|
 |
ข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับ จุดเจ้าชะตา  วันที่ 00/00/0000 00:00:00

ผู้ที่พอจะรู้จักโหราศาสตร์ยูเรเนียนมาบ้างจนถึงผู้ที่กำลังศึกษา ย่อมจะแปลกใจเสมอว่า ทำไมโหราศาสตร์ยูเรเนียนจึงต้องมีจุดมากมายก่ายกอง เพียงแค่ จุดเจ้าชะตา ที่ว่าสำคัญแล้ว ยังมีด้วยกันถึง 6 ยังไม่รวมจุดสะท้อน ขณะที่โหราศาสตร์ไทยให้ความสำคัญลัคนาค่อนข้างสูงหรืออย่างมากก็อาทิตย์อีกดวง บทความนี้อาจไม่ดีเลิศพอที่จะทำให้ท่านหายลังเลสงสัยได้โดยสิ้นเชิง แต่ก็จะขอฝากข้อสังเกตบางประการไว้ดังนี้
อาทิตย์ และความสัมพันธ์กับจุดอื่น
โหราศาสตร์ทุกแขนงย่อมเห็นคล้องต้องกันกับดาราศาสตร์/วิทยาศาสตร์ว่า นอกจากอาทิตย์จะเป็นศูนย์กลางของสุริยจักรวาลแล้ว ยังเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญที่สุดที่เป็นปัจจัยให้สรรพชีวิตบนโลกดำรงอยู่ได้ การที่จะยกให้อาทิตย์เป็นจุดเจ้าชะตาย่อมเป็นการสมควรอย่างยิ่ง ในวิชาโหราศาสตร์การพิจารณาอาทิตย์เพียงปัจจัยเดียวก็สามารถทายอะไรได้มาก ดังเช่นคอลัมน์การพยากรณ์อาทิตย์ในราศีต่างๆ ตามหน้าหนังสือพิมพ์และนิตยสารอย่างที่ฝรั่งเรียกว่า Sun Sign หรือที่อาจารย์โหราศาสตร์ไทยบางท่านเคยบอกเคล็ดวิชาไว้ว่าเพียงทราบวันที่วันเกิดของเจ้าชะตาก็สามารถพยากรณ์ได้ทันที โดยขั้นแรกจะต้องจำวันที่ที่อาทิตย์ยกราศีแต่ละราศีให้แม่น เมื่อทราบว่าเจ้าชะตาเกิดวันที่เท่าไหร่ก็สามารถคิดในใจโดยประมาณได้ว่า เจ้าชะตาเกิดราศีอะไร ก็ฝอยพยากรณ์ไปตามนั้น แล้วจะเลยไปถึงการพยากรณ์ตรียางค์ นวางค์ ฤกษ์ หรือประกอบกับการพยากรณ์ วันเกิด ทักษา เลขศาสตร์วันที่ หรืออะไรก็ตามแต่ถนัด เหมาะกับนักโหราศาสตร์ที่ไม่ถนัดไอที หรือเป็นมนุษย์ไอทีที่บังเอิญเจอสถานการณ์ที่ไม่มีคอมพิวเตอร์ติดตัว ก็ยังสามารถฝอยพยากรณ์ได้ระดับหนึ่ง
และการที่จุดเจ้าชะตาอื่นมีความสำคัญขึ้นมาได้ก็เพราะมันเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างอาทิตย์กับโลกทั้งสิ้น
ดวงจันทร์ซึ่งอยู่ใกล้โลกมากที่สุด ย่อมเป็นดาวที่สามารถรับแสงอาทิตย์แล้วสะท้อนมายังโลกได้มากที่สุด หากจะเปรียบอาทิตย์เป็นพระมหากษัตริย์แล้ว ดวงจันทร์ก็เป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีหรืออัครมหาเสนาบดีที่รับสนองพระบรมราชโองการมาปฏิบัติ หรือจะเปรียบอาทิตย์เป็นประธานบริษัทแล้วจันทร์ก็คงเป็นผู้จัดการใหญ่ อะไรทำนองนี้ หากใครได้เคยลองไปใช้บริการผูกดวงที่ http://www.astro.com/ แล้วจะสังเกตว่าสิ่งแรกที่เขาพยากรณ์คือการพิจารณาเปรียบเทียบว่าอาทิตย์และจันทร์อยู่ในราศีและเรือนใด มีความหมายที่สอดคล้องหรือขัดแย้งกันอย่างไร คล้ายกับจะดูว่าบริษัทนี้ประธานกับผู้จัดการทำงานเข้าขากันหรือเปล่าอะไรทำนองนี้
