
(ปรับปรุงตัดทอนจากฉบับที่เคยเผยแพร่ที่โรงเรียนโหราศาสตร์กรุงเทพ ถนนประดิพัทธ์)
เมื่อตอนที่ผมได้เริ่มสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทางด้านโหราศาสตร์ยูเรเนียนนั้น ผมเคยคิดว่าน่าจะง่ายกว่าการสร้างโปรแกรมโหราศาสตร์ไทย คือแม้ว่าโหราศาสตร์ยูเรเนียนจะต้องหาการทำมุมจากจุดหรือปัจจัยต่างๆ มากมาย นับตั้งแต่ ปัจจัยเดี่ยว รวม 22 ปัจจัย ปัจจัยสะท้อนอีกรวม 21 จุด (จุดเมษย่อมไม่มีจุดสะท้อน) การหาศูนย์รังสี จุดอิทธิพลต่างๆ รวมได้ทั้งหมดได้ประมาณ 5 พันกว่าจุด ซึ่งเป็นการคำนวณโดยตรงที่คอมพิวเตอร์ถนัดอยู่แล้ว แค่หาสูตรการคำนวณมา "สอน" ให้เท่านั้น จะมากมายแค่ไหนเขาหาให้เราได้ถูกต้องรวดเร็วกว่าเราทำเองมากนัก ขณะที่โหราศาตร์ไทยนั้น เรื่องของการดูดาวเกษตร ประ อุจ นิจ มหาจักร พินทุบาทว์ ทักษา และการไล่หาเจ้าเรือน ฯลฯ พอมารวมกันเข้าแล้วมันกลายเป็นอะไรที่ "สอน" คอมพิวเตอร์ได้ยากมากๆ
เมื่อเวลาผ่านไป ผมกลับพบว่า วงการโหราศาสตร์ยูเรเนียนยังมีกรรมวิธีในการหา "จุด" ต่างๆ ได้อย่างซับซ้อนจนสุดที่จะพรรณนา เอาเป็นว่าถ้าคำนวณแบบคุณขอมาจนครบคงได้ทั้งหมดนับหมื่นนับแสนจุดเลยทีเดียว ความคิดเรื่องจุดพิสดารเหล่านี้ ดูเหมือนจะได้ทำให้ภาพรวมของโหราศาสตร์ยูเรเนียนกลายเป็นอะไรที่ยุ่งยากซับซ้อนจนนักโหราศาสตร์แนวอื่นค่อนแคะเอาว่า ทายไม่ได้ มีนักยูเรเนียนรุ่นเก่าบางท่านเคยบ่นให้ฟังว่าการไปเน้นที่จุดอิทธิพลพิศดารพวกนี้เริ่มจะเป็นเหมือน "นิกาย" ย่อยๆ ที่เพี้ยนไปจากหลักการเดิมเข้าทุกที หรือลองนึกถึงภาพของคนที่อยากจะเข้ามาศึกษายูเรเนียนแล้วพบว่ามีจุดอะไรตั้งมากมายก่ายกอง ย่อมมีข้อสงสัยว่า จะเอาหลักอะไรมาพิจารณาว่าจุดไหนสำคัญจุดไหนไม่สำคัญ
ทั้งนี้ผมไม่ได้หมายความว่าการตั้งจุดอิทธิพลตามเรื่องที่ต้องการทราบจะเป็นสิ่งผิดโดยสิ้นเชิง เพียงแต่อยากชี้แจงในที่นี้ว่าในการพิจารณาดวงชะตานั้น ย่อมจะต้องกระทำกันไปตามหลักการพื้นฐานอย่างเป็นลำดับขั้นตอน
