ReadyPlanet.com


เรียนฟรี! โหราศาสตร์แนวพุทธควบคู่ปฐวีกสิณกรรมฐานตามหลักคัมภีร์สุวรรณโคมคำ รู้แล้ว บอกต่อ!!!
avatar
veerawong


เรียนฟรี! โหราศาสตร์แนวพุทธควบคู่ปฐวีกสิณกรรมฐานตามหลักคัมภีร์สุวรรณโคมคำ รู้แล้ว บอกต่อ!!!
เปิดไหว้ครูเรียนโหราศาสตร์แนวพุทธอีกครั้ง ในวันที่  2, 23 เมษายน 2552

ณ  มูลนิธิสุวรรณโคมคำ

เรียนฟรี !   โหราศาสตร์แนวพุทธ   ควบคู่ปฐวีกสิณกรรมฐาน ตามหลักคัมภีร์สุวรรณโคมคำ

"ปฏิบัติง่าย  ได้ผลไว  ใช้ประโยชน์ได้จริง"

เห็นผลทันตาภายใน ๓ เดือน

สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  

www.komcome.com

หรือติดต่อสอบถามได้ที่

มูลนิธิสุวรรณโคมคำ-ชมรมศิษย์สุวรรณโคมคำโทร.๐๒-๖๘๑-๒๕๒๓,๐๘-๑๗๒๖-๔๒๔๓, ๐๘-๕๒๔๙-๙๔๓๖, ๐๘-๙๒๐๒-๑๙๙๕(หยุดทำการวันจันทร์ และ วันศุกร์)
 
หลักสูตรโหราศาตร์แนวพุทธ (คัมภีร์สุวรรณโคมคำ))

 ครั้งที่   เรื่อง
 
1.          ประวัติศาสตร์สุวรรณโคมคำ + ดาราวิภาค
 
2.          ดาวเคราะห์สัมพันธ์ + สมการพฤติกรรม
 
3.          ภูมิทักษา +  เสาสิเนรุ
 
4.         จุติ + ปฏิสนธิ +  ภพทั้ง 21
 
5.         ภูมิทักษากำเนิด +  เสาสิเนรุ + กุศลวิบากและอกุศลวิบาก
 
6.         จุติปกรณ์ +  พระพุทธรักษา + ภูมิทักษาหลวง
 
7.         ความสัมพันธ์ภพ +  วิธีคำนวณกุศลและอกุศล
 
8.         ดาวเสวยอายุ + ดาวแทรก,
 
9.        ฉัตรสามชั้น + กาลโยค  + วิธีคำนวณขึ้นแรม
 
10.      สัตตาภิธรรมวัน + ยามใหญ่
 
11.     ยามอุบัติการณ์ + นามมงคล
 
12.     ยาเบญจกูล + กรรมจักร


 
       ความเป็นมาของคัมภีร์สุวรรณโคมคำ (โดยย่อ)

 