ส่วนจุดเจ้าชะตาที่เหลืออีก 4 จุดนั้นก็เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างอาทิตย์กับโลกในฐานะที่เป็นจุดตัดระหว่างเส้นทางโคจรของอาทิตย์หรือเส้นสุริยวิถี กับสิ่งอื่นทั้งสิ้น เส้นสุริยวิถีหรือ Ecliptic นี้ เกิดจากการที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์พร้อมกับหมุนรอบตัวเอง สายตาเราจะเห็นเสมือนอาทิตย์โคจรรอบโลกในทรงกลมท้องฟ้า จุดเจ้าชะตาที่เหลือทั้ง 4 ได้แก่
ลัคนา เป็นจุดตัดระหว่างเส้นสุริยวิถีกับเส้นขอบฟ้าตะวันออก
เมอริเดียน เป็นจุดตัดระหว่างเส้นสุริยวิถีกับเส้นลองกิจูดฟ้าเส้นที่อยู่เหนือศีรษะเจ้าชะตา
ราหู เป็นจุดตัดระหว่างเส้นสุริยวิถีกับเส้นทางโคจรของดวงจันทร์รอบโลก
จุดเมษ (ของจักรราศีสายนะ) เป็นจุดตัดระหว่างเส้นสุริยวิถีกับเส้นศูนย์สูตรฟ้า
จุดเจ้าชะตา ในโหราศาสตร์ยูเรเนียน จึงหมายถึง อาทิตย์และปัจจัยที่สัมพันธ์ใกล้ชิดกับอาทิตย์ นั่นเอง
ลัคนา เมอริเดียน และอาทิตย์ อะไรสำคัญกว่ากัน?
แม้ว่าอาทิตย์จะสำคัญในฐานะกำเนิดแห่งชีวิตและสรรพสิ่งดังที่กล่าว ท่านที่เรียนโหราศาสตร์ไทยบางสำนักย่อมจะยังยึดติดกับความสำคัญของลัคนา ทำนองเดียวกับนักยูเรเนียนบางท่านที่ให้ความสำคัญกับเมอริเดียนอย่างมาก ซึ่งก็มีส่วนถูก การจะดูแต่อาทิตย์โดยไม่สนใจว่าจะอยู่ตรงไหนของท้องฟ้าเวลาเราเกิดคงไม่มีประโยชน์อะไร แต่การคำนวณลัคนาและเมอริเดียนต้องอาศัยเวลาเกิดที่แน่นอน นักโหราศาสตร์ที่มีประสบการณ์ย่อมจะไม่ยอมเชื่อเวลาเกิดตามที่เจ้าชะตาบอกในทันที โดยจะพิจารณารูปร่างลักษณะตลอดจนประวัติของเจ้าชะตาประกอบเพื่อปรับเวลาเกิดและตำแหน่งลัคนาเมอริเดียนให้สอดคล้องกันมากที่สุด
คุณกำพล ภาระโภชน์ หรือ Astroman ได้เคยถ่ายทอดประสบการณ์ให้ฟังว่า ตอนที่ท่านหัดพยากรณ์ใหม่ๆ หน้าแตกมามากเพราะไปยึดเมอริเดียนตามเวลาที่เจ้าชะตาบอก ต่อมาจึงปรับโดยหันมายึดอาทิตย์เป็นหลักไว้ก่อน แล้วเมื่อจะปรับเมอริเดียนหรือลัคนาจึงจะมาพิจารณาเปรียบเทียบว่า เมอริเดียนบวกโค้งสุริยยาตร์กับอาทิตย์บวกโค้งสุริยยาตร์แสดงเหตุการณ์ที่สอดคล้องกันหรือไม่ โดยถือคติว่า กาย(อาทิตย์) กับจิต(เมอริเดียน) ต้องไปด้วยกัน เมื่อเกิดเหตุใดกับชีวิตร่างกาย ต้องเกิดเหตุกับจิต ด้วย รายละเอียดมากกว่านี้คงต้องเรียนเชิญท่านมาอธิบายเพิ่มเติมในโอกาสหลัง
การปรับเวลาเกิดของเจ้าชะตานี้ควรระวังไม่ให้เว่อเกินไป นักโหราศาสตร์ไทยบางรายเคยคุยโม้ขนาดว่าเจ้าชะตาแทบไม่รู้อะไรก็อุตส่าห์สรรหาวันเวลาเกิดมาผูกดวงจนได้ มีอยู่รายหนึ่งพยายามยัดเยียดให้ลัคนาดวงไทยผมไปอยู่ราศีเมษแทนที่จะเป็นพฤษภ ซึ่งจะต้องลดเวลาเกิดผมลงไปเป็นชั่วโมง นับตั้งแต่เกิดผมอาจไม่มีโอกาสได้กลับไปทำความรู้จักกับหมอพยาบาลที่ทำคลอดผม แต่ผมไม่คิดว่าท่านเหล่านั้นจะจดเวลาผมช้าเป็นชั่วโมงแน่ๆ อาจารย์พลตรีประยูร พลอารีย์ เคยให้เล่าประสบการณ์ไว้ว่า เวลาเกิดที่จดจากโรงพยาบาลมักจะช้ากว่าความจริงประมาณ 15 หรือ 18 นาที แต่ก็มีนักโหราศาสตร์บางท่านเคยเล่าให้ฟังว่ามีบางกรณีที่เจ้าชะตาแจ้งเกิดช้า แล้วพอเอาวันเวลาเกิดจริงจากโรงพยาบาลมาผูกดวงแล้วทายยังไงก็ไม่ถูก ต้องใช้วันเวลาตามที่แจ้งเกิดกับอำเภอถึงจะทายถูก ราวกับว่ากระทรวงมหาดไทยจะมีอำนาจต่อชีวิตประชาชนมากกว่ากระทรวงสาธารณสุข เท็จจริงอย่างไรก็แล้วแต่ดุลยพินิจและประสบการณ์ของแต่ละท่านก็แล้วกันครับ
