
(Love, Soulmates, Fated Relation V.S. Astrology & Synastry)
1. บทนำ
ความรักระหว่างชายกับหญิงนั้นเป็นสัจจะอันหนึ่งซึ่งดำรงอยู่ควบคู่กับมนุษยชาติและจะดำรงอยู่สืบไปในอนาคตตราบเท่าที่เผ่าพันธุ์ของมนุษย์จะยังคงมีอยู่ ไม่ว่ารูปลักษณะของสังคมและสภาพแวดล้อมของมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร นาฎกรรมความรักระหว่างชายกับหญิงตามบทบาทแห่งความรัก ความสมหวัง ผิดหวัง และแม้ความตาย จะเป็นเรื่องที่นำมาเล่าขานกันอย่างไม่รู้จักเบื่อชั่วกาลนาน แม้ว่าธรรมชาติจะสร้างกามคุณขึ้นเพื่อ ให้สัตว์สืบพันธุ์ต่อเนื่องไปในอนาคต แต่วิญญาณของมนุษย์ไม่ได้พอใจเพียงแค่สัญชาติญาณทางเพศที่ธรรมชาติเรียกร้องเท่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างชายกับหญิงเป็นเรื่องสำคัญที่เพิ่มคุณค่าให้กับการดำรงอยู่ของมนุษย์ และเป็นพื้นฐานอันหนึ่งในการพิจารณาเพื่อให้เข้าถึงจิตใจของตนเองและคนรักในการเติบโตขึ้นทางจิตวิญญาณ และไม่ว่านักวิชาการในด้านใดก็ตามจะกล่าวถึงความรักว่าเป็นอย่างไร ก็ไม่สามารถลดทอนความสำคัญของความรักที่มนุษย์สามารถรู้ได้ด้วยความเป็นมนุษย์ของตนเอง โดยไม่ต้องใช้หลักวิชา ปรัชญา หรือเหตุผลอื่นใดเลย เราจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมวรรณกรรมอมตะที่ยิ่งใหญ่ของโลกล้วนเป็นเรื่องของความรักระหว่างชายกับหญิงเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นมหากาพย์อีเลียตของกรีกที่กล่าวถึงความรักระหว่างพระนางเฮเลน แห่ง กรุงทรอย กับเจ้าชายปารีส ที่คนไทยเราเพิ่งจะได้มีโอกาสชมภาพยนตร์เรื่องนี้ไปเมื่อไม่นานนี้ มหากาพย์รามายณะที่กล่าวถึงเรื่องราวความรักระหว่างพระรามกับนางสีดา เรื่องราวการสร้างทัชมาฮัลเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักในประเทศอินเดีย วรรณกรรมชิ้นเอกของเช็คสเปียร์เรื่องโรเมโอกับจูเลียต ที่กล่าวถึงความรักอมตะที่อยู่เหนือแม้ความตายของหญิงชายทั้งสอง เรื่องขุนช้างขุนแผนและกามนิตกับวาสิฏฐีของไทยเรา ล้วนสร้างความพึงพอใจให้กับผู้อ่านและเป็นที่นิยมชมชอบกันมากกว่าตำราทางจิตวิทยาทางเพศเช่นของซิกมันด์ ฟรอยด์ หรือ บทวิเคราะห์วิจัยทางเพศของคินซี่ย์อย่างเทียบกันไม่ได้