คัมภีร์โบราณ

                  สุวรรณโคมคำ เป็นชื่อดินแดนในอดีต มีมาตั้งแต่สมัยพระกกุสันธพุทธเจ้า ในสมัยนั้นเรียกว่า “ถ้ำกุมภ์” เป็ นสถานอันพระกกุสันธสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาฉันบิณฑบาต และทรงมีพุทธทำนายไว้ว่า พระสัมมาสัมะพุทธเจ้าที่เหลืออีก ๔ พระองค์ ในอ นาคตจะมาฉันบิณฑบาตที่ถ้ำนี้เหมือนเช่นกับพระองค์ เพราะเป็นสถานที่ที่จะทรงประดิษฐานพระพุทธศาสนาไว้อย่างมั่น คงในอนาคต ภายหลังสถานที่แห่งนี้ได้มีชื่อว่า เมืองสุวรรณโคมคำ แปลว่า โคมทอง เมืองสุวรรณโคมคำมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล (ดูในตำนานเมืองสุวรรณโคมคำ) มีอาณาบริเวณสุดลูกหูลูกตา เป็นเมืองแห่งพุทธศาสนา มีพระ พุทธศาสนาเป็นศูนย์รวมใจ ครูบาอาจารย์ในสายสุวรรณโคมคำ  เล่าสืบมาว่า ท่านผู้มีฤทธิ์ฌานและบรรลุธรรมขั้นสูงในพุทธศาสนาได้รจนาไว้   เพราะเห็นว่า  สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมก็จริง แต่จะรู้ได้เฉพาะผู้ที่มีบารมีธรรมและฤทธิ์ฌานแก่กล้า   สำหรับปุถุชนคนธรรมดาทั่วไปไม่อาจจะรู้ได้    ทำให้ดำเนินชีวิตด้วยความประมาท อย่างไม่รู้โลก   ด้วยเหตุนี้ท่านเหล่านั้นจึงได้รจนาคัมภีร์สุวรรณโคมคำขึ้น  เพื่อใช้คำนวณบุญกรรมให้เห็นเป็นรูปธรรม   คัมภีร์สุวรรณโคมคำจึงถืออุบัติขึ้นแต่บัดนั้นเป็นต้นมา   และเพราะเหตุว่า คัมภีร์นี้เกิดขึ้นในแผ่นดินสุวรรณโคมคำ  บูรพาจารย์สุวรรณโคมคำจึงได้เรียกขานคัมภีร์นี้ว่า “คัมภีร์สุวรรณโคมคำ”   หรือเรียกอีกชื่อว่า "คัมภีร์มหาจักรพรรดิราช" คัมภีร์นี้แสดงสูตรคำนวณบุญบาปที่ให้ผลตามกาลเวลาไว้  และยังรวมเอาศาสตร์อื่น ๆที่มีหลักการเดียวกันผนวกไว้อย่างครอบคลุม  รวมทั้งหมด  ๑๖  ส่วน  ได้แก่

                ๑. ลคฺนา                 ว่าด้วย สภาพชีวิต  ความเป็นอยู่  รูปร่าง  บุคลิก

                ๒. โหรา                ว่าด้วย ความเจริญ ความเสื่อม ฐานะ

                ๓. ตรียางฺค            ว่าด้วยความสุข  ทุกข์ทั้งหลาย

                ๔. จตุรทฺสํส          ว่าด้วย  ความรุ่งโรจน์สูงสุด

                ๕. ตมสํส               ว่าด้วย  อนาคตอันใกล้ (แบ่งออกเป็น  ๗ ปกรณ์)

                ๖. นวางฺค              ว่าด้วย  อุบัติกาลคู่

                ๗. ทสมสํส            ว่าด้วย ตำแหน่ง  อำนาจ  อิทธิพล  บารมี (แบ่งออกเป็น  ๑๐  ปกรณ์)

                ๘. ทวาทสํส          ว่าด้วย  ผู้อุปถัมภ์  บุพพการี  วงศ์สกุล (แบ่งออกเป็น  ๒๐ ปกรณ์)

                ๙. โสทสํส             ว่าด้วย  ทรัพย์อันเป็นมรดก  ดินแดน  การยึดครอง

                ๑๐ วิมสํส               ว่าด้วย กรรมเก่า ( แบ่งออกเป็น  ๒๐  ปกรณ์)

                ๑๑. จตุรวมสํส      ว่าด้วยความสำเร็จในการศึกษาวิทยาการ  (แบ่งออกเป็น  ๒๐  ปกรณ์)

                ๑๒. ภงฺส               ว่าด้วยธาตุ  ปราณ  และสมุนไพร  (แบ่งออกเป็น ๒๗  ปกรณ์)

                ๑๓. ตริมสํส          ว่าด้วยข้าศึก  ศัตรู  อุบาทว์  และอุปสรรค (แบ่งออกเป็น  ๓๐  ปกรณ์)

                ๑๔. อคฺคเวทสํส   ว่าด้วยพฤติแห่งอาชีวะ  (แบ่งออกเป็น  ๑๕ ปกรณ์)