ราหูจริงกับราหูเฉลี่ย
ต้องขอสารภาพตามตรงว่า ผมเองยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถอธิบายความแตกต่างของราหูสองแบบนี้ได้ดีนัก ท่านที่ใช้ปฏิทินโหราศาสตร์ไทยไม่ว่าระบบสุริยยาตร์ของอาจารย์ทองเจือ อ่างแก้ว หรือระบบดาราศาสตร์ตัดอยนางศ์ของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร อาจจะไม่เคยทราบมาก่อนว่าการคำนวณราหูมีความแตกต่างกันด้วย ดังได้กล่าวมาแล้ว่าราหูคือจุดตัดระหว่างเส้นสุริยวิถีหรือเส้นทางโคจรของอาทิตย์ที่ปรากฏในทรงกลมท้องฟ้า กับเส้นทางโคจรของดวงจันทร์รอบดวงอาทิตย์ ซึ่งราหูเฉลี่ยก็จะเป็นจุดตัดของเส้นทางโคจรสองเส้นโดยถือว่าดวงอาทิตย์และดวงจันทร์โคจรไปตามเส้นทางของมันโดยราบเรียบ แต่นักโหราศาสตร์/ดาราศาสตร์ที่เอาจริงเอาจังเขาค้นพบว่า การหมุนการโคจรของโลกและดวงจันทร์มันมีการแกว่งหรือผลกระทบบางอย่างที่ทำให้ตำแหน่งอาทิตย์ไม่ได้อยู่ตรงเส้นสุริยวิถีที่ควรจะเป็นอย่างเป๊ะๆ แต่มีการขยับขึ้นขยับลงในบางช่วง จึงมีการคำนวณราหูขึ้นใหม่ให้สอดคล้องกับอาการดังกล่าว เพื่อให้สามารถคำนวณการเกิดคราสต่างๆ ได้ถูกต้องยิ่งขึ้น ราหูจริงที่คำนวณได้นี้บางช่วงอาจแตกต่างกับราหูเฉลี่ยประมาณองศากว่าๆ แต่ที่แปลกออกไปคือในบางช่วงมีการเดินหน้าเหมือนดาวเคราะห์ทั่วไปแทนที่จะถอยหลังตลอดเหมือนราหูเฉลี่ย และเมื่อจันทร์โคจรมาทับราหูจริงอย่างสนิทองศาค่าแลตติจูดฟ้าของทั้งสองจุดจะเท่ากัน แต่เมื่อจันทร์โคจรทับราหูเฉลี่ยจะไม่เป็นเช่นนั้น คุณสมบัติเช่นว่า จึงทำให้นักโหราศาสตร์สากลที่จริงจังนิยมใช้ราหูจริงแทนราหูเฉลี่ยในการพยากรณ์ หากท่านยังไม่เข้าใจสิ่งที่ผมพยายามอธิบาย ขอให้ลองอ่านคำอธิบายภาษาอังกฤษจากคู่มือการเขียนโปรแกรมด้วย Swiss Ephemeris ดังนี้
The 'true' lunar node is usually considered to be the osculating node element of the momentary lunar orbit. I.e., the axis of the lunar nodes is the intersection line of the momentary orbital plane of the moon and the plane of the ecliptic. Or in other words, the nodes are the intersections of the two great circles representing the momentary apparent orbit of the moon and the ecliptic.
The nodes are considered to be important because they are connected with the eclipses. They are the meeting points of the sun and the moon. From this point of view, a more correct definition might be: The axis of the lunar nodes is the intersection line of the momentary orbital plane of the moon and the momentary orbital plane of the sun.