จึงเป็นเรื่องที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวิชาโหราศาสตร์ในทุกระบบทุกสำนักทั่วโลกล้วนกล่าวถึงเรื่องของความรักและการสมพงษ์ดวงชะตาไว้ด้วยกันทั้งสิ้น แม้ในโลกยุคไร้พรมแดนปัจจุบันถ้าเราทดลองเข้าไปในอินเตอร์เน็ท พิมพ์คำว่า Synastry (การสมพงษ์ดวงชะตา) , Soulmates (คู่แท้), หรือ Fated Relation (บุพเพสันนิวาส) ใน Search Engine (เครื่องมือค้นหาในอินเตอเน็ท) จะพบเว๊ปไซ้ท์ที่กล่าวถึงเรื่องนี้ทั่วโลกนับเป็นพันๆเว็ปไซท์ ทีเดียว! มีผู้ประมาณว่าจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็ปไซท์พวกนี้รวมกันแล้วน่าจะเป็นกลุ่มที่มากที่สุดกลุ่มหนึ่งในโลกไซเบอร์ด้วยซ้ำไป ซึ่งเป็นเครื่องชี้ว่ามนุษย์ในโลกที่สับสนวุ่นวาย แย่งกันกินแย่งกันใช้ อย่างในปัจจุบัน (การแบ่งยุคของอินเดียโบราณเรียกยุคนี้ว่าเป็นกาลียุค) อาจจะยิ่งหิวกระหาย ดิ้นรนไขว่คว้าที่จะได้พบรักแท้ คู่แท้ ที่เชื่อว่าจะนำความสุขอันแท้จริงมาสู่ชีวิตได้ ยิ่งกว่ายุคสมัยใดที่ผ่านมา และคุณโรจน์ก็ไม่น่าจะต้องแปลกใจที่ทำไมมีผู้สนใจเข้ามาที่เว็บบอร์ดของที่นี่เพื่อสอบถามเรื่องความรักและเนื้อคู่กันมากจนคุณโรจน์ต้องขอให้หยุดการถามเรื่องนี้ไว้เป็นระยะๆเพื่อให้ผู้สนใจฝ่ายตอบพอมีเวลาจะตอบได้บ้าง
ด้วยเหตุที่ว่าเพียงแค่ดูดวงคนๆเดียวก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อนำดวงสองดวงมาเปรียบเทียบกันความยากก็ยิ่งเป็นทวีคูณ ในขณะที่ทฤษฎีและหลักเกณฑ์ในเรื่องนี้มีมากมายนับไม่ถ้วนแล้วแต่มติของแต่ละตำราแต่ละสำนักจะว่ากันไป นอกจากนี้ยังมีข้อพิจารณาในเรื่องของคำจำกัดความอีกเช่น คำว่า คู่แท้ (Soulmate) ในภาษาอังกฤษ หมายความว่าอย่างไร คำว่า “บุพเพสันนิวาส (Fated Relation)” หมายความว่าอย่างไร เป็นต้น บทความเรื่องนี้ผู้เขียนจะเขียนในเชิงเล่าสู่กันฟังว่าเท่าที่ศึกษามาและเห็นว่าน่าสนใจมีอะไรบ้าง มีเหตุมีผลน่าเชื่อถืออย่างไร ประสบการณ์กับดวงชะตาที่เคยพบสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ดังกล่าวอย่างไร ฯลฯ โดยจะมีการสรุปประเด็นความเห็นของผู้เขียนเป็นระยะๆ และจะทยอยเขียนไปเรื่อยๆ โดยขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดกรอบและเค้าโครงเนื้อหาได้ เอาเป็นว่าคิดไปเขียนไปก็แล้วกัน และหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านผู้สนใจบ้างพอสมควร
2. มีผู้หญิงต้องมีผู้ชาย มีพระอาทิตย์ต้องมีพระจันทร์ มีกลางวันก็ต้องมีกลางคืน
