอร์สามารถทำได้แต่เรื่องของ "ศาสตร์" บางส่วนที่มีหลักเกณฑ์แน่นอนพอที่จะสอนให้คอมพิวเตอร์ "คิด" และตัดสินใจในขอบเขตแคบ ๆ อันหนึ่งเท่านั้น การตัดสินใจที่ละเอียดอ่อนหลายประการยังจะต้องอาศัยสติปัญญาของมนุษย์ที่ยังรู้จักประยุกต์หลักเกณฑ์ที่เรียนมาและสถิติที่เคยพบเห็นให้เหมาะกับปัญหาของเจ้าชะตาที่อยู่ตรงหน้า
อย่างไรก็ตาม หากเราต้องการที่จะใช้คอมพิวเตอร์ให้คุ้มค่าในฐานะ "เลขา" แล้ว ก็อาจแบ่งหน้าที่การเตรียมข้อมูลการพยากรณ์บางอย่างให้มันทำก่อนที่เราเองจะตัดสินใจสรุปคำพยากรณ์ในขั้นสุดท้ายได้ ดังที่อาจารย์พลตรีประยูร พลอารีย์ ได้เคยกล่าวไว้ในหนังสือของท่านและในที่ต่าง ๆ อยู่เสมอ ๆ ว่า "อ่านเสียก่อน พยากรณ์ทีหลัง" กล่าวคือในการดูดวงที่เราเรียกกันว่าพยากรณ์แต่ละครั้งนั้นจริง ๆ แล้วจะแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอนด้วยกัน คือ การอ่านดวงกับการพยากรณ์ การอ่านดวงคือการสำรวจดวงชะตานั้น ๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วนว่ามีเงื่อนไขสำคัญ ๆ อะไรตรงไหนที่จะบ่งบอกชีวิตเจ้าชะตาได้บ้าง ซึ่งอาจจะเป็นการสำรวจศูนย์รังสีหรือจุดอิทธิพลตามแบบยูเรเนียน หรือตรวจอุจเกษตรทักษาหาเจ้าเรือนกันไปตามแบบไทย ๆ ก็แล้วแต่ใครจะถนัด แล้วจึงมาถึงขั้นที่จะเอาข้อมูลที่ได้เหล่านี้มาสรุปเป็นคำพยากรณ์ว่าเจ้าชะตามีวิถีชีวิตดีร้ายอย่างไรในด้านไหนบ้าง หน้าที่ที่แท้จริงของคอมพิวเตอร์น่าจะอยู่แต่ในขั้นของการอ่านนี่เองเนื่องจากจะต้องอาศัยความจำความหมายกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ค่อนข้างมากบางทีจะต้องอาศัยการคำนวณเข้ามาช่วยอีกมากดังในกรณีการตรวจศูนย์รังสีของยูเรเนียนหรือการคำนวณอินทภาษบาทจันทร์ ซึ่งถ้าหลงลืมกฎเกณฑ์หรือคำนวณอะไรผิดไปแล้วก็มีสิทธิ "หน้าแตก" ได้ง่าย ก็โอนให้คอมพิวเตอร์มันช่วย "อ่าน" ดวงซะก่อน แล้วค่อยเอาข้อมูลที่ได้มาสรุปเป็นคำพยากรณ์อีกที อย่างนี้แล้วก็มาตั้งสโลแกนกันใหม่ว่า "ให้คอมพิวเตอร์อ่านดวงเสียก่อน แล้วคนค่อยพยากรณ์ทีหลัง" จะดีไหม?