                ๑๕. ขวทสํส          ว่าด้วยการห้ามฤกษ์  และวางฤกษ์ตามกลุ่มนักษัตร

                ๑๖. ฉฎฺฐองฺส        ว่าด้วยอรรถย่อยทั้งหลาย

ทั้ง ๑๖ ส่วนนี้ รวมเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า  “โสฬส”  เป็นการแบ่งวิชาเท่ากับจำนวนส่วนทั้ง  ๑๖  ของดวงจันทร์ตามคัมภีร์สุวรรณโคมคำนั้นเอง  ผู้เรียนเจนจบครบสูตรทั้งหมดนี้เรียกว่า “สำเร็จโสฬส”   กลายเป็นยอดคนครบถ้วนกระบวนยุทธ์   คัมภีร์สุวรรณโคมคำได้สืบต่อเรื่อยมารุ่นแล้วรุ่นเล่าโดยเหล่าศิษย์ผู้ได้รับการถ่ายทอด

 ด้วยศักดานุภาพของคัมภีร์ที่มากล้นนี้  ล้วนเป็นที่หมายปองของผู้แสวงหาวิชายิ่งนัก (คล้าย ๆ คัมภีร์กลยุทธ์ซุ่นจื่อ ที่ได้รับการสืบทอดโดยซุนปิง)  ถึงกับยกทัพจับศึกแย่งชิงตามที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ คัมภีร์สุวรรณโคมคำได้ผ่านกาลสมัยมาช้านาน  ต่อมาคัมภีร์นี้ได้ตกทอดมาถึง  "สมเด็จพระมหาเถรศรีศรัทธาราชจุฬามุนีศรีรัตนลงกาทีปมหาสวามี" นามเดิม คือ พระศรีศรัทธา   เป็นโอรสของกมรเตงอัญรามคำแหง  ประสูติ  ณ  เมืองสองแคว  (พิษณุโลก)   เมื่อเจริญชันษาได้ศึกษาศิลปวิทยา และเจนจบคัมภีร์มหาจักรพรรดิราช หรือคัมภีร์สุวรรณโคมคำ  สำเร็จโสฬสแต่ครั้งเยาว์วัย     นอกจากนี้ยังทรงเชี่ยวชาญในวิชาคชศาสตร์  และอัศวศาสตร์  (อันหนึ่งร้คุณช้าง  อันหนึ่งรู้คุณม้า  อันหนึ่งรู้คุณสีหะ  จารึกวัดศรีชุมว่างั้น) ในช่วงวัยหนุ่ม  พระศรีศรัทธาได้สู้รบกับขุนต่าง ๆ มากมาย  จนสุดท้าย ได้ทำยุทธหัตถีกับขุนจัง แทนพ่อขุนรามคำแหง ได้รับชัยชนะอย่างสง่างาม       

ต่อมาพระศรีศรัทธาเห็นภัยในการครองเรือน  ได้ทิ้งอาวุธ  นำทรัพย์สมบัติออกบริจาคทาน และได้ยกพระธิดา และพระชายาให้แก่ผู้ที่มาขอ ได้เจริญรอยตามพระเวสสันดรโพธิสัตว์ เสด็จผนวชบวชเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนาครั้งหนึ่ง  สมเด็จพระมหาเถรศรีศรัทธาได้จาริกไปแสวงบุญที่เกาะลังกา  หลังจากที่กลับจากการแสวงบุญที่เกาะลังกา ด้วยสมเด็จพระธรรมราชาลิไทย ตรัสให้บัณฑิตไปอาราธนานิมนต์กลับสู่กรุงสุโขทัยแล้ว     ครูบาอาจารย์สายสุวรรณโคมคำ  เล่าสืบมาว่า  "สมเด็จพระมหาเถรศรีศรัทธาฯ  ได้ผนวกเนื้อหาของพระอภิธรรมเข้าไว้ในคัมภีร์สุวรรณโคมคำ (ซึ่งท่านชำนาญอยู่แล้ว) จนครบสมบูรณ์  ซึ่งแต่เดิมนั้น คัมภีร์สุวรรณโคมคำมีเนื้อหาธรรมะครบถ้วนอยู่แล้ว  แต่ด้วยผ่านกาลเวลามาช้านาน ทำให้หลักธรรมกร่อนไปเป็นอันมาก  เหลือเพียงหลักการคำนวณ  และคำพยากรณ์เท่านั้น   ดังนั้น  ผู้ที่ศึกษาวิชาในคัมภีร์สุวรรณโคมคำ  เพื่อให้สำเร็จในขั้นสูง จำเป็นต้องศึกษาธรรมะ และฝึกกสิณสมาธิควบคู่ไปด้วย"     เมื่อบั้นปลายชีวิตของสมเด็จพระมหาเถรศรีศรัทธาราชจุฬามุนี ท่านได้กลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านเกิด คือวัดจุฬามณี จนกระทั่ง  ละสังขารลาจากโลกนี้ไป  รวมอายุได้ประมาณ  ๘๓  ปี