ดังได้กล่าวในข้อ 1 ก่อนหน้านี้แล้วว่ามีตำรับตำราต่างๆมากมายในเรื่องของหลักเกณฑ์การสมพงษ์ดวงชะตา เพื่อตรวจหาเงื่อนงำของคู่แท้ และบุพเพสันนิวาสในทางโหราศาสตร์ รวมทั้งเรื่องของคำจำกัดความต่างที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดีเพื่อให้ตอนที่ 1 นี้ไม่น่าเบื่อเกินไปสำหรับผู้สนใจ เพราะหากจะไปกล่าวถึงเรื่องคำจำกัดความ (ตามทฤษฎีแล้วมีความจำเป็น) และเรื่องพื้นฐานต่างๆล้วนๆก็จะชวนให้น่าเบื่อง่วงหงาวหาวนอนกันไปเสียก่อน ในเบื้องต้นผู้เขียนจึงขอแทรกกล่าวถึงหลักเกณฑ์สองประการในการพิจารณาสมพงษ์ดวงชะตาที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งน่าจะเทียบกันได้กับตัววิชาโหราศาสตร์เองเลยทีเดียว และดูเหมือนว่าร้อยเล่มพันตำราที่กล่าวถึงเรื่องการสมพงษ์ดวงชะตาเท่าที่มีอยู่ในโลกปัจจุบัน ล้วนต้องกล่าวถึงหลักเกณฑ์ทั้งสองนี้ด้วยเกือบทุกเล่มทุกตำรา
หลักเกณฑ์แรกที่จะกล่าวถึงนี้ถือกันว่าเป็นกฎคลาสสิคของโหราศาสตร์ตะวันตกทีเดียวถึงขั้นอาจจะกล่าวได้เลยว่าตำราทางด้านการสมพงษ์ดวงชะตาของฝรั่งเกือบทุกเล่มทุกสำนักต้องพูดถึงสัมพันธภาพอันนี้หรือที่เกี่ยวเนื่องสืบเนื่องกับสัมพันธภาพนี้ไว้ด้วยเสมอ โดยอ้างกันว่า ท่านคลอเดียส พโตเลมี บิดาแห่งวิชาโหราศาสตร์ตะวันตก กล่าวไว้ในคัมภีร์เททราบีบลอส ซึ่งเป็นคัมภีร์รากฐานของวิชาโหราศาสตร์ตะวันตก และมีการตีความแตกต่างกันไปบ้างแต่สรุปก็จะอยู่ในกรอบความหมายที่ใกล้เคียงกัน การตีความอันหนึ่งที่ผู้เขียนเห็นว่าน่าประทับใจดีจากหนังสือโหราศาสตร์เล่มหนึ่งกล่าวไว้ในทำนองว่า “ถ้าหากอาทิตย์ในดวงชะตาชายสัมพันธ์ดีกับจันทร์ในดวงชะตาหญิง จิตวิญญาณของทั้งสองคนจะหล่อหลอมรวมกัน จะครองคู่กันด้วยความรักความเข้าใจมีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันผูกพันกัน จะอยู่ด้วยกันไปตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิต” ลูกศิษย์อาจารย์พลตรีประยูร พลอารีย์ท่านหนึ่งซึ่งได้ติดตามเรียนหลักสูตรพิเศษต่างๆจากท่านหลายหลักสูตรด้วยกันเล่าให้ผู้เขียนฟังว่าอาจารย์ประยูรกล่าวถึงสัมพันธภาพระหว่างอาทิตย์กับจันทร์ในการเปรียบเทียบดวงชะตาหญิงกับชายไว้ดังนี้ “ถ้าอาทิตย์ในดวงชะตาชายถึงจันทร์ในดวงชะตาหญิง หญิงชายคู่นั้นถ้าได้แต่งงานอยู่กินกันเป็นสามีภรรยาแล้ว ไม่ว่าเรื่องวิกฤติ เลวร้าย หรือรุนแรงใดๆในชีวิต จะไม่สามารถแยกทั้งสองคนออกจากกันได้เลย เขาทั้งสองจะครองชีวิตคู่อยู่ด้วยกันจนกว่าความตายจะมาพราก”