หากจะเรียกปัจจัยและจุดอิทธิพลต่างๆ นับพันนับหมื่นจุดในยูเรเนียนว่า "กองทัพ" แล้ว กองทัพนี้ก็ย่อมเหมือนกับกองทัพทั่วไปที่ทุกคนในกองทัพไม่ได้มียศเท่าเทียมกันหรือมีหน้าที่เหมือนๆ กัน นายทหารที่มีหน้าที่สำคัญที่สุดของกองทัพนี้ก็คือบรรดาปัจจัยเดี่ยวๆ ทั้งหลายนั้นเอง และในบรรดาปัจจัยเดี่ยวๆ เหล่านี้ หลักวิชายูเรเนียนท่านกำหนดตัวสำคัญที่สุดไว้เพียงแค่จุดเจ้าชะตาทั้ง 6 (หรือ 11 ถ้านับจุดสะท้อนด้วย) อันได้แก่ จุดเมษ เมอริเดียน ลัคนา อาทิตย์ จันทร์ และราหู ตัวที่สำคัญที่สุดหรืออาจจะเรียกว่าเป็น "แม่ทัพ" หรือ "นายพล" ของกองทัพนี้มีเพียงเมอริเดียน กับอาทิตย์ด้วยซ้ำไป การพิจารณาดวงชะตาจึงต้องเริ่มจากการพิจารณา จุดเจ้าชะตา" เหล่านี้ก่อน คล้ายๆ ประเมินความสามารถของกองทัพจากบรรดาแม่ทัพนายกองอะไรทำนองนี้ เมื่อแม่ทัพนายกองมีแผนยุทธศาสตร์ที่ดี ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง แต่จะได้ชัยชนะจริงหรือไม่ก็อยู่ที่ทหารระดับรองๆ จะสั่งการกันต่อไปและปฏิบัติอย่างไร ทหารระดับล่างจึงไม่ไร้ความสำคัญไปทีเดียว อาจมีคนที่มีความสามารถพิเศษให้เราเลือกใช้ เช่น ยิงปืนแม่น วางระเบิดเก่ง รู้ภาษาฝ่ายข้าศึกจนเป็นล่ามหรือกองสอดแนมได้ ฯลฯ ซึ่งถ้าเลือกใช้ให้ถูก ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการไปสู่ชัยชนะ เปรียบได้กับพวกจุดอิทธิพลบวกลบคูณหารทั้งหลายที่มีความหมายพิเศษนั่นเอง แต่ทั้งนี้แม่ทัพนายกองต้องมียุทธศาสตร์ยุทธวิธีเป็นอันดับแรก รวมถึงในกองทัพจะต้องมีทีมเวอร์กที่ดีด้วย
อีกนัยหนึ่ง เราอาจเริ่มต้นการพิจารณาดวงชะตาโดยหลักการที่เรียกว่า "ดาวเด่นในดวงชะตา" ในการนี้เราใช้เฉพาะปัจจัยเดี่ยวตั้งแต่อาทิตย์จนถึงโพไซดอน ไม่นับจุดสะท้อน ส่วนลัคนากับเมอริเดียนนั้นเราใช้เป็นเกณฑ์ในการหาดาวเด่น ผู้ที่ศึกษาโหราศาสตร์มาอย่างดีย่อมทราบว่า จักรราศี คือ แถบการโคจรของอาทิตย์รอบโลก (อนุมานตามสายตาของมนุษย์ผู้สังเกตการณ์ที่พื้นผิวโลก) โดยครึ่งหนึ่งของจักรราศีนี้จะอยู่ส่วนบนเหนือพื้นดิน อีกครึ่งหนึ่งอยู่ใต้พื้นดินหรือเป็นท้องฟ้าของอีกซีกโลกหนึ่ง ดวงชะตาของคนเราก็คืนแผนที่ท้องฟ้าว่าตอนที่เราเกิดนั้นดาวอะไรอยู่ที่ไหนในแถบโคจรที่ว่า ลัคนานั้นคือจุดตัดระหว่างเส้นทางโคจรของอาทิตย์กับขอบฟ้าตะวันออก จุดตรงข้ามหรือเล็งกับลัคนานั้นคือขอบฟ้าตะวันตก จุดเมอริเดียนนั้นคือจุดที่สูงที่สุด ณ กลางฟ้าหรือจุดเหนือศีรษะ โดยจุดตรงข้ามนับเป็นจุดที่ต่ำที่สุดซึ่งอยู่ที่อีกซีกโลกหรืออีกซีกวงกลมท้องฟ้าข้างใต้ตัวเรา