“เกนทโรปะโคติพะละวาน สุผุรำทะศุมาลี
สวะรโลกะ ราชิสะจิวะหะ ศะมะเยทะวะศยม
เอโก พะหูนิ ทุริตานิ สุทุศัตรานิ ภักตยา
ปรยุกตะ อิวะ ศูละธเร ปรณาม”
1. บทนำ
เพื่อให้สมกับความสำคัญและความยิ่งใหญ่ของดาวพฤหัสบดีประธานแห่งดาวศุภเคราะห์ของทั้งโหราศาสตร์ตะวันตกและตะวันออก จึงได้นำโศลกจากคัมภีร์ปาริชาติชาดก, คัมภีร์สาราวลี, คัมภีร์มาณฑะวัยชาดก, และคัมภีร์ปฤหัตประชาประตัย ของอินเดียโบราณซึ่งกล่าวไว้ตรงกันถึงความยิ่งใหญ่แห่งอานุภาพของดาวพฤหัส เนื้อหาของโศลกดังกล่าวแปลเป็นไทยได้ความว่า “ในดวงชะตาใดถ้ามีดาวพฤหัสบดีที่เข้มแข็ง อยู่ในภพเกนทระกับลัคนา ดาวพฤหัสบดีในดวงชะตาจะสามารถทำลายล้างความวิบัติต่างๆในดวงชะตาได้หมดสิ้น ไม่ว่าความวิบัตินั้นจะยิ่งใหญ่สักเพียงใด เปรียบเหมือนตรีศูลของพระศิวะเจ้าย่อมสามารถปราบอสูรร้ายมารชั่วต่างๆได้หมดสิ้น” ความหมายคงไม่ต้องขยายความอีกเพราะคำแปลของโศลกชัดอยู่ในตัวเองแล้ว ในโหราศาสตร์ไทยเราก็มีสัจจสูตร (ความหมายน่าจะเหมือนกับคำว่า dictum ในภาษาอังกฤษ แต่ผู้เขียนนึกคำภาษาไทยที่เหมาะสมกว่านี้ยังไม่ออก) ว่าด้วยความสำคัญของดาวพฤหัสบดีเช่นกันว่า “ผิวะสรรพเคราะห์มาตรหมาย ให้โทษแก่ลัคนาหลาย พระพฤหัสบดีให้คุณย่อมพ้นภัย หากพระพฤหัสบดีให้โทษแก่ลัคนาใคร บ่มีพระเคราะห์ใดๆอาจจะคุ้มครองได้เลยนา” (ตำราโหราศาสตร์ไทยหลายเล่มจะกล่าวข้อความในทำนองเดียวกันนี้ถึงดาวพฤหัสเสมอ)
2. มุมมองของโหราศาสตร์ตะวันออก
จากข้อ 1 สามารถสรุปได้ว่าทัศนะของโหราศาสตร์ตะวันออกนั้นให้ความสำคัญแก่ดาวพฤหัสยิ่งถึงขนาดที่ว่าสามารถแก้ความวิบัติต่างๆในดวงชะตาทั้งในกรณีของดวงกำเนิดและดวงจร โดยในดวงชะตากำเนิดก็เชื่อว่า ดาวพฤหัสที่เข้มแข็งในภพเกนทระกับลัคนาจะสามารถลบล้างความวิบัติที่เกิดจากโยคเกณฑ์ร้ายต่างๆในดวงชะตาได้หมดสิ้น ถ้าเป็นกรณีของดาวจรก็เชื่อว่าไม่ว่าดาวจรจะมาร้ายแรงเพียงใดหรือถึงขนาดที่โหราศาสตร์ไทยเราเรียกว่า “ฆาตขัย” ถ้าหากดาวพฤหัสจรให้แสงถึงลัคนาหรืออยู่ในภพเกนทระกับลัคนาก็เชื่อว่าเจ้าชะตาจะสามารถฟันฝ่า อุปสรรคภยันตรายต่างๆไม่ว่าจะรุนแรงแค่ไหนไปได้ มีคำกล่าวในคัมภีร์อินเดียโบราณเล่มหนึ่ง กล่าวถึงอานุภาพของดาวพฤหัสไว้ถึงขนาดว่า ไม่ว่าดาวพฤหัสจะอยู่ในสถานะที่ตกต่ำเพียงใดแม้ถึงกับดับสนิท (อัษฏะ คือการกุมสนิทองศากับอาทิตย์ ซึ่งหลักการพื้นฐานของโหราศาสตร์ภารตะถือว่าเสมือนหนึ่งไม่มีดาวที่ดับนั้นในดวงชะตาเลย) แต่แสงของดาวพฤหัส (โยค เกณฑ์ จากดาวพฤหัส) ยังทรงอานุภาพเสมอ ที่จะสลายความร้าย (วิบัติ) ของจุดต่างๆในดวงชะตาทีได้รับแสงจากดาวพฤหัสได้ ยกตัวอย่างเช่น ในดวงชะตากำเนิด ปรากฏว่ามี ดาวศุกร์กุมกับราหูสนิทองศาในราศีกันย์ (ศุกร์เป็นนิจด้วย) และได้รับแสงเต็มที่จากเสาร์กำเนิดในราศีธนู (เสาร์ให้แสดงเต็มที่ในราศีที่ 1, 3, 7, 10) อ่านได้ว่าดาวศุกร์นอกจากจะตกต่ำอย่างที่สุดเนื่องจากเป็นนิจแล้วยังถูกเบียฬจากบาปเคราะห์ที่ร้ายแรงที่สุดด้วย (เสาร์เป็นประธานบาปเคราะห์ = ยักษ์ ราหู = มาร) แต่หากมีดาวพฤหัส (แม้จะดับสนิทคือกุมสนิทองศากับอาทิตย์) ในราศีมังกร (เป็นนิจด้วย) ให้แสงถึง ศุกร์ในราศีกันย์ (พฤหัสให้แสงเต็มที่ในราศีที่ 1, 5, 7, 9) แสงของดาวพฤหัสจะสามารถปลุกดาวศุกร์ให้กลับฟื้นคืนชีพมาได้ และเรื่องราวตามความหมายของดาวศุกร์ในดวงชะตานั้นจะไม่เป็นความวิบัติในชีวิตของเจ้าชะตา ส่วนปราชญ์ทางไทยเราเช่นท่านอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร เมื่อกล่าวถึงผลร้ายจากการที่ดาวพระเคราะห์ในดวงชะตาถูกสุริยคราสหรือจันทรคราสนั้น โดยเฉพาะในกรณีที่จุดเจ้าชะตาสำคัญต้องคราส เช่นกรณีเกิดสุริยคราสตรงกับวันกิดเป็นต้น จุดคราสจะทับอาทิตย์กำเนิดพอดีองศา ถือเป็นโครงสร้างร้ายอย่างยิ่งถ้าพูดตามภาษาชาวบ้านก็คืออาจถึงขั้นต้องเตรียมต่อโลงไว้ได้เลย โดยเฉพาะถ้ามีบาปเคราะห์อื่นเข้ามาเบียฬบ่อนซ้ำเข้าอีก โครงสร้างเดียวที่มีอานุภาพในการแก้ผลร้ายของคราสได้อย่างดีที่สุด คือการที่ดาวพฤหัสจรให้แสงถึงจุดคราส หรือลัคนา หรืออยู่ในภพเกนทระจากลัคนา
ที่กล่าวมาในวรรคก่อนหน้านี้ท่านผู้อ่านคงจะได้เห็นถึงความสำคัญและความยิ่งใหญ่ของดาวพฤหัสบดีในทัศนะของโหราศาสตร์ตะวันออกของพวกเราแล้วว่ายิ่งใหญ่และสำคัญเพียงใด อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าความยิ่งใหญ่ดังกล่าวจะเป็นการเน้นในเรื่องของการแก้ดวงชะตาเป็นสำคัญ แต่ในเรื่องของการก่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองด้วย อำนาจ วาสนา และความมั่งคั่งร่ำรวยทรัพย์สินนั้น ดูประหนึ่งว่าดาวพฤหัสไม่ได้มีความสำคัญเหนือกว่าดาวอื่นๆเลย ที่เห็นได้ชัดเจนก็เช่น ในโหราศาสตร์ภารตะนั้นมีโยคสำคัญที่เรียกว่า “ปัญจะมหาบุรุษโยค” ซึ่งเป็นโยคที่บอกถึงลักษณะห้าประการของมหาบุรุษตามคุณสมบัติของดาวพระเคราะห์ที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าทั้ง 