อีกหลักเกณฑ์หนึ่งซึ่งเกือบทั้งร้อยเล่มพันตำราที่ว่าด้วยการสมพงษ์ดวงชะตาจะต้องกล่าวไว้เสมอเช่นกัน โดยส่วนใหญ่ให้น้ำหนักความสำคัญไม่น้อยกว่าหรือบางมติเห็นว่าเหนือกว่าหลักเกณฑ์ในวรรคก่อนหน้าด้วยซ้ำไป สัมพันธภาพที่สองนี้คือ “ถ้าอังคารในดวงชะตาชายสัมพันธ์ถึงศุกร์ในดวงชะตาหญิง หญิงชายคู่นั้นจะเกิดจิตปฏิพัทธ์ผูกพันรักใคร่กันในทันทีที่ได้พบ” ตำราหลายเล่มของฝรั่งย้ำว่าสัมพันธภาพนี้ทำให้เกิดรักแรกพบระหว่างชายกับหญิง ยกตัวอย่างเช่น ซิดนีย์ โอมาร์ นักโหราศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในสหรัฐอเมริกายุคปัจจุบันเขียนไว้ว่า “หากอังคารในดวงชะตาชายให้แสงถึงศุกร์ในดวงชะตาหญิง ความรักระหว่างชายหญิงคู่นี้จะต้องบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเช่นเดียวกับที่พระอาทิตย์จะต้องขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก” ทางด้านโหราศาสตร์ไทยเรา ท่านอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร เขียนไว้ในตำราหลายเล่มของท่านในส่วนที่ว่าด้วยการสมพงษ์ดวงชะตาว่า “ถ้าดาวอังคารในดวงชะตาชายร่วมราศีกับศุกร์ในดวงขะตาหญิง หญิงชายคู่นั้นจะมีรสนิยมสอดคล้องต้องกัน จะเกิดจิตปฏิพัทธ์รักใคร่ชอบพอกันในทันทีที่ได้พบ” นอกจากนี้ในระหว่างการตอบคำถามนอกห้องเรียนผู้เขียนเคยได้ฟังจากท่านว่า ความสัมพันธ์ระหว่างดาวอังคารในดวงชะตาชายกับดาวศุกร์ในดวงชะตาหญิงนั้น ถ้าถึงขั้นหลับนอนได้เสียเป็นเมียผัวกันแล้ว จะไม่สามารถแยกชีวิตหญิงชายคู่นี้ออกจากกันได้เลย แม้จะฆ่าให้ตายก็ตาม
3. แล้วยังไงต่อ
ถ้าอ่านเนื้อหาในข้อ 2 ก่อนหน้านี้ ท่านผู้อ่านหลายท่านอาจจะคิดว่าเอ ถ้าเรามีหลักเกณฑ์ทางโหราศาสตร์กล่าวไว้ชัดเจนอย่างนี้ เรื่องการดูสมพงษ์ก็ง่ายซี ในชีวิตจริงอะไรๆมันก็ไม่ง่ายเหมือนที่มนุษย์เราปราถนาหรอกครับ ถ้ามันง่ายจริงโลกนี้ก็คงจะปราศจากการหย่าร้าง ความเจ็บช้ำ ทุกข์ทรมานในชีวิตแต่งงานที่เราเห็นกันอยู่มากมากแม้ในชีวิตประจำวันในสังคมของพวกเราเอง และโลกนี้ก็คงจะน่าอยู่กว่าปัจจุบันอีกมากเพราะครอบครัวเป็นสังคมหน่วยย่อยที่เล็กที่สุดแต่สำคัญมากและเป็นรากฐานของสังคมด้วย ถ้าครอบครัวมีความสุข ความรัก ความอบอุ่น สังคมโดยรวมย่อมจะดีไปด้วยอย่างแน่นอน โหราศาสตร์เป็นเพียงวิชาการแขนงหนึ่งที่พยายามจะเข้ามาแก้ไขปัญหานี้ แต่โหราศาสตร์เพียงอย่างเดียวย่อมไม่สามารถจะแก้ไปัญหาในระดับรากฐานของชีวิตเช่นนี้ได้โดยลำพัง อย่าว่าแต่ตัวโหราศาสตร์เองก็เหมือนกับศาสตร์อื่นๆในโลกนี้ คือไม่ได้มีความรอบรู้อย่างสมบูรณ์ และอาจไม่มีวันนั้นเลยก็ได้เช่นเดียวกันกับศาสตร์อื่นๆที่ยังต้องเรียนต้องค้นคว้าศึกษากันต่อไปไม่มีสิ้นสุด