3. การจัดเก็บสถิติดวงชะตา การจะเป็นนักโหราศาสตร์ที่ดีได้นั้น ย่อมจะต้องอาศัยการดูดวงมามาก และไม่ใช่สักแต่ว่าดูจบแล้วเลิกกันไป หากมีดวงใดที่มีความสำคัญหรือเป็นดวงของผู้ที่จะต้องพบหน้ากันบ่อย ๆ แล้ว การบันทึกดวงชะตาไว้เพื่อนำมาศึกษาทบทวนหรือพยากรณ์กันอีกย่อมเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งลำพังการจดลงในเศษกระดาษหรือสมุดก็ยังไม่เป็นระเบียบพอที่จะค้นหาได้ในเวลาอันรวดเร็ว สำหรับผู้ศึกษาคอมพิวเตอร์นั้นจะมีศัพท์ที่เกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูลในลักษณะนี้โดยเฉพาะ เรียกกันว่า "ฐานข้อมูล"(Database) หมายถึงแหล่งที่จะใช้จัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบเพื่อความสะดวกในการค้นหาตรวจสอบตลอดจนการปรับปรุงแก้ไขต่าง ๆ ผู้ที่เคยศึกษาคอมพิวเตอร์จะรู้จักโปรแกรมสำเร็จรูปที่ใช้ในการจัดฐานข้อมูลทางธุรกิจอย่าง dBASE III, dBASE IV, FOXBASE ฯลฯ เป็นอย่างดี แต่โปรแกรมเหล่านี้จะไม่มีคำสั่งสำหรับการคำนวณระดับสูงที่ใช้ในการคำนวณดาวเลย การที่จะสร้างฐานข้อมูลสำหรับเก็บสถิติทางโหราศาสตร์จึงต้องหาทางให้เชื่อมต่อกับโปรแกรมการคำนวณ หรือกำหนดให้โปรแกรมการคำนวณทำหน้าที่ในการจัดเก็บข้อมูลไปด้วยในตัว
4. การเรียนการสอนวิชาโหราศาสตร์ วิชาโหราศาสตร์ก็เหมือนกับวิชาอื่น ๆ ตรงที่ไม่อาจอธิบายบางเรื่องให้เข้าใจกันได้ง่าย ๆ ด้วยคำพูดของครูอาจารย์หรือตัวอักษรในตำรา จึงได้มีการพัฒนาเครื่องมือของครูอาจารย์ที่เรียกกันว่า "สื่อการสอน" นับตั้งแต่การแสดงท่าทางหรือวาดภาพประกอบ การใช้กระดานดำ สไลด์และภาพยนตร์ เครื่องฉายแผ่นใส ฯลฯ ซึ่งก็มีผู้ศึกษาคอมพิวเตอร์เห็นว่าจะสามารถพัฒนาโปรแกรมชนิดหนึ่งขึ้นมาใช้ช่วยในการเรียนการสอนวิชาต่าง ๆ ได้ เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่าซีเอไอ ("CAI" - Computer Aid Instruction) ซึ่งผู้เขียนยังไม่ค่อยจะมีความรู้และไม่ได้เห็นตัวอย่างมากนัก นอกจากทราบคร่าว ๆ ว่าโปรแกรมพวกนี้มักจะใช้ในการสร้างภาพเคลื่อนไหวแสดงสาธิตอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับบทเรียนนั้น ๆ ตลอดจนมีแบบทดสอบให้ผู้เรียนทบทวนความรู้ได้ด้วย ดังเช่นถ้าจะสร้างโปรแกรมสำหรับช่วยสอนวิชาโหราศาสตร์ ก็อาจจะให้โปรแกรมแสดงภาพจักรราศีที่ปรากฎบนท้องฟ้าแบบเดียวกับการแสดงของท้องฟ้าจำลอง หรือแสดงรูปภาพลักษณะคนที่เกิดในราศีต่าง ๆ ฯลฯ ตามแต่จะคิดกันขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม การสร้างโปรแกรมช่วยสอนดังที่ว่ามานี้ ในเมืองไทยเราเองยังมีการวิจารณ์กันว่าผู้สร้างโปรแกรมยังเข้าใจแต่เพียงว่าเป็นการสร้างแบบทดสอบให้เลือก ก.ข.ค.ง. ซึ่งเป็นการเรียนที่ไม่เป็นธรรมชาติ และควรออกแบบโปรแกรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้กันเป็นกลุ่ม ไม่ใช่ให้ผู้เรียนนั่งง่วนอยู่กับหน้าจออยู่คนเดียวเหมือนกับการอ่านตำรา อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนยังไม่เคยได้ยินว่าวงการโหราศาสตร์เมืองนอกมีการใช้คอมพิวเตอร์ในด้านนี้กันเลย ยิ่งสมาคมโหรของเราแล้วยังนึกไม่ออกเลยว่าจะมีอาจารย์ผู้ใดจะลงทุนเขียนโปรแกรมทำนองนี้แล้วยกเครื่องมาสอนในห้องได้ หากจะริเริ่มกันจริง ๆ แล้วคงยังไม่ต้องคำนึงถึงการเรียนเป็นกลุ่มแบบนักการศึกษาเขาว่าก็ได้ แค่สร้างโปรแกรมที่เสมือนตำราที่มีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ก็นับว่าก้าวหน้ามากแล้ว
จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คงพอจะเห็นแล้วว่า คอมพิวเตอร์ไม่ใช่สิ่งที่จะแย่งงานมนุษย์เสมอไป ในเมื่อความจริงมนุษย์สร้างมันขึ้นมาเพียงเพื่อช่วยเหลืองานบางอย่างที่ไม่จำเป็นต้องเหมาทำเองเสียทั้งหมดเท่านั้น การไปตั้งข้อรังเกียจเอากับมันหรือไปคาดหวังผลจากมันมากเกินไปล้วนแต่เป็นสิ่งที่เหินห่างจากทางสายกลางทั้งสิ้น ทางที่ดีที่สุดจึงควรที่จะเรียนรู้เจ้าเครื่องมือนี้อย่างรู้เท่าทันเพื่อใช้แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อวิชาโหราศาสตร์และความเป็นมนุษย์ของเราเท่านั้น