5 คือ อังคาร (รุจกะโยค) พุธ (ภัทรโยค) พฤหัส (หังสะโยค) ศุกร์ (มาลัยโยค) และเสาร์ (ศะศะโยค) ปัญจะมหาบุรุษโยคจากดาวพฤหัสเป็นเพียงหนึ่งในห้าของของมหาบุรุษทั้งห้าประเภทเท่านั้น นอกจากนั้นในเรื่องของความมั่งคั่งร่ำรวยและอำนาจวาสนานั้นโหราศาสตร์ภารตะจะมีโครงสร้างประเภทที่เรียกว่า “ราชาโยค” เป็นจำนวนมากในคัมภีร์ต่างๆโดยราชาโยคดังกล่าวประกอบขึ้นจากดาวเคราะห์ในสถานะต่างๆโดยไม่จำเป็นต้องเป็นดาวพฤหัสเลย ที่สำคัญคือพื้นฐานที่มาของราชาโยคนั้น ท่านมหาฤาษีปะราสะระซึ่งถือกันว่าเป็นบิดาของวิชาโหราศาสตร์ภารตะกล่าวไว้ในคัมภีร์ ปะราสะระโหราศาสตรา ว่าเกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าเรือนเกนฑ์กับเจ้าเรื่อนโกณเป็นสำคัญ คือ “ เรือนเกณฑ์เป็นเรือนของวิษณุเทพ หมายถึงอำนาจ เรือนโกณเป็นเรือนของลักษมีเทวี หมายถึงทรัพย์สิน ความสัมพันธ์กันระหว่างเจ้าเรือนเกณฑ์กับเจ้าเรือนโกณหมายถึงทรัพย์สินรวมเข้ากันกับอำนาจ จึงก่อให้เกิดผลเป็นราชาโยค” จะเห็นได้ว่าแม้กระทั่งโดยพื้นฐานของราชาโยคเองซึ่งเป็นโยคเกณฑ์ที่สำคัญที่สุดในโหราศาสตร์ภารตะอันหมายถึงทรัพย์สินกับอำนาจวาสนา ยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับดาวพฤหัสโดยตรงเลย
ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าทางตะวันออกเรายังเน้นความหมายของดาวพฤหัสไปในทาง คุณธรรม ศาสนา และปรัชญา มากกว่าทรัพย์สินและอำนาจหรืออื่นๆอีกด้วย ดังคำกล่าวที่ว่า “ยศศักดิ์ทายอาทิตย์ รูปจริตทายจันทร์ กล้าแข็งขยันทายอังคาร เจราจาอ่อนหวานทายพุธ ปัญญาบริสุทธิ์ทายพฤหัส กิเลสสมบัติทายศุกร์ โทษทุกข์ทายเสาร์ มัวเมาทายราหู” ในส่วนของโหราศาสตร์ภารตะนั้น หังสะโยค หนึ่งในห้าของปัญจะมหาบุรุษโยคที่เกิดจากดาวพฤหัส ส่งผลให้เจ้าชะตาเป็นมหาบุรุษด้วยลักษณะของคุณธรรม และมีกล่าวไว้ในหลายคัมภีร์ว่าโครงสร้างหนึ่งที่ทำนายว่าเจ้าชะตาจะบรรลุโมกษะนั้นคือการมีดาวพฤหัสอยู่ในภพเกนทระจากลัคนา
จึงน่าจะสรุปได้ว่าทัศนะของโหราศาสตร์ตะวันออกนั้นมีความเห็นว่าดาวพฤหัสมีความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะที่เป็นดาวแห่งคุณธรรม และมีอานุภาพอย่างยิ่งในการลบล้างความวิบัติต่างๆในดวงชะตาได้ แต่ไม่ได้มีความเหนือกว่าดาวพระเคราะห์อื่นๆในด้านของการที่จะก่อให้เกิดความมั่งคั่งร่ำรวยและอำนาจวาสนาแต่อย่างใด