ตัวอย่างง่ายๆถ้าใครเคยศึกษาโหราศาสตร์ภารตะมาจะเห็นว่าอินเดียให้ความสำคัญกับการสมพงษ์ดวงชะตาเป็นอย่างยิ่ง มีตำราว่าด้วยการสมพงษ์ดวงชะตาหญิงชายโดยเฉพาะ มีการพิจารณาอย่างละเอียดมากถึงขั้นการพิจารณาให้คะแนนเป็นตัวเลข และคนอินเดียเองแทบทุกครอบครัวจะต้องให้นักโหราศาสตร์ผูกดวงชะตาคู่บ่าวสาวเพื่อดูสมพงษ์ด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็ใช่ว่าอินเดียจะปราศจากปัญหาเรื่องการหย่าร้าง
ดังนั้นในตอนต่อๆไปผู้เขียนจะทยอยกล่าวถึงปัญหาต่างๆที่ทำให้วิชาโหราศาสตร์ใช้การไม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากนักในเรื่องนี้ ควบคู่ไปกับการนำหลักเกณฑ์การสมพงษ์ดวงชะตาของสำนักต่างๆมาเล่าสู่กันฟัง โดยในตอนหน้าจะเป็นการวิพากษ์หลักเกณฑ์ทั้งสองที่นำมาเสนอในตอนนี้ ในมุมมองด้วยหลักเกณฑ์ทางโหราศาสตร์ ปรัชญา คำจำกัดความของศัพท์ที่อ้างถึง และประสบการณ์จริง จากดวงชะตาที่เคยพบมาและมีความเกี่ยวข้องกับหลักเกณฑ์ทั้งสองดังกล่าว
4. ข้อเตือนใจ
แต่โบราณมาไทยเราถือกันมากว่าการทายดวงชะตาเด็ก การทายสมพงษ์เมียผัว การทายตาย นั้นท่านห้ามการทำนาย ถึงกับมีคำกลอนสอนไว้เป็นสุภาษิตสำหรับนักโหราศาสตร์ให้ท่องจำเอาไว้คอยเตือนตนเอง แต่เนื่องจากผู้เขียนจำกลอนบทดังกล่าวไม่ได้ และก็ไม่มีเวลาจะค้นหนังสือเล่มที่มีกลอนดังกล่าวออกมาได้ จึงไม่ได้นำมาลงไว้ในบทความนี้ (ถ้าหาเจอเมื่อไรจะนำมาลงให้ครับ) ผู้เขียนมาคิดดูแล้วเห็นด้วยกับโบราณของไทยเราอย่างยิ่งด้วยเหตุผลดังนี้คือ
1. ที่แน่ๆคือวิชาโหราศาสตร์ไม่ได้ต่างกับศาสตร์อื่นๆเลย เช่นวิศวกรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ แพทย์ศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฯลฯ ความรอบรู้ยังไม่สมบูรณ์ ยังมีที่ไม่รู้อีกมากมาย ยังจะต้องศึกษาค้นคว้ากันไปอีกไม่รู้จบ แต่เราก็สามารถใช้ประโยชน์จากศาสตร์เหล่านี้ได้ในขอบเขตที่เหมาะสมอันหนึ่ง
2. เพราะเหตุที่ความรู้ยังไม่สมบูรณ์ ดังนั้นไม่ว่าในกรณีใดคำทำนายทางโหราศาสตร์ก็ยังคงเป็นคำทำนายอยู่นั่นเอง ไม่อาจรับรองได้ว่าจะถูกต้อง 100 % ยิ่งในกรณีของโหราศาสตร์ซึ่งเป็นเพียงเครื่องชี้กรรมเก่าเท่านั้น ในขณะที่ความเป็นไปในชีวิตขึ้นอยู่กับการกระทำในชาตินี้ด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับตัวเจ้าชะตาเองที่จะเป็นผู้ลิขิตชีวิตของตัวเอง ยิ่งต้องพึงระวังให้มากกับการนำผลคำทำนายไปใช้