ทั้งสี่จุดนี้หากมีดาวหรือปัจจัยใดมาสถิตอยู่พอดีหรือใกล้เคียง นับเป็นดาวเด่นในดวงชะตา ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อชีวิตเรามากกว่าดาวหรือปัจจัยอื่นๆ ถัดมาจึงจะพิจารณาดาวที่มีความสัมพันธ์กับจุดเจ้าชะตาทั้ง 6 เรื่องนี้ บรรดาศิษย์โดยตรงของท่านอาจารย์พลตรีประยูร พลอารีย์ย่อมเคยเรียนและจำเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีจนพูดกันคล่องปากว่า 1 4 7 10 ซึ่งก็เทียบเคียงได้กับเรื่อง เรือนเกณฑ์ ในโหราศาสตร์ไทยนั่นเอง
จุดเจ้าชะตาและดาวเด่นในดวงชะตานี้จึงเป็นสิ่งแรกที่จะต้องพิจารณา โดยอาจพิจารณาได้ตั้งแต่ความหมายของดาวในราศี ดาวในเรือนชะตา ไปจนถึงการทำมุมกับดาว/ปัจจัยอื่นๆ แล้วจึงขยายผลมาเป็นการหาศูนย์รังสีและจุดอิทธิพล ไม่ใช่มาถึงก็กระโดดเข้าไปหาจุดอิทธิพลที่มีความหมายที่อยากรู้
เช่น อยากรู้ว่าเจ้าชะตาจะได้แต่งงานหรือไม่ แทนที่จะเริ่มจากการหาจุดบวกลบคูณหารอะไรที่แปลว่าความรักการแต่งงาน อย่าง อาทิตย์+จันทร์-ศุกร์ หรือ อาทิตย์+จันทร์-คิวปิโด หรืออะไรที่พิศดารกว่านี้ ควรเริ่มจากการดูพื้นดวงว่า ดาวศุกร์เป็นดาวเด่นในดวงชะตาหรือเปล่า ทำมุมกับจุดเจ้าชะตาใดหรือเปล่า อยู่ในราศี/เรือนชะตาอะไร โดยอาจพิจารณา เรือนที่ 7 (ปัตนิ) ประกอบ เพื่อให้ได้ข้อมูลเบื้องต้นว่าความรักมีอิทธิพลต่อชีวิตเจ้าชะตาแค่ไหน แล้วจึงมาขยายผลกับศูนย์รังสี เช่น จุดเจ้าชะตาอยู่ในศูนย์รังสีที่เกี่ยวข้องกับความรักอะไรบ้าง หรือศูนย์รังสีระหว่างดาวศุกร์กับดาวอื่นถึงจุดเจ้าชะตาหรือไม่ ฯลฯ แล้วจึงมาถึงการหาจุดอิทธิพล ซึ่งเราอาจจะได้คำตอบเสียก่อนแล้วด้วยซ้ำ แล้วจากนั้นจึงมาดูจรตามโค้งสุริยยาตร์ประกอบดวงจรว่าจะได้แต่งงานเมื่อไหร่ ผมไม่เชื่อว่าจุดอิทธิพลที่เกิดจากดาวสามสี่ตัวบวกลบคูณหารกันตัวใดตัวหนึ่งจะบอกอะไรได้ชนิดที่ไม่มีปรากฏร่องรอยในการพิจารณาพื้นฐานเลย มีแต่ว่าดาวเดี่ยวบอกอะไรไว้คร่าวๆ แล้วมาเห็นรายละเอียดมากขึ้นในศูนย์รังสีและจุดอิทธิพลไปตามลำดับ เมื่อเอาหลายๆ จุดมายืนยันกันได้ครบ จึงสรุปได้ว่าอะไรเป็นอะไร