เชื่อกันว่า  แม้พญาลิไทก็ได้รับการถ่ายทอดคัมภีร์นี้จากสมเด็จพระมหาเถรศรีศรัทธาฯ ด้วยเช่นกัน   ต่อมาในสมัยหลัง  คัมภีร์นี้ตกทอดมาจนถึงสมเด็จพระนเรศวรมหาราช  คงประกอบด้วยเหตุนี้  พระองค์ท่านจึงปรีชาสามารถกอบกู้เอกราชได้สำเร็จภายในเวลาอันสั้น  และก่อนสวรรคต   โปรดให้คนนำคัมภีร์สุวรรณโคมคำไปคืนไว้ที่เมืองสุวรรณโคมคำเดิม (ประเทศลาว)

 

หมายเหตุ: ประวัติของสมเด็จพระมหาเถรศรีศรัทธา  ดูในศิลาจารึกวัดศรีชุมหลักที่

2  ประกอบ
 
by veerawong

mature_na@yahoo.com



ผู้ตั้งกระทู้ veerawong (mature_na-at-yahoo-dot-com) โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2009-03-15 11:54:00 IP : 124.120.156.113


1

ความคิดเห็นที่ 1 (2992849)
avatar
Pnut

อยากเรียนค่ะ อยากรู้ว่าที่คำนวณบุญ บาปเป็นยังไง

อยากแก้กรรมให้ถูกจุด ถูกต้องตามแนวทางพระพุทธศานาค่ะ

เสียดายวันที่ 2ไปไม่ได้ แต่วันพฤหัสที่ 23 นี้ไปได้แน่นอนค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น Pnut วันที่ตอบ 2009-04-07 20:26:17 IP : 58.8.39.134


ความคิดเห็นที่ 2 (2992850)
avatar
Pnut

ลืมถามค่ะ

งานเริ่มกี่โมงคะ แล้วไหว้ครูคือใครคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น Pnut วันที่ตอบ 2009-04-07 20:29:33 IP : 58.8.39.134


ความคิดเห็นที่ 3 (2993146)
avatar
Pallas

การแก้กรรมให้ถูกจุดตามพุทธศาสนาก็คือ การศึกษาทำความเข้าใจในอริยสัจสี่ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค และต้องปฏิบัติฝึกฝนตนเองให้เข้าใจถึงธรรมชาติของชีวิต

วงจรของกรรม สรุปให้ง่ายคือ กิเลส --> กรรม (การกระทำ) --> วิบาก (ผลของการกระทำ) พูดให้ละเอียดก็ต้องไปศึกษา ปฏิจจสมุปบาท เมื่อตัดวงจรได้ ก็พ้นทุกข์ โดยไม่ต้องรอชาติหน้าครับ

เรื่องเหล่านี้อยู่ในพระไตรปิฎกอยู่แล้ว ไม่ต้องไปศึกษาคัมภีร์อื่นๆที่ไม่รู้ว่ามีที่มาจริงๆอย่างไรหรอกครับ ถ้าจะอ่านแบบภาษายุคใหม่ ก็ลองอ่านหนังสือ พุทธธรรม แต่งโดย พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุตต์ ปยุตฺโต) น่าอ่านมากครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น Pallas (pallas-at-horauranian-dot-com)วันที่ตอบ 2009-04-08 15:26:34 IP : 61.90.143.87