3. การพยากรณ์ดวงชะตาเด็กนั้นท่านห้ามทำนาย เพราะคำทำนายของนักโหราศาสตร์อาจไม่ถูกก็ได้ ยกตัวอย่างเช่นถ้าไปทายลูกคนนี้ดีจะพึ่งได้ ลูกคนนี้ไม่ดีจะนำภัยมาสู่พ่อแม่ดังนี้เป็นต้น ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นการไปสร้างอคติให้เกิด โดยพ่อแม่อาจจะเกิดอคติรักลูกคนนี้ไม่รักลูกคนนั้นทำให้ชีวิตครอบครัว ทั้งพ่อแม่และลูกเกิดปัญหา เป็นบาปเป็นกรรมของนักโหราศาสตร์ที่ไปให้คำทำนาย เพราะวิชาโหราศาสตร์นั้นไม่แน่อยู่แล้วว่าจะถูกต้อง แต่คำทำนายได้ก่อให้เกิดเวรกรรมกับผู้บริสุทธิ์ทั้งพ่อแม่และลูกไปแล้ว ในเรื่องตายก็คงทำนองเดียวกันไม่มีใครบอกได้หรอกครับแน่ๆในเรื่องนี้ สาเหตุมาจากความไม่สมบูรณ์ของวิชาโหราศาสตร์เองและกรรมใหม่ของเจ้าชะตาที่ไม่มีใครรู้ได้ ดังคำกล่าวของ ดร. บีวี รามัน โหรเอกของอินเดียยุคปัจจุบันที่กล่าวว่า “Astrology can only indicate in a way what will take place in future, who else except the Creator, Bhraman can know with certainty what will happen” แปลเป็นไทยได้ความว่า “วิชาโหราศาสตร์เพียงแต่บอกได้ว่า อะไรน่าจะเกิดขึ้นเท่านั้น ไม่มีใครหรอกที่จะบอกได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน นอกจากพระพรหมซึ่งเป็นพระผู้สร้างเท่านั้น”
4. การทายสมพงษ์เมียผัวนี่ก็เป็นเรื่องที่โบราณไทยเราห้ามเด็ดขาดเช่นกัน เพราะว่าคนเขาแต่งงานอยู่กินกันเป็นสามีภรรยาไปแล้ว จะดีไม่ดีอย่างไรก็จะต้องช่วยกันประคับประคองชีวิตครอบครัวให้ไปได้ วิชาโหราศาสตร์เองก็ไม่สมบูรณ์ ไปทายร้ายรังแต่จะทำให้เขาเกิดอุปาทาน ดีไม่ดีอยู่กันดีๆได้เลยกลายเป็นเชื่อคำทำนายต้องเลิกร้างกันไป ลูกเต้าเดือดร้อนอีก เป็นเวรเป็นกรรมกับผู้ที่รับฟังคำทำนายและครอบครัวแล้วเวรกรรมยังจะมาถึงกับคนที่ให้คำทำนายอีกด้วย
5. เนื่องจากเนื้อหาในบทความนี้ทั้งในตอนนี้และตอนต่อๆไปจะประกอบด้วยหลักเกณฑ์ในการสมพงษ์ดวงชะตาที่รวบรวมมาจากมากมายหลายสำนักด้วยกัน ผู้เขียนเพียงต้องการให้เป็นความรู้สำหรับการนำไปพิจารณรใช้อย่างระมัดระวังและมีเหตุมีผล พึงระลึกถึงความไม่สมบูรณ์ของวิชาเสมอ หลักเกณฑ์ต่างๆนำมาใช้ได้แต่ต้องนำมาใช้อย่างสร้างสรรค์ไม่ใช่เพื่อทำลาย ผู้เขียนได้เคยอ่านพบในเว็ปไซ้ท์ว่าด้วยเรื่องการสมพงษ์ดวงชะตาของฝรั่งแห่งหนึ่งเขาเขียนคำเตือนผู้อ่านไว้ได้ดี จึงได้แปลและนำมาลงไว้ดังนี้ครับ