ความพยายามค้นหาจุดอิทธิพลอย่างพิศดารอย่างที่กล่าวมาดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นจากสาเหตุ 3 ประการ คือ ความอิ่มตัวต่อการศึกษาค้นคว้าหลักการเบื้องต้นหรือความต้องการเจาะประเด็นพิเศษจริงๆ ดังกรณีของอาจารย์จรัญ พิกุล ซึ่งไม่นับว่าเป็นเรื่องเสียหายอะไร และบัดนี้ท่านก็หันกลับมาใช้หลักโหราศาสตร์คลาสสิกก่อนการใช้จุดในยูเรเนียนแล้ว ที่น่าเป็นห่วงคืออีกสองประการต่อมา คือ การไม่เข้าใจหรือมองข้ามหลักการเบื้องต้นแล้วพยายามหาจากรายละเอียดปลีกย่อย กับความอยากแสดงออกว่า เก่งยูเรเนียน
ถึงตรงนี้ต้องขอทำความเข้าใจกับทุกท่านไม่ว่าท่านที่เป็นนักยูเรเนียนหรือนักโหราศาสตร์อื่นๆ ที่อาจจะหมั่นไส้โหราศาสตร์ยูเรเนียนอยู่ว่า คำว่า "ยูเรเนียน" ไม่ใช่คำดั้งเดิมของผู้บุกเบิกแนวทางนี้ขึ้นมา อีกทั้งท่านอัลเฟรด วิตเต (Alfred Witte - ไม่ใช่ "วิคเตอร์" อย่างที่บางคนจำมาผิดๆ) ชาวเยอรมันผู้เป็นต้นตำรับ ได้เคยกล่าวอย่างถ่อมตนว่าท่านไม่ได้ค้นพบอะไรใหม่ เพียงแต่นำสิ่งที่มีอยู่ในโหราศาสตร์โบราณมาปรับปรุงใช้ เดิมทีท่านได้เรียกสำนักของท่านว่า Hamburger Schule หรือ Hamberg School ในภาษาอังกฤษ โดยไม่ได้เจตนาจะแยกสำนักออกมาต่างหากจากโหราศาสตร์สากลอื่นๆ เลย คำว่า "ยูเรเนียน" ซึ่งไม่ใช่ภาษาเยอรมัน เป็นเพียงชื่อทางการค้าที่โหรอเมริกันที่นิยมแนวทางนี้ใช้ในการโฆษณาเผยแพร่ในภายหลัง ผู้ที่ศึกษา "ยูเรเนียน" จึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นกับคำๆ นี้ อาจารย์พลตรีประยูร พลอารีย์ ได้เขียนไว้ในสูตรพระเคราะห์สนธิตอนหนึ่งว่า
วิชาโหราศาสตร์ในโลกนี้มีเพียงวิชาเดียวและเป็นอันหนึ่งอันเดียว การแบ่งแยกใดๆ ก็ตาม ผู้ที่มีการศึกษาสมัยนี้ต่างทราบดีว่า ส่วนใหญ่เป็นการปฏิบัติทางด้านจิตวิทยา การโฆษณาและการค้า การค้นหาจุดอิทธิพลอย่างพิสดารไม่ใช่ หัวใจสำคัญ ของการพยากรณ์ที่จะแสดงว่า "ยูเรเนียน" ต่างจากโหราศาสตร์แนวอื่น แต่เป็นการขยายความหรือเจาะประเด็นเฉพาะต่อจากการพยากรณ์พื้นฐานแล้วต่างหาก ซึ่งต้องการฝึกฝนอย่างถูกต้อง ขอย้ำอีกครั้งว่าผู้เขียนเองไม่ได้ต่อต้านการค้นหาจุดอิทธิพลอย่างพิศดารโดยสิ้นเชิง ในโปรแกรมที่ผู้เขียนสร้างตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบันก็มีการตรวจหาจุดอิทธิพลกันชนิดกวาดล้างเลยทีเดียวให้เลือกใช้อยู่ด้วย แต่ในการพยากรณ์จริงนั้น ขอให้หลักการพื้นฐานของโหราศาสตร์เป็น หัวหอก ในการรับใช้ผู้พยากรณ์และเจ้าชะตาก่อนเถอะครับ