ความคิดเห็นที่ 4 (2993264)
avatar
โรจน์-อินโฟ

ไหนๆ คุณ Pallas ก็มาแล้ว ขอเชิญชวนท่านผู้อ่านลองไปอ่านกระทู้หัวข้อเดียวกันนี้ในเว็บบอร์ดของ Horauranian.com (http://www.horauranian.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&Category=horauraniancom&thispage=1&No=1196309) มีผู้แสดงความเห็นไว้น่าสนใจมาก แต่ไม่อยากลอกมาฉายซ้ำในนี้ ใครจะว่าอย่างไรก็ขอให้ฟังหูไว้หูดีกว่าเชื่อสำนวนโวหารหรูๆ ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โรจน์-อินโฟ (webmaster-at-rojn-info-dot-com)วันที่ตอบ 2009-04-08 20:37:11 IP : 124.122.151.127


ความคิดเห็นที่ 5 (2994099)
avatar
โคมคำ

กฏแห่งกรรม  ก็เหมือนกับกฎวิทยาศาสตร์  คือเมื่อมีกฎก็มีสูตร  เมื่อมีสูตรที่ใช้ก็ย่อมมีผลที่พิสูจน์ได้

เรียนไว้ดูตัวเองก็ดีครับ   รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม  รู้ดีกว่าไม่รู้  ครูที่จะไหว้ก็คือ "พระบรมครูสัมมาสัมพุทธเจ้า"

ผู้แสดงความคิดเห็น โคมคำ วันที่ตอบ 2009-04-10 18:59:29 IP : 58.8.56.191


ความคิดเห็นที่ 6 (2994156)
avatar
โรจน์-อินโฟ

"ถ้าจบกสิณได้  คงไม่ต้องเรียนหรอกครับ"

(ว่าจะไม่ลอกมาแล้วเชียว)

ผู้แสดงความคิดเห็น โรจน์-อินโฟ (webmaster-at-rojn-info-dot-com)วันที่ตอบ 2009-04-10 21:45:39 IP : 124.122.151.178


ความคิดเห็นที่ 7 (2995134)
avatar
ธรรมนิยาม

 

โหราศาสตร์แนวพุทธ คือกระบวนการเรียนรู้เพื่อดูตัวเอง  พัฒนาตัวเอง  ฝึกฝนตัวเอง  มิใช่มองไปนอกตัว (อำนาจจากดวงดาว) กระบวนการเรียนรู้คือการพยากรณ์ตามกฎแห่งกรรม  แนะนำด้วยธรรมะ  ชนะชาตา  ดังพุทธพจน์ที่ว่า "กัมมุนา  วัตตะตี  โลโก- สัตว์โลกย่อมเป็นไปตาม"

ผู้แสดงความคิดเห็น ธรรมนิยาม วันที่ตอบ 2009-04-15 21:24:58 IP : 58.8.52.157


ความคิดเห็นที่ 8 (2995392)
avatar
ธรรมนิยาม

เอาบรรยากาศงานไหว้ครูของรอบวันที่ 2 เมษา  มาฝากครับ สำหรับผู้ที่สนใจ

http://www.komcome.com/

และยังมีพิธีไหว้ครูอีกรอบ คือวันที่ 23  เมษา 52 

๑) ไหว้ครูเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

๒) ไหว้ครูเพื่อเรียนวิชาสุวรรณโคมคำ (โหราศาสตร์แนวพุทธ, ปฐวีกสิณกรรมฐาน, และสมาธิบำบัดโรค (อานุภาพกสิณ)

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธรรมนิยาม วันที่ตอบ 2009-04-16 13:56:44 IP : 203.155.177.97


ความคิดเห็นที่ 9 (2995483)
avatar
โรจน์-อินโฟ

ได้ให้โอกาสท่านในการประชาสัมพันธ์มาพอสมควรแล้ว คงต้องขอปิดกระทู้แต่เพียงเท่านี้ หากท่านผู้ชมท่านใดสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม เชิญติดต่อกับ "สุวรรณโคมคำ" ได้โดยตรงตามข้อมูลข้างต้นครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โรจน์-อินโฟ (webmaster-at-rojn-info-dot-com)ตอบโดยเว็บมาสเตอร์วันที่ตอบ 2009-04-16 17:03:29 IP : 124.120.176.28



1


Copyright © 2010 All Rights Reserved.