3. มุมมองของโหราศาสตร์ตะวันตก
โหราศาสตร์ตะวันตกก็มองเช่นเดียวกันกับตะวันออกว่า ดาวพฤหัสเป็นประธานศุภเคราะห์ และมีความสำคัญอย่างยิ่งถึงขนาดที่เรียกดาวพฤหัสว่า The Greater Fortune (โชคใหญ่) และเรียกดาวศุกร์ว่าเป็นโชคเล็ก (The Lesser Fortune) อย่างไรก็ตามปรัชญาพื้นฐานของโหราศาสตร์ตะวันตกต่างกับโหราศาสตร์ตะวันออกโดยสิ้นเชิงในเรื่องของการแก้ดวงและการลบล้างกันระหว่างผลของโครงสร้างดีและโครงสร้างร้าย ดังนั้นในวิชาโหราศาสตร์ตะวันตกดาวพฤหัสจึงไม่ได้มีอานุภาพในการแก้ดวงได้เลย แต่ดาวพฤหัสมีความสำคัญมากที่สุดในฐานะความจำเป็นที่ดาวพฤหัสในดวงชะตาจะต้องเข้มแข็งเพื่อให้เจ้าชะตาประสบความสำเร็จในชีวิต ถ้าความจำเป็นไม่มีก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการประสบความสำเร็จในชีวิต และในทัศนะของโหราศาสตร์ตะวันตกนั้นไม่กลัวดาวบาปเคราะห์ แต่กลัวการไม่มีกำลังของดาวพฤหัสมากกว่า เพราะบาปเคราะห์เพียงทำให้ต้องมีอุปสรรคและความยากลำบากในชีวิตเท่านั้นแต่ถ้าดาวพฤหัสแรงแม้ว่าเจ้าชะตาจะพบกับอุปสรรคและความทุกข์ยากลำบากมากเพียงใด เจ้าชาตาก็ยังสามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้
คงต้องขอขยายความเรื่องการหักกลบลบกันระหว่างผลของโครงสร้างร้ายกับโครงสร้างดีในรายละเอียดเพราะเป็นประเด็นแตกต่างที่สำคัญยิ่งในหลักการเกี่ยวกับดาวพฤหัสของทั้งสองระบบ ในทัศนะของโหราศาสตร์ตะวันตกนั้นโครงสร้างร้ายก็ให้ร้ายไป โครงสร้างดีก็ให้ผลดีไป เจ้าชะตาจะได้รับผลร้ายและผลดีตามโครงสร้างดังกล่าวที่กำลังทำงานทุกประการ จะไม่มีการหักกลบลบกันเช่นผลดีมากกว่าผลร้ายดังนั้นจึงไม่เกิดเรื่องร้ายขึ้นและเกิดเรื่องดีบ้าง (เรื่องดีเหลือน้อยลงเนื่องจากได้ถูกเรื่องร้ายหักล้างออกบ้างแล้ว) ยกตัวอย่างเช่นในชีวิตจริงเราจะได้เห็นกันอยู่บ่อยๆที่บางคนขณะที่กำลังรุ่งเรืองอย่างที่สุดในหน้าที่การงานหรือการเงิน เป็นที่รู้จักกันไปทั่วในสังคม แต่กลับต้องเสียชีวิตลงอย่างน่าเสียดายในท่ามกลางความรุ่งเรืองและรุ่งโรจน์ดังกล่าว ที่เป็นเช่นนั้นก็เนื่องจากในขณะนั้นโครงสร้างที่ดีมากๆก็กำลังทำงาน และโครงสร้างร้ายมากๆก็กำลังทำงาน เจ้าชะตาจึงได้รับทั้งเรื่องดีมากและร้ายมากในเวลาเดียวกันโดยไม่มีการหักกลบลบกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีโครงสร้างแรงๆในดวงชะตามากๆโครงสร้างเหล่านั้นมักจะแสดงผลชี้ขาดออกมาในช่วงอายุประมาณ 45 ปี (โค้งสุริยาตร์ 45 องศา) ถึงกับเรียกโค้งสุริยาตร์ที่ 45 องศาว่าเป็นตะแกรงร่อนชีวิต