This makes a difference! Because of the monthly motion of the earth around the earth-moon barycenter, the sun is not exactly on the ecliptic but has a latitude, which, however, is always below an arc second. Therefore the momentary plane of the sun's motion is not identical with the ecliptic. For the true node, this would result in a difference in longitude of several arc seconds! However, Swiss Ephemeris computes the traditional version.
The advantage of the 'true' nodes against the mean ones is that when the moon is in exact conjunction with them, it has indeed a zero latitude. This is not true with the mean nodes.
However, in the strict sense of the word, even the true nodes are true only twice a month, viz. at the times when the moon crosses the ecliptic. Positions given for the times in between those two points are just a hypothesis. They are founded on the idea that celestial orbits can be approximated by elliptical elements. This works well with the planets, but not with the moon, because its orbit is strongly perturbed by the sun. Another procedure, which might be more reasonable, would be to interpolate between the true node passages. The monthly oscillation of the node would be suppressed, and the maximum deviation from the conventional true node would be about 20 arc minutes.
มี ฉัน ต้องมี เธอ
ท่านผู้ศึกษายูเรเนียนเคยคิดอย่างผมบ้างหรือไม่ว่า จุดเจ้าชะตาทั้ง 6 นี้ เอาเข้าจริงๆ เป็น ฉัน หรือตัวเราเองแค่สามตัว คือ อาทิตย์ (กาย) จันทร์ (จิตใจ) และเมอริเดียน (จิตวิญญาณ) อีกสามตัว คือ ลัคนา (สิ่งแวดล้อม) ราหู (ความผูกพัน ความสัมพันธ์) และเมษ (บุคคลทั่วไป) มันเป็น เธอ หรือบุคคลอื่น แล้วอย่างนี้ทำไมเราไม่ให้ความสำคัญแต่ตัวที่เป็น ฉัน
จนกระทั่งเมื่อมาได้อ่านหนังสือชุด พ่อรวยสอนลูก และสมัครทำธุรกิจเครือข่ายเจ้าหนึ่ง จึงได้กลับมาเข้าใจพื้นฐานที่เคยเรียนมาแต่อ้อนแต่ออกว่า มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ในประวัติศาสตร์สงครามใครอยากรบชนะส่วนหนึ่งก็ต้องมีพันธมิตรที่ดี ในโลกธุรกิจไม่ว่าขายตรงขายอ้อมอะไรก็ต้องอาศัยเครือข่ายทางธุรกิจ ส่วนหนึ่งที่ทำให้ไมโครซอฟต์ผูกขาดวงการคอมพิวเตอร์ได้ก็เพราะความร่วมมือของบริษัทซอฟต์แวร์ฮาร์ดแวร์อื่นๆ ระบบเส้นสายของคนไทยที่อาจจะดูไม่สะอาดนักก็นับเป็นการใช้ เครือข่าย แบบหนึ่ง แล้วอย่างนี้นักพยากรณ์จะทิ้ง เธอ ได้ลงคอหรือครับ
ในเมื่อจุดเจ้าชะตาสามตัวหลังที่ว่าเป็นตัวบ่งบอกการมีสังคมของเจ้าชะตา เป็นตัวที่จะชี้วัดว่า พวกพ้องวงศ์วานหรือเครือข่ายของเจ้าชะตามีคุณภาพแค่ไหน ให้คุณให้โทษต่อตัวเจ้าชะตาเองเพียงใด หรือเจ้าชะตาเองรู้จักสร้าง รักษา และใช้ประโยชน์จาก เครือข่าย เหล่านี้เพียงใด
การที่โหราศาสตร์ยูเรเนียนมีจุดเจ้าชะตาถึง 6 จุดนี้คงไม่ถือว่ามากเกินไปนะครับ
|
เพิ่มเติม 1 ธันวาคม 2546
ในแวดวงธุรกิจเครือข่ายที่ผมเป็นสมาชิกนั้น มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่า จุดเจ้าชะตาที่เป็น "เธอ" นั้นสำคัญขนาดไหน
"ถ้าคุณอยากรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ให้คุณลองนับชื่อของคนที่คุณคุยด้วยเวลาที่คุณมีเรื่องทุกร้อนใจ มีดีใจแล้วอยากบอกเขา หรือคนที่คุณใช้ชีวิตอยู่กับเขาโดยตลอดซัก 10 คน ถ้าคน 10 คนนั้น มีความเป็นอยู่อย่างไรมีความอบอุ่นในครอบครัวหรือไม่คุณก็จะเป็นอย่างเขานั้นเอง " |
หลักโหรโดนใจ
|