5.1 แน่นอนวิชาโหราศาสตร์สามารถที่จะให้เงื่อนงำบางอย่างได้ว่า ทำไมคุณจึงรู้สึกรักใคร่ผูกพันลึกซึ้งกับคนบางคนเป็นอันมาก เงื่อนงำเหล่านี้เป็นการแสดงออกถึงศักยภาพความสัมพันธ์ที่มีอยู่ภายในอย่างลึกซื้งและซับซ้อน ปราศจากเหตุผล ปรากฏออกมาในรูปของ ความผูกพันกันด้วยชะตากรรม, ความเกี่ยวข้องทางสายโลหิต, โชคชะตา, และความผูกพันทางอารมณ์ระหว่างคนทั้งสอง
อย่างไรก็ตามตรงนี้ มีข้อควรระวังบางประการที่จำเป็นจะต้องนำมากล่าวเตือนเอาไว้ ว่าการได้พบหรือคิดว่าได้พบและสัมพันธ์กับคนที่คิดว่าเป็นคู่แท้ (Soulmate) ของท่านนั้น
- ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าคุณได้พบกับความสัมพันธ์ที่ราบรื่นกับบุคคลดังกล่าว
- ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าบุคคลดังกล่าวจะอยู่ร่วมชีวิตกับคุณไปจนตลอดของการเกิดในชาตินี้ กรรมใหม่ในชาตินี้ที่คุณทั้งสองกระทำ มีส่วนด้วยในการกำหนดว่าความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองจะยั่งยืนได้หรือไม่เพียงใด
- นักโหราศาสตร์ที่มีชื่อเสียงคือ สตีเฟ่น ฟอร์เร้สท์ กล่าวเตือนไว้ว่าในบางครั้งคนที่เป็นคู่แท้ (เคยอยู่ร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน, บุพเพสันนิวาส) ซึ่งกันและกันก็ถึงกับฆ่ากันตายได้
5.2 สัมพันธภาพในการเปรียบเทียบดวงชะตาที่กล่าวถึงในบทนี้ ไม่ได้เป็นหลักประกันว่า
- คุณได้พบแล้วกับเนื้อคู่ที่มีบุพเพสันนิวาสกันมาแต่ชาติปางก่อน ซึ่งคุณจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขไปจนตลอดชีวิต
- คุณได้พบแล้วกับสัมพันธภาพที่ราบรื่นและเปี่ยมสุข
- ไม่ได้มีเพียงสัมพันธภาพต่างๆเหล่านี้เท่านั้นที่อาจแสดงถึงว่าคุณได้พบกับเนื้อคู่ที่มีบุพเพสันนิวาสกันมาแต่ชาติก่อน และก็ไม่ได้มีเพียงสัมพันธภาพเหล่านี้เท่านั้นที่เป็นเงื่อนงำของความดึงดูด ความรักและความผูกพัน รวมถึงการเข้ากันได้ระหว่างคนสองคน
อย่างไรก็ตามถ้าหากผลการเปรียบเทียบดวงชะตาพบว่าระหว่างดวงชะตาทั้งสอง มีสัมพันธภาพที่กล่าวถึงในบทนี้หนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งสัมพันธภาพ จะเป็นการแสดงถึงศักยภาพว่าคุณอาจจะได้พบแล้วกับความสัมพันธ์ที่ผูกพันลึกซื้งและเป็นบุพเพสันนิวาสกันมาแต่ชาติปางก่อนก็เป็นได้
By: ชาญชัย เดชะเสฏฐดี
----------
ขอ ขอบคุณ ท่านผู้เขียนบทความที่ให้ความกรุณาแก่เว็บไซต์แห่งนี้ อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างทางความคิดย่อมมีได้ และผมขอจำกัดความรับผิดชอบในฐานะเจ้าของเว็บ เท่าที่กฎหมายและกติกาสังคมกำหนด ท่านที่ประสงค์จะร่วมเขียนบทความเช่นนี้ โปรดติดต่อ webmaster@rojn-info.com