4. สรุปความแตกต่างระหว่างสองระบบ
จากที่กล่าวมาในหัวข้อก่อนหน้านี้ทั้ง 3 หัวข้อ สามารถสรุปมุมมองที่แตกต่างกันระหว่างโหราศาสตร์ตะวันออกและโหราศาสตร์ตะวันตกได้ดังนี้
โหราศาสตร์ตะวันออก
- ดาวพฤหัสมีความสำคัญที่สุดในการที่โยคเกณฑ์ของดาวพฤหัสสามารถแก้ไขโครงสร้างร้ายใดๆในดวงชะตาได้ทั้งในดวงชะกำเนิดและในดวงชะตาจร และไม่ว่าตัวของดาวพฤหัสเองจะอยู่ในสถานะที่ตกต่ำเพียงใด แสง (โยค เกณฑ์) ของดาวพฤหัสก็ยังคงสามารถแก้ไขความร้ายของโครงสร้างร้ายในจุดที่ดาวพฤหัสส่องแสงไปถึงได้เสมอ
- ในเรื่องของการประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น ดาวพฤหัสเป็นปัจจัยหนึ่งเหมือนกับดาวพระเคราะห์อื่นๆ คนเราสามารถจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ด้วยการมีโยคเกณฑ์ที่เข้มแข็งจากดาวพระเคราะห์ใดก็ได้โดยไม่ต้องอาศัยความเข้มแข็งของดาวพฤหัสเลย
- ดาวพฤหัสให้ความหมายไปในเรื่องของศาสนา ปรัชญา คุณธรรม และความหลุดพ้น ฯลฯ เป็นสำคัญ ผู้เขียนเคยอ่านพบจากหนังสือเล่มหนึ่งอ้างถึงว่าฝรั่งไปสำรวจหาคนที่มีหังสะโยค (หนึ่งในห้าของปัญจะมหาบุรุษโยคที่เกิดจากดาวพฤหัส) ในดวงชะตา ปรากฏว่าส่วนใหญ่กลับไปพบดวงชะตาที่มีหังสะโยคปรากฏอยู่ในพวกนักบวช คนขอทานตามเทวาลัย และศาสนสถานต่างๆ!
โหราศาสตร์ตะวันตก
- ดาวพฤหัสไม่ได้มีอานุภาพในการแก้ไขโครงสร้างร้ายใดๆได้ โครงสร้างที่ดีของดาวพฤหัสจะให้ผลดีตามความหมายในโครงสร้างนั้นๆเท่านั้น แต่ไม่สามารถไปหักล้างผลร้ายใดๆของโครงสร้างร้ายอื่นๆในดวงชะตาได้เลย ไม่ว่าจะในดวงชะตากำเนิดหรือดวงชะตาจรก็ตาม
- ดาวพฤหัสเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นในการประสบความสำเร็จในชีวิต (ไม่จำเป็นว่าถ้าดาวพฤหัสแรงแล้วจะต้องประสบความสำเร็จในชีวิต แต่การประสบความสำเร็จในชีวิตจำเป็นต้องมีดาวพฤหัสที่มีกำลังในดวงชะตา) หากเงื่อนไขที่มีความจำเป็นนี้ไม่มีในดวงชะตาก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการประสบความสำเร็จในชีวิต
- ดาวพฤหัสดูเหมือนจะมีความหมายไปในเรื่องของความสำเร็จ สมปรารถนา การแผ่ขยาย ความเจริญไพบูลย์ ฯลฯ เป็นสำคัญ
5. การพิจารณาความแรงของดาวพฤหัส
เมื่อพูดถึงเรื่องของดาวพฤหัสแล้ว ในหัวข้อสุดท้ายนี้ผู้เขียนขอนำเนื้อหาที่ท่านอาจารย์ประยูรฯ เขียนไว้ในเรื่องการพิจารณาความแรงของดาวพฤหัสในดวงชะตา (ดาวพระเคราะห์อื่นๆก็ใช้หลักเกณฑ์เดียวกันนี้ในการพิจารณา) 7 ประการ มามอบให้กับท่านผู้อ่านและหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาวิชาโหราศาสตร์ของท่านผู้อ่านสืบไป (คัดลอกมาจากต้นฉบับคำสอนของท่านอาจารย์ประยูรฯ ทุกประการ)
การตรวจสอบความสำเร็จในชีวิต
ก. ทั่วไป
บทเรียนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้แนะนำถึงหัวข้อพิจารณาของนายเอเบอร์ติน ซึ่งเป็นสำนักโหราศาสตร์ใหญ่และมีสมาชิกไม่ต่ำกว่าแสนคน เพราะสืบต่อกันมาหลายช่วงอายุคน ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่าง ฮันโนเวอร์กับฮัมเบอร์ก (ฮันโนเวอร์นั้นเป็นแบบโบราณแท้ ฮัมเบอร์กไฮเท็คแท้ แต่นายเอเบอร์ตินอยู่ระหว่างกลาง)
อย่างไรก็ดีทุกสำนักต่างลงความเห็นพ้องกันว่า พฤหัส คือความจำเป็นของการก้าวไปสู่ความสำเร็จในชีวิต อย่างอื่นไม่เกี่ยว ถ้าความจำเป็นไม่มีก็เลิกพูดกัน
ข. ความแรงของพฤหัสในพฤติภาพที่จำเป็น
ความจริงแล้วก็คงเป็นเรื่องของ “ดาวเด่นในดวงชะตา” นั่นเอง แต่สำหรับในกรณีของดาวเด่นในดวงชะตาในทัศนะอย่างกว้างนั้นค่อนข้างกว้างนิดหน่อย
ต่อไปนี้เป็นลำดับชั้นความแรงของดาวพฤหัสที่ถือว่า จำเป็นต่อการประสบความสำเร็จ
แรงขั้นที่ 1 มีตำแหน่งสัมพันธ์เป็นองศากับเมอริเดียนหรือลัคนา (วังกะไม่เกิน 2 องศา)
แรงขั้นที่ 2 สถิตในเรือนที่ 10 หรือเรือนที่ 1 (เรือนชะตาเมอริเดียน)
แรงขั้นที่ 3 สถิตในเรือนที่ 7 หรือ เรือนที่ 4 (เรือนชะตาเมอริเดียน)
แรงขั้นที่ 4 มีตำแหน่งสัมพันธ์เป็นองศากับจุดเจ้าชะตาอื่นๆ (วังกะไม่เกิน 1 องศา)
แรงขั้นที่ 5 สถิตทับเส้นแบ่งราศี (วังกะ 1 องศา)
แรงขั้นที่ 6 สถิตเป็นเกณฑ์ (1, 4, 7, 10) กับจุดเจ้าชะตา
แรงขั้นที่ 7 มีตำแหน่งสัมพันธ์เป็นองศากับดาวพระเคราะห์ใดๆก็ตาม (วังกะ 1 องศา)
สำหรับตำแหน่งสัมพันธ์ ใช้ เป็นจำนวนเท่าของ 45 องศา สำหรับมุมอื่นๆ คือ 60, 120, หรือจำนวนเท่าของ 72 องศา อาจใช้กับเมอริเดียนได้ (แต่จะต้องมีสัมพันธ์หรือโครงสร้างสนับสนุนมากๆจึงจะมั่นใจได้)
สิ่งที่จะลืมเสียมิได้ก็คือ จุดสะท้อน (Antiscien) โดยเฉพาะในการจร จะพบเสมอในเหตุการณ์ใหญ่ เช่นกรณี 16 ต.ค. 16 และ 17 – 20 พ.ค. 35 เป็นต้น แม้เมื่อ 9 ต.ค. 19 ในดวงอมาวสี (ดังได้แสดงมาแล้ว) สูตรของจุดสะท้อนคือ เมษ + เมษ – ปัจจัย (หรือ 360 – ค่าองศาของปัจจัยนั่นเอง)
และนั่นคือพฤติภาพที่จำเป็น แต่ก็ยังไม่เพียงพอ
ค. พฤติภาพที่ประกอบเพื่อให้เพียงพอ
โดยสามัญสำนึก คนเรามีแต่โชค หากไม่ทำอะไรเลย โชคลาภความสำเร็จก็จะไปตกที่สิ่งแวดล้อม หรือหากไม่มีสิ่งแวดล้อมที่ตรงสะเป๊ก ก็อาจมาในรูป อ้วนท้วนสมบูรณ์ หรือทางด้านร้ายอาจมาแบบเนื้องอก ฯลฯ ดังนี้ เพราะฉะนั้นในดวงชะตาของผู้ประสบความสำเร็จ ก็ควรจะมีโครงสร้างประกอบ เช่นโครงสร้างที่แสดงถึงความขยันขันแข็ง (เช่นอังคารกุมลัคนา) มีพัฒนาการเช่น พฤหัส = พลูโต หรือ พุธ = พลูโต
อนึ่งเกี่ยวกับโครงสร้างประกอบนี้ ตามปกตินักพยากรณ์มักจะได้รับจากการหมั่นสังเกตจากดวงชะตาที่รู้ชีวิตแล้ว หรือคนข้างเคียง ใครมีประสบการณ์มาก ย่อมมีขีดความสามารถในการวินิจฉัยได้เฉียบกว่าเป็นธรรมดา
ง. สรุป
เกี่ยวกับการพยากรณ์เรื่องความสำเร็จนี้ ตามปกติจะไปต่อหรือผนวกกับอาชีพการงานโดยอัตโนมัติ โดยที่ “พฤติภาพ” ที่ “เพียงพอ” จะเป็นผู้นำไปเอง และนายลุดวิค รูดอล์ฟ กล่าวเสมอว่า ปฏิบัติเท่านั้นคือครูที่ดีที่สุด
หมายเหตุ
คำสรุปของท่านอาจารย์ฯในชั้นเรียนคือ (เรียบเรียงจากที่ผู้เขียนได้จดบันทึกไว้ในสมุด)
ก) มีสัมพันธภาพที่จำเป็น แต่ถ้าไม่ทำอะไรก็ไม่ได้อะไร จึงต้องมีโครงสร้างประกอบอีกอย่างน้อย 1 โครงสร้าง โดยเฉพาะตั้งแต่เกรด 3 ลงมา ต้องมีโครงสร้างสนับสนุนอีกอย่างน้อย 2 โครงสร้าง จึงจะประสบความสำเร็จ
ข) ลำดับชั้นความแรงทั้ง 7 ประการนี้ครอบคลุมประมาณ 80 – 90% ของพฤติภาพที่พฤหัสแรง ดังนั้นโครงสร้างที่จะมาทดแทนความแรงของดาวพฤหัสตามลำดับ 7 ประการดังกล่าวจึงมีประมาณไม่ถึง 20%
ค) ตัวอย่างของโครงสร้างที่สามารถทดแทนได้เช่นการคำนวณหาเมอริเดียนและลัคนาของดาวพฤหัส ซึ่งถือว่ามีอิทธิพลเหมือนดาวพฤหัสแต่อ่อนกว่าเล็กน้อย ว่ามีความสัมพันธ์กับจุดเจ้าชะตาหรือไม่อย่างไร นอกจากนี้ก็ยังมีพระเคราะห์สนธิบางโครงสร้างที่สามารถทดแทนความไม่มีกำลังของดาวพฤหัสได้เช่น โครงสร้าง อาทิตย์ = อังคาร/พฤหัส (แปลว่า บุคคลที่กระทำการสิ่งใดก็สำเร็จ) เป็นต้น
By: ชาญชัย เดชะเสฏฐดี
----------
ขอ ขอบคุณ ท่านผู้เขียนบทความที่ให้ความกรุณาแก่เว็บไซต์แห่งนี้ อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างทางความคิดย่อมมีได้ และผมขอจำกัดความรับผิดชอบในฐานะเจ้าของเว็บ เท่าที่กฎหมายและกติกาสังคมกำหนด ท่านที่ประสงค์จะร่วมเขียนบทความเช่นนี้ โปรดติดต่อ webmaster@